หลังจากรอบที่แล้วได้กินเพราะมีคนจองให้ รอบนี้ก็มีคนจองให้เช่นเดิม แต่โดนเลื่อนไปอีก 1 เดือนเพราะว่าเกิดการระบาดอย่างหนักในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่งจะกลับมาทานได้ตอนต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งทางร้านก็ใจดีให้เปลี่ยนรอบได้ด้วย แต่ยังคงต้องมาทานวันธรรมดาช่วงเย็นเหมือนเดิม แนะนำว่าหากจะจอง ควรจองรอบดึกสุดอย่าง 19:30 ซึ่งรอบนี้จะนั่งได้ยาวๆ จนร้านปิดครับ รอบนี้ทางร้านให้นั่งด้านบน ซึ่งด้านบนจะค่อนข้างเงียบกว่า ไม่วุ่นวาย แสงไฟดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด วิธีการเรียกพนักงานเพียงแค่กดออดที่โต๊ะ สักพักพนักงานก็จะเดินมารับเรื่องถึงโต๊ะเลยครับ สำหรับวันนี้มาทานด้วยกัน 4 คน เมนูก็จะจุกๆ กันสักหน่อย เริ่มต้นเบาๆ ด้วย Cold Cut Platter ราคา 390 บาท จะมี cold cut อยู่ถึง 4 แบบ ทานคู่กับขนมปัง ชีส และแตงกวาดองไว้ตัดเลี่ยน รสชาติโดยรวมคือดี เนื้อจะมีความเค็มๆ เข้มข้นบ้างแล้วแต่ตัวครับ ส่วนตัวชอบอันที่หน้าตาเหมือนเบคอนที่สุดครับ กินกับขนมปังอร่อย ต่อกันด้วย Tomato Balsamic Salad ราคา 285 บาท จากรอบที่แล้วกินจนไม่อยากกินแล้ว รอบนี้ก็โดนให้ทานอีกรอบ พอลองกินกับ Cold Cut จานก่อนหน้าบางชิ้นพร้อมกัน กับชุบน้ำสลัดเยอะๆ ให้ไม่รู้สึกเหม็นเขียว ก็รู้สึกดีขึ้น หรือจะเก็บไว้ทานตัดเลี่ยนกับสเต๊กก็ดีเช่นกันครับ และขาดไม่ได้กับเมนูเครื่องเคียงอย่าง Mashed potato ราคา 160 บาท รสชาติดีเหมือนเดิม หอมเนยและนมที่ผสมลงไปในมันฝรั่งที่บดจนเนื้อเนียนนุ่มเหมือนนม แนะนำว่าควรสั่งมาทานคู่กับเนื้อ ฟินมากๆ ต่อกันด้วยเนื้อผัดซอสแจ่ว ราคา 390 บาท เมนูที่ใครหลายคนแนะนำ ตัวเนื้อจะผ่านการคลุกกับซอสแจ่ว แทบไม่ต้องปรุงเพิ่ม เนื้อมีความนุ่มและเหนียวแบบสู้ฟัน แต่จะค่อนไปทางนุ่มแบบไม่ต้องเคี้ยวมากเป็นหลัก รสชาตินัว ออกเผ็ดจัดจ้าน เสิร์ฟมาพร้อมกับรากบัว ที่ดับความเผ็ดได้เป็นอย่างดี จานนี้ควรค่าแก่การสั่งอย่างยิ่งครับ อีกจานที่เป็นตระกูล Starter แล้วได้ลองเลยคือลิ้นวัวพะโล้ ราคา 390 บาท เสิร์ฟมาในจานใบโต พร้อมกับพริกน้ำส้ม และผักดองทานตัดเลี่ยน ตัวลิ้นวัวมีบางชิ้นเหนียวแบบต้องออกแรงสักหน่อย น่าจะเป็นส่วนปลายลิ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโคนลิ้นที่ทำออกมาได้นุ่มมากๆ เครื่องเทศของพะโล้ดับกลิ่นของลิ้นได้เป็นอย่างดี แนะนำว่าให้เหยาะพริกน้ำส้มนิดหน่อย จะช่วยลดความเค็มลงได้อีกครับ ก่อนจะเริ่มไปที่จานหลัก เราต้องสั่งข้าวผัดมันเนื้อ ราคา 150 บาท พร้อมกับไข่ดองโชยุ ราคา 25 บาท จะใส่ไข่ลงไปคลุกเลย หรือเอามาจิ้มๆ เหยาะๆ ทีหลังก็ได้เช่นกัน ตัวข้าวผัดมาแบบร้อนๆ กินกับเนื้ออร่อยที่สุดครับ จานหลักจากแรก ยกให้กับ Striploin A5 ราคา 1930.5 บาท ขนาดประมาณ 330 กรัม ขนาดชิ้นกำลังดี ไม่แน่ใจว่าผ่านการ Dry Aged มากี่วัน แต่รสชาติเข้มข้นใช้ได้ กลิ่นของไขมันที่ละลาย เจอกับความนุ่มของเนื้อที่ให้เราได้ออกแรงเคี้ยวไม่มาก และได้ซึมซับความเข้มข้นของเนื้อ ทำให้ชิ้นนี้เป็นหนึ่งในจานที่ดีที่สุดของวันนี้เลยก็ว่าได้ครับ มีเครื่องเคียงเสิร์ฟมาให้ ตั้งแต่ แครอท ไช้เท้าดอง หอมดอง พริก เกลือและพริกไทย แล้วแต่เลยว่าจะจิ้มอันไหน ถ้าให้ผมแนะนำ โรยด้วยเกลือหิมาลายันคืออร่อยที่สุดแล้วครับ จานหลักอีกจานหลังจากยังอิ่มไม่พอ เลยสั่งจานเดิมอย่าง Wagyu Slide ราคา 462 บาท รอบนี้ได้ประมาณ 110 กรัม ทางเชฟก็เดินนำเนื้อขึ้นมาเบิร์นให้ดูถึงโต๊ะ แล้วนำไปจัดจาน มาพร้อมกับโชยุปรุงรส เลมอน วาซาบิสด และเกลือ รอบนี้เนื้อจะออก Medium Rare หน่อยๆ ความอร่อยจะต่างจากที่เราไปย่างแบบทั่วๆไป คือความเข้มข้นดีกว่า ทานแล้วไม่เลี่ยนหรือละลายจนเรายังไม่ได้เคี้ยวอะไรเลย รสชาติครบเครื่องเหมือนเดิม เหมาะกับคนทานน้อยแต่อยากทานของแพงสุดครับ นอกจากอาหารแล้ว เครื่องดื่มร้านนี้ที่ใครหลายๆ คน Recommend คงไม่พ้น Lemon Soda ราคา 75 บาท รสชาติไม่ได้ออกเปรี้ยวจ๋า บาลานซ์ระหว่างความเปรี้ยวกับความซ่าได้ดี ช่วยในการตัดเลี่ยนหลังจากทานเนื้อหนักๆ ได้เป็นอย่างดี โดยรวมแล้วความอร่อยดีเหมือนเดิม วัตถุดิบและการปรุงอาหารผ่านความใส่ใจจากทางเชฟและทีมงานทุกคน ทานแล้วรู้สึกได้ ส่วนการบริการรวดเร็วใช้ได้ เพียงแต่จะได้บ้างไม่ได้บ้างนั้นอีกเรื่องนึงครับ รอบนี้ไม่มีโปรโมชั่นลดราคาใดๆ แล้ว ร้านรับชำระทั้งเงินโอน เงินสดและบัตรเครดิตครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha