ร้านอาหารเกาหลีในรูปแบบอาหารจีน ณ โคเรียนทาวน์ชั้น 3 ทางเข้าร้านจะดูเงียบๆ และอยู่ห่างจากร้านอื่นๆ พอสมควร แต่เมื่อเข้าไปจะเจอที่นั่งที่ค่อนข้างแออัดและลูกค้าเต็มเกือบทุกโต๊ะครับ ร้านนี้ผมมาทานสองครั้ง ครั้งแรกยังเป็นเมนูเล่มเก่าอยู่ แต่ล่าสุดเมื่อวานเข้าไปใหม่ เป็นเมนูเล่มใหม่พร้อมกับเมนูที่หลากหลายขึ้น ในราคาที่เท่าเดิม เมนูร้านนี้จะเน้นไปที่อาหารจีนสไตล์เสฉวน ถ้าเราเคยทานอาหารแถบนั้น เราจะเคยได้ยิน ผัดเต้าหู้ ไก่ทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน และบะหมี่ราดหน้าในหลากหลายรูปแบบ ที่มาเป็นชื่อเกาหลีชวนงงๆ สำหรับคนที่ไม่ใช่สายติ่ง โดยเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้เลยคือ จาจังมยอน บะหมี่ดำจากซอสถั่วดำที่การันตีว่าอร่อยกว่าที่เคยกินแน่นอน และอีกเมนูอย่างจัมปง บะหมี่ในซุปทะเลที่ใส่วัตถุดิบจากทะเลแบบจุกๆ เริ่มต้นกันด้วย Jajanmyeon (จาจังมยอน) ราคา 220 บาท เมนูซิกเนเจอร์ที่มีเพียงแค่ บะหมี่ หมูชิ้น และซอสถั่วดำที่ราดจนท่วมเส้น ก่อนทานก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตัวเส้นจะมีความนุ่มแบบหนึบๆ หน้าตาเหมือนสปาเกตตี้แต่จะไม่ได้เด้งและไม่กระด้างเท่าสปาเกตตี้ ส่วนซอสจะมีความถั่วดำอยู่นิดๆ แต่รสชาติจะออกไปทางอูมามิมากกว่า ไม่เค็ม ออกมันๆ นวลๆ อร่อยอย่างบอกไม่ถูก เป็นตัวที่ต้องสั่งซ้ำครับ หากต้องการซื้อกลับบ้าน ทางร้านก็มีขายแบบกล่องแช่แข็งในราคา 80 บาท แต่เทียบกับที่ร้านแล้ว สั่งกินที่ร้านอร่อยกว่าเยอะ หากยังไม่จุใจกับเมนูที่แล้ว ก็ต้องสั่ง Yuni Jajang (ยูนิ จาจัง) ราคา 260 บาท ในราคาไซส์ L เพิ่มเส้นเพียง 40 บาทเท่านั้น เราก็จะได้ชามใหญ่แบบจุกๆ แนะนำว่ากินกัน 3 คน สองคนถือว่าจุกเกินไป ตัวนี้จะต่างตรงเนื้อหมูเป็นหมูสับและใส่หัวหอมเพิ่มครับ รสชาติไม่ต่างกัน แต่ได้ Texture แบบหมูสับชิ้นๆ มันดีกว่าเนื้อหมูชิ้นๆ เยอะ เมนูซิกเนเจอร์ตัวที่สองคือ Jjamppong (จังปง) ราคา 240 บาท บะหมี่ในซุปทะเล ใส่เครื่องทั้ง หอยตลับ กุ้งและปลาหมึก รวมทั้งผักอีกหลายอย่าง รสชาติจะออกเข้มข้นแบบทะเล กลิ่นคาวค่อนข้างแรงพอสมควร ตัวเส้นจะไม่เหมือนกับในจาจังมยอน ขนาดเส้นจะเล็กกว่าคล้ายมาม่า และมีความนุ่มกว่าพอสมควร เครื่องใช้ของสดก็จริง แต่พอเจอกลิ่นคาว โดยเฉพาะจากหอยตลับและกุ้ง เลยไม่ค่อยประทับใจเมนูนี้สักเท่าไร ผ่านของหนักมาแล้ว เรามาต่อด้วยกับข้าวแบบจุกๆ กันบ้าง เริ่มต้นกับ Tangsuyuk (ทังซูยุก) ราคา 300 บาทสำหรับไซส์เล็ก จานนี้เลือกเป็นเนื้อหมู ซึ่งเนื้อหมูจะผ่านการทอดก่อนราดด้วยน้ำซอสที่เหมือนน้ำจิ้มบ๊วยหวานบ้านเรา ที่ทำจากน้ำตาลทรายกับน้ำแล้วปรุงรสชาตินิดหน่อย เนื้อหมูกรอบนอกและนุ่มในแบบกำลังดี ซอสเพิ่มความอร่อยให้กับเนื้อหมูอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับคนไม่ทานเผ็ด แต่ถ้าอยากทานเผ็ดละก็ จะแนะนำ Kkanpungki (กันพุงกิ) ราคา 300 บาทสำหรับไซส์เล็กเช่นกัน จานนี้เปลี่ยนเป็นเนื้อไก่แทน ซึ่งจะนุ่มกว่าเนื้อหมู ทอดด้านนอกให้กรอบ และราดด้วยซอสส้มที่ให้อารมณ์แบบเปรี้ยวหวาน ไม่เผ็ดมาก คนไม่ทานเผ็ดก็ทานได้ครับ ส่วนตัวชอบกันพุงกิมากกว่าเนื่องจากมิติของรสชาติดีกว่า สำหรับสายทานเกี๊ยว ก็มี Gumandu (กูนมันดู) ราคา 120 บาท ไส้ไม่ได้อัดแน่นอย่างที่คิด แต่อร่อยออกเค็มแบบกำลังดี เนื้อหมูและวุ้นเส้นให้มาเยอะใช้ได้ ส่วนด้านนอกทอดจนกรอบ จิ้มกับน้ำจากกิมจิปรุงรสเพิ่มความเปรี้ยวๆ ให้กับเมนูนี้ ส่วนเครื่องเคียงที่ร้านอาหารเกาหลีส่วนใหญ่จะมีให้ ร้านนี้จะมีไช้เท้าดองสีเหลืองที่ออกเปรี้ยว ทานกับอะไรก็อร่อยโดยเฉพาะจาจัมมยองที่ตัดเลี่ยนได้ และอีกอย่างคือกิมจิที่ไม่ผ่านการปรุงรสหวาน ดังนั้นรสชาติจะออกขมและเปรี้ยวแบบโดดๆ เอาใจคนชอบแบบออริจินัลจริงๆ เครื่องดื่มนั้นก็จะเป็นเหมือนกับร้านทั่วๆไป ที่มีน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างโซจู แต่แนะนำว่าให้ถามทางร้านก่อนว่าขายได้มั้ยครับ แต่ถ้าอยากทานน้ำเปล่า ที่นี่มีเสิร์ฟฟรีและขอเติมได้ตลอดอยู่แล้วครับ ในเรื่องของรสชาติ ยอมรับเลยว่าอร่อยและถูกปากหลายตัวเลยครับ จะมีแค่จัมปงที่รู้สึกไม่ชอบเท่าไร แต่เข้าใจได้เพราะเมนูนี้มันต้องเป็นแบบนั้น ส่วนการบริการค่อนข้างล่าช้าหน่อยๆ ครับ พนักงานมีอยู่กันไม่กี่คน แนะนำว่าให้ดูเมนูก่อนไปทาน แล้วสั่งเลยจะได้ไม่เสียเวลารอครับ ถ้าหากเป็นช่วงพีคไทม์ เราต้องไปจ่ายเงินที่หน้าเคาเตอร์ครับ แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงนั้นแล้ว พนักงานจะมาเก็บเงินที่โต๊ะเอง ข้อดีของร้านนี้คือรับบัตรเครดิต โดยไม่มีการชาร์จ service หรือ vat เพิ่มแต่อย่างใดครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha