มื้อเย็น

OPA!...และแล้วเราก็ได้มีโอกาสมาเฮฮาปาร์ตี้กันที่ Aesop’s – ร้านอาหารกรีกในซอยศาลาแดงที่เพิ่งได้รับรางวัล The Plate จาก Michelin Guide 2020 ไปเมื่อต้นปีนี้ การันตีความสดใหม่ของวัตถุดิบและความพิถีพิถันในการปรุงอาหารได้เป็นอย่างดีค่ะ อาหารกรีกนั้นมีรากฐานมาจากอาหารของจักรวรรดิ์ Ottoman ปะปนกับของประเทศแถบคาบสมุทร Balkan ด้วยเหตุนี้จึงมีความคล้ายคลึงกับอาหารตุรกีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคทางตะวันตกของตุรกีอย่างเมือง Izmir และ Istanbul นั้นเรียกได้ว่าอาหารการกินเหมือนกับทางกรีซแทบจะเป๊ะๆแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว สำหรับร้าน Aesop’s นี้นอกจากจะนำเข้าวัตถุดิบหลายๆอย่างมาจากประเทศกรีซแล้วยังได้เชฟชาวตุรกีอย่าง Chef Metin Kadik มารับหน้าที่ Chef de Cuisine อีกด้วย จึงเชื่อได้แน่ว่าเป็นร้านที่นำเสนอรสชาติอาหารกรีกแท้ๆราวกับได้บินไปทานถึงที่กรีซไม่มีผิดเพี้ยนเลยล่ะค่ะ ใครที่ชอบอาหารของแถบ Mediterranean อยู่แล้ว หรืออยากลองอาหารกรีกพร้อมกับสัมผัสวัฒนธรรมกรีกไปด้วยก็ต้องแวะมาที่นี่เลย ****- เมนูที่ได้ลอง-**** [Cold Mezes] Cold Mezes หรือของทานเล่นแบบเย็นนั้นโดยมากจะเป็นพวก Dips ต่างๆ ซึ่งจะสั่งมาแบบเดี่ยวๆเป็นจานๆไปก็ได้ แต่ถ้าอยากชิมหลายๆอย่าง ก็สั่งเป็นชุด Chef’s Mixed Dip (500 บาท) นี้ไปเลยจะคุ้มกว่าค่ะ ในเซ็ตประกอบไปด้วย Dips 4 ชนิด (อย่างละ 100 กรัม) เสิร์ฟพร้อมขนมปังและผักสดให้เอามาจิ้มทานด้วยกัน รายละเอียดตามนี้เลย • Hummus ถั่วลูกไก่ต้มจนนุ่ม นำมาผสม Tahini หรือซอสงาแล้วบดหยาบๆ ปรุงรสด้วยเลมอน กระเทียม และน้ำมันมะกอก ท็อปด้วยถั่วลูกไก่แบบเต็มๆเม็ดเพิ่มรสสัมผัสให้เคี้ยวสนุก ทานเพลินดีทีเดียว • Melitzanosalata เป็น Dip ที่ทำจากมะเขือยาวและพริกหยวก (Bell Peppers) ปั่นรวมกับกระเทียม, parsley และน้ำมันมะกอก ชิมแล้วได้รสชาติมะเขือยาวเต็มๆ หอมพริกหยวกแต่ไม่เผ็ดนะคะ • Taramasalata จานนี้เราชอบมากที่สุดในบรรดา Dip ทุกตัวที่ได้ชิมเลย คำว่า “Tarama” นั้นคือไข่ปลา ซึ่งทางร้านใช้ไข่ปลาค็อดที่นำเข้าจากกรีก นำมาผสมกับขนมปัง Pita ที่แช่จนนุ่ม มันฝรั่งต้ม กระเทียม และน้ำมันมะกอก ปรุงรสด้วยเลมอน แล้วใส่เครื่องปั่นจนเนื้อสัมผัสเป็นครีมนวลเนียนนุ่มละมุน ได้ความหอมมันเข้มข้นจากไข่ปลา ตัดด้วยรสเปรี้ยวสดชื่นจากเลมอนสดๆเด่นชัด อร่อยน้ำตาจิไหล • Tzatziki เบสของ Dip ตัวนี้เป็น Greek Yogurt (Strained Yogurt) เนื้อเนียนแน่น ครีมมี่แต่ไม่เลี่ยน มีเปรี้ยวบางๆ นำมาผสมกับแตงกวา ใบมิ้นต์ ผักชีฝรั่ง กระเทียม และเลมอน รสชาติสดชื่น ใช้เบรคความหนักของอาหารจานอื่นๆได้ดีมากค่ะ • Bread Basket ขนมปังที่ทางร้านอบเองใหม่ๆวันต่อวัน มี 2 แบบคือ Pita Bread เสิร์ฟอุ่นๆ และ Koulouri หรือ Sesame Bagel เนื้อขนมปังของ Pita Bread จะแห้งเล็กน้อยแต่เคี้ยวสนุก ส่วน Sesame Bagel นั้นเราว่าเด็ดยิ่งกว่า เนื้อขนมปังแน่นหนึบหอมงา ผิวนอกกรอบ ชิมแล้วเทใจให้รัวๆเลย จิ้มกับ Dips ตัวไหนๆก็ฟินทั้งนั้น • Veggie Sticks ผักสดๆทั้งแครอท แตงกวา หัวไชเท้า พริกหยวก หั่นเป็นชิ้นๆให้เอามาจิ้มกับ Dips ทาน ได้รสชาติที่สดชื่นดีค่ะ [Hot Mezes] • Falafel (220 บาท) ของทอดที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศทางตะวันออกกลางนี้ทำจากถั่วลูกไก่บดปั้นเป็นก้อนกลมๆคล้าย Meatball ปรุงรสมาได้ดีมากๆจนลืมไปเลยว่าไม่มีเนื้อสัตว์ เสิร์ฟร้อนๆกรอบนอกนุ่มใน รสชาติเค็มนิดๆหอมเครื่องเทศ ทานคู่กับสลัดผักและผักดองก็ช่วยแกล้มตัดรสได้ลงตัว จะทานเปล่าๆหรือทานคู่กับ Pita Bread ก็ดีทั้งนั้นล่ะ • Chicken Souvlaki (410 บาท) Souvlaki หรือเนื้อสัตว์เสียบไม้ย่างซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของกรีกนั้นมีหน้าตาและรสชาติที่ใกล้เคียงกับ Shish Kebab ของตุรกี (Shish มาจากคำว่า şiş ซึ่งเป็นภาษาตุรกีแปลว่าไม้เสียบสำหรับย่าง) จนบางครั้งก็ถูกเรียกว่า Greek Shish Kebab เพื่อให้เข้าใจง่าย แต่ Souvlaki ของกรีกก็มีความแตกต่างในเรื่องของเครื่องเทศที่ใช้และวิธีการหมักเนื้อ อีกทั้งยังมีการบั้งเนื้อเป็นชิ้นย่อมๆก่อนนำไปเสียบไม้ย่างเพื่อให้รูดทานได้ง่ายกว่า Shish Kebab ค่ะ สำหรับ Chicken Souvlaki จานนี้คืออร่อยประทับใจมากจริงๆ เนื้อไก่หมักได้นุ่มฉ่ำแสนละมุน หอมกลิ่นย่างถ่านกรุ่น กลิ่นรสเครื่องเทศซึมซาบเข้าเนื้อกลมกล่อมกำลังดี บีบเลมอนสดใส่นิดนึงคือลงตัว จะทานเปล่าๆหรือทานกับ Pita Bread ก็ได้ มี Tzatziki เสิร์ฟเคียงมาให้จิ้มช่วยตัดรส แถมด้วยผักย่างและสลัดเพิ่มความสดชื่น ฟินระเบิดระเบ้อ... • Prawns Souvlaki (400 บาท) กุ้งตัวโตๆเสียบไม้ย่าง เสิร์ฟเรียงกันมา 4 ตัว บีบเลมอนทานกับผักย่างและข้าวสีเหลืองทองที่มีกลิ่นคล้ายขิงเบาๆ (แอบเดาว่าน่าจะใส่ขมิ้นหรือไม่ก็ Saffron) เทียบกับจานที่แล้วเมนูนี้รสชาติค่อนข้างอ่อน เลยรู้สึกว่าไม่โดดเด่นเท่าไหร่ เนื้อไก่ฟินกว่ากันเยอะค่ะ [Greek Cheese] • Flaming Cheese Saganaki (450 บาท) คำว่า Saganaki นั้นหมายถึงกระทะแบนๆทรงกลมที่มีที่จับสองด้าน อาหารต่างๆที่ปรุงใน Saganaki นี้ก็เลยพลอยถูกเรียกว่า Saganaki ไปด้วย โดยที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดในฐานะอาหารประจำชาติของกรีกก็คือ Flaming Cheese - หรือชีสที่นำมา Flambé ด้วยเหล้าใน Saganaki จนไฟลุกโชติช่วง ตื่นตาตื่นใจแบบต้องถ่ายคลิปกันรัวๆเลยล่ะ สำหรับ Flaming Cheese ของที่นี่นั้นทางร้านนำเข้าชีส Kefalograviera ซึ่งเป็น PDO (Protected Designation of Origin) ของภูมิภาค Macedonia ตะวันตก, Epirus, และ Aitoloakarnania มาค่ะ เป็น Hard Cheese ที่ทำจากนมแพะผสมนมแกะ รสชาติเค็มนิดๆ nutty หน่อยๆ เนื้อเนียนแน่น เมื่อนำมาย่างไฟก็จะมีความกรอบที่ผิวนอก เนื้อในนุ่มเยิ้มหนึบหนับเคี้ยวสนุก ปรุงรสด้วยน้ำผึ้ง เลมอนสดและ Oregano ก็ได้ออกมาเป็นความหวานอมเปรี้ยว สมดุลกับความเค็มมันของชีส ผสานกับกลิ่นรสของเหล้าที่ใช้ Flambé คือลงตัว ทานเพลินจนลืมตัวเลิกกลัวอ้วนกันไปเลย [Chef’s Seafood] • Grilled Whole Octopus Tentacle (850 บาท) หนวดหมึกยักษ์ทั้งเส้นเสิร์ฟมาใน Hot Plate ร้อนจี๋ มีความหอมเนยปนเค็มนิดๆ ราดน้ำมันมะกอก ปรุงรสด้วยเลมอนและใบ Thyme สดคือลงตัว เนื้อของหนวดหมึกมีความกึ่งนุ่มกึ่งหนึบเคี้ยวสนุกดีค่ะ [Dessert] • Baklava with Greek Yoghurt Ice cream (400 บาท) ว่ากันว่า Baklava นั้นเป็นขนม Pastry ที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิ Ottoman ซึ่งในยามเรืองอำนาจถึงขีดสุดนั้นมีอาณาเขตกว้างไกลกินพื้นที่ครอบคลุมทั้งกรีก ตุรกี เลบานอน อิสราเอล อียิปต์ และบางส่วนของประเทศซาอุดิอาระเบียในปัจจุบัน - Baklava จึงเป็นขนมที่พบเห็นตามร้านอาหารกรีกและตะวันออกกลางได้ทั่วไป โดยมีความแตกต่างกันบ้างตามรสนิยมของคนในแต่ละภูมิภาคค่ะ สำหรับ Baklava ของร้านนี้นั้นบอกเลยว่าเด็ดจริงอะไรจริง แป้ง Filo บางกรอบพับซ้อนกันเป็นชั้นๆพองสวย ผิวนอกกรอบกริ๊บได้ใจ ไส้ด้านในที่สอดแทรกระหว่างชั้นแป้งนั้นทำจาก Mixed nuts (ที่ดูแล้วเป็น Pistachio ซะส่วนใหญ่) เคล้ากับน้ำผึ้งหอมหวานหนุบหนับ แต่งกลิ่นรสด้วย Cinnamon เบาๆ อบใหม่ๆเสิร์ฟอุ่นๆ ทานคู่กับไอศกรีมโยเกิร์ตที่เนื้อเนียนละมุนอมเปรี้ยวอมหวานสดชื่นที่ราดน้ำผึ้งมาด้วยก็ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก ยกให้เป็นร้านหนึ่งที่ทำ Baklava ได้อร่อยที่สุดในบ้านเราเลยล่ะ [Drinks] • Virgin Aphrodite เป็น Mocktail สีชมพูอมแดงสดใส Present มาแบบอลังการด้วย Smoke Bubble ที่เจาะปุ๊บก็แตกโพล๊ะเป็นควันน่าตื่นตาตื่นใจ รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานสดชื่นแบบ Berry ดีงามทีเดียว • Greek Coffee (130 บาท) ก็คือสิ่งเดียวกับ Turkish Coffee นั่นเอง ใช้เมล็ดกาแฟที่บดละเอียดจนเป็นผงแป้ง ต้มจนเดือดแล้วเสิร์ฟโดยไม่กรอง จึงมีผงกากกาแฟอณูจิ๋วๆแขวนลอยอยู่ให้ดื่มไปพร้อมๆกัน รสชาติกาแฟของที่นี่จะ nutty หน่อยๆ อมเปรี้ยวนิดๆ ไม่เข้มมากค่ะ ****-บรรยากาศ-**** แม้จะเห็นการตกแต่งที่สื่อให้เห็นถึงประเทศกรีซอยู่บ้าง ทั้งหน้าร้านที่ใช้สีฟ้าสลับขาวชวนให้นึกถึงบ้านเรือนบนเกาะ Santorini ทั้งรูปปั้น ทั้งอ่างล้างมือที่ออกแบบคล้ายน้ำพุสไตล์กรีกโบราณ... แต่บรรยากาศโดยรวมนั้นดูทันสมัยเหมาะแก่การไป hang out กับผองเพื่อน มี Drink Bar ขนาดใหญ่เอาใจสายดื่ม กลางห้องมีโต๊ะตัวยาวที่บางค่ำคืนก็กลายเป็นเวทีให้ขึ้นไปโชว์สเต็ปกัน ภายในห้องปรับแสงสลัวตัดกับความสว่างจากไฟสีนีออนแบบดิสโก้ เปิดดนตรีสไตล์กรีกที่ออกแนวสนุกสนาน เหมาะกับการไปปาร์ตี้กันสุดๆค่ะ ****-Smashing Plates-**** การโยนจานนั้นเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของกรีซ โดยมีความหมายสื่อถึงการเฉลิมฉลอง มักจะทำกันในงานรื่นเริงหรือพิธีแต่งงาน เวลาที่เขวี้ยงจานลงพื้นจนแตกก็ตะโกนว่า “OPA!” ไปด้วย คล้ายๆ ”ไชโย!” ของบ้านเราเลยล่ะ สำหรับที่ร้าน Aesop’s นี้ หลังจากทั้งกินทั้งดื่มกันอิ่มหนำแล้ว เจ้าของร้านคือคุณ John Gamvros และคุณ Philipp Weigel ก็จะมาชวนแขกล้อมวงกอดคอกันเต้น Zorba dance สเต็ปง่ายๆกันเป็นที่สนุกสนาน จบด้วยการโยนจานที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านเลย จานที่นี่เป็นจานดินเผาสั่งทำพิเศษ เวลาแตกจะไม่มีคม ไม่ต้องกลัวโดนบาด ใครติดใจอยากซื้อไปโยนเล่นที่บ้านบ้าง ทางร้านก็มีขายด้วยนะ ราคาใบละ 40 บาทจ้า ****-The Verdict-**** ปรกติเราค่อนข้างชอบอาหารแนวนี้อยู่แล้ว และกับมื้อนี้ทางร้านก็ทำออกมาได้ดี รสชาติอาหารอร่อยเป็นส่วนใหญ่ พอเสริมด้วยบรรยากาศที่ทั้งสนุกสนานและมีเอกลักษณ์ก็ยิ่งปลื้มปริ่มกันไปอีก ถูกใจสุดๆค่ะ ใครชอบแนวนี้ต้องมาลองเลย #RettyGinza

  • 19
  • 3
20/03/04

Other Reviews