เห็นร้านนี้ขายดีลช่วง BRW 2019 ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ในลิสต์ของเรามาซักพัก ก็เลยกดซื้อดีล อย่างไม่ลังเลเช่นเคย ดีลที่ขายผ่านวงในมีราคาเดียว คือ 1599++ สามารถใช้ได้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น พวกเราเลือกมาทานมื้อเย็นวันธรรมดา จะได้มีเวลานั่งนานหน่อย ซึ่งแนะนำเลยว่า ควรจองก่อนมาเพราะโต๊ะเต็มเกือบทุกโต๊ะ ร้านนี้ฮิตมากในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อีกอย่างอาหารพิเศษบางรายการ ที่ไม่ได้ร่วมอยู่ในดีล ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน ถ้าอยากสั่งเพิ่มแต่ไม่อยากนั่งรอนาน แนะนำให้สั่งจองล่วงหน้ามาเลย อย่างวันนี้ทุกคนอยากลองชิม ไก่ย่างสูตรพิเศษของที่ร้าน “Chicken Perigourdin Style” (2400++) ไก่ออร์แกนิค ขนาด 1.4 kg ที่เสริฟมาพร้อมกับมันบดทรัฟเฟิลและซอสทรัฟเฟิลรสเข้มข้น >> เมนูนี้จะใช้เวลาเตรียมนานถึง 1 ชั่วโมง ในส่วนของดีล 1599++ เอง จะเสริฟอาหารแบบ 3 courses (Appetizer, Main, และ Dessert) แต่ไม่รวม Drinks เราชอบ Appetizer มากสุด ทำออกมาได้ดีทั้ง Scallop Ceviche (520++) และ Carpaccio Truffle (590++) >> หอยเชลล์เนื้อสดหวาน เป็นจานที่ทานแล้วสดชื่นดีมาก ชอบที่ใส่ทับทิมและสตรอเบอรี่สดลงมาด้วย ช่วยเพิ่มความหอมหวานให้เมนูนี้นอกเหนือจากความเปรี้ยวของ citrus juices ส่วนเนื้อคาร์ปาชโชก็หอมกลิ่นทรัฟเฟิลแบบโดดเด่น ทานง่ายกว่าที่คิดไว้สำหรับคนที่ไม่เคยลองทานเนื้อดิบ รสชาติของชีสและทรัฟเฟิลออยล์ เสริมรสชาติให้กับเนื้อดิบได้อย่างลงตัว แถมยังมีความกรุบกรอบจากเฮเซลนัทที่โรยมาด้านบน ทำให้ได้ 2 รสสัมผัสในคำเดียวกัน ขนมปัง Sourdough ที่เสริฟมาในตะกร้าพร้อมเนยผสมสมุนไพร ก็เท็กซ์เจอร์ดีเลยนะ อร่อยทีเดียว ถ้าทานหมด สามารถขอเพิ่มได้ทั้งขนมปังและเนย ส่วนเมนดิช ได้ลองชิมทั้ง Lobster Pasta และ Hanger Steak Wagyu ขนาด 300 กรัม >> Lobster Pasta ลวกเส้นออกมาได้แบบ al dente จริงๆ เนื้อ Lobster ก็สดเด้งดีมาก ซอสปรุงมารสชาติลงตัวพอดี นัวสุดๆ ส่วน Hanger Steak ซึ่งเป็นเนื้อส่วนท้องด้านล่าง แม้เนื้อส่วนนี้ ถือเป็นเนื้อส่วนที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับเนื้อส่วนอื่นๆ และไม่มีไขมันแทรก (ที่ปกติเรามักจะไม่สั่งทาน) >> ถือว่ามีความนุ่มอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ เพียงแต่การปรุงรสของร้านนี้ มาตรฐานความเค็ม มือไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ขนาดว่าเราเป็นคนชอบทานอาหารรสเค็มนำแล้วนะ ยังไม่รอดเลย 🧂🧂🧂🧂🧂จานของเราให้คะแนนความเค็มระดับสูงสุด แต่ที่แปลกมากคือ Manager ร้านนี้นำกลับไปชิม แล้วบอกว่า นี่คือรสชาติมาตรฐานของที่ร้าน ❌ ทำให้เราคิดหนักเลยนะว่าควรจะกลับมาทานร้านนี้อีกดีหรือไม่ 😱😱😱 สำหรับเมนูไก่ย่างสูตรพิเศษที่พวกเราสั่งมาชิมเพิ่มเติม หลังจากนั่งรอคอยเมนูนี้ด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม “Chicken Perigourdin Style”: เมนูนี้มีความพิเศษตรงที่ เชฟจะยัดไส้ทรัฟเฟิลและ Foie gras ระหว่างเนื้อไก่กับหนัง เพื่อให้ได้ทั้งความหอมของทรัฟเฟิลและความมันของตับห่าน เพิ่มขึ้นมาจากไก่ย่างปกติ >> มันบดทรัฟเฟิลที่เสริฟมาเป็นเครื่องเคียง เนื้อเนียนนุ่ม หอมกลิ่นทรัฟเฟิล เนื้อไก่เองก็มีความนุ่มใช้ได้เพียงแต่มีรสเค็มนำเช่นเคยตรงส่วนหนังไก่ แต่ด้วยราคาที่แรงขนาดนี้สำหรับไก่ย่าง เราว่าน่าจะโรยทรัฟเฟิลสไลด์มาด้านบนหน่อยนะ จะได้สมราคาไก่ตัวละเกือบ 3000 บาท (หลังจากรวม vat และ service charges) เพราะกลิ่นทรัฟเฟิลจางไปหน่อย โดนกลิ่นตับห่านกลบไปซะหมด ในส่วนของเมนูของหวาน “Varrhona Chocolate with Sea Salted Caramel” (390++) เนื้อช็อคโกแลตริชมากๆ ฐานด้านล่างก็ทำออกมาได้กรุบกรอบดี ใครชอบทานช็อคโกแลตรสเข้มๆ คงถูกใจ ✍️โดยรวมอาหารในดีลนี้แม้จะทำจานเนื้อออกมาได้ไม่น่าประทับใจ แต่ Appetizer ถือว่าโดดเด่นมากจริงๆ สำหรับตัวเอง คิดว่าดีลนี้เหมาะสั่งเมนเป็น Lobster Pasta มากกว่า เพราะเมนู Hanger Steak บางจานมีความเค็มอยู่ในระดับสูงมาก ❌ และที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่คือ Manager ร้านนี้ไม่รับฟังคำตำหนิในส่วนนี้ของลูกค้าเพราะถือว่าเป็นรสชาติปกติของที่ร้าน ?? ทำเอาเราอึ้งไป 10 วินาที เพราะส่วนตัวยังไม่เคยเจอนะที่ Manager เถียงลูกค้า แม้จะพยายามมาบริการด้วยตัวเองช่วงหลังอย่างดีแต่ก็คงไม่ได้ช่วยอะไร สำหรับคนที่ซื้อดีลไปแล้วและไม่ชอบทานอาหารรสเค็มจัดๆ แนะนำให้เลี่ยงเมนู Hanger Steak หรือถ้าอยากทานเนื้อจริงๆ ก็ระบุตอนสั่งไปเลยว่าขอลดปริมาณเกลือลงจากปกติ ไม่งั้นก็ต้องนั่งลุ้นเอา อย่างวันนี้เราสั่งเนื้อไปทั้งหมด 3 จาน >> ระดับความเค็มไม่เท่ากันซักจาน เราคงโชคร้ายสุดเพราะจานของเราเค็มปี๋ ส่วนจานของเพื่อนอีก 2 คน จานนึงความเค็มอยู่ในระดับที่พอรับได้ ส่วนอีกจานทำออกมาได้ปกติสุด ดูไม่ค่อยได้มาตรฐานเท่าไหร่นะ ทำให้ทั้งโต๊ะเสียอรรถรสในการกินเนื้อไปพอสมควร 😞 แม้ว่าครั้งนี้เราจะติดใจ Appetizers มากๆ แบบที่อยากกลับไปทานซ้ำ แต่ก็คงเลือกไปทานร้านอื่นแทนเพราะการบริการที่ขาดๆ เกินๆ ของผู้จัดการร้านนี้ และไม่อยากนั่งลุ้นรสชาติอาหารที่จะได้ทานในมื้อนั้นๆ