ถ้าหากอยากจะหาร้านเนื้อดีๆ สักร้าน ร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในร้านที่หลายๆ คนแนะนำ อาจจะด้วยทั้งราคา ที่ไม่ได้แพงจนเกินไป (มั้งนะ) รสชาติที่แสนประทับใจ รวมทั้งคุณภาพของเนื้อที่เลือกใช้ก็สูงเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความสามารถในการรองรับลูกค้าได้ค่อนข้างจำกัดแต่ความต้องการจะกินไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้การจองร้านนี้เราต้องใช้ทุกความสามารถส่วนตัวที่มีอยู่ รวมทั้งถ้าได้คิว อาจจะต้องรอไปอีกยาวๆ เช่นกัน จนบางคนทิ้งคิวไปเลยก็มี แต่จะด้วยความโชคดีหรือชงก็ไม่แน่ใจ ที่อยู่ๆ ก็มีคนทักมาบอกว่ากดจองเล่นๆได้เฉย (มีคิวหลุด) โดยต้องไปกินในวันรุ่งขึ้นรอบเย็น ไม่รอช้าเรารีบคอนเฟิร์มทันที ด้วยเป็นหนึ่งในลิสที่เราจะต้องไปเก็บให้ได้นั่นเอง สำหรับใครก็ตามที่อ่านรีวิวนี้ แล้วอยากตามไปกินละก็ ร้านนี้จะเปิดรับจองในวันที่ 20 มีนาคม 64 นี้ เวลา 14:00 น. ผ่านการกด booking ใน FB ร้านเช่นเดิม แนะนำว่ากดจอง อย่าได้ลังเล และเตรียมเน็ตแรงๆ ไว้เลยครับ หลังจากนั้นรอร้านคอนเฟิร์มและจ่ายมัดจำ 500 บาทต่อจำนวนคนที่ไปทานครับ การเดินทางมาร้านนี้ส่วนตัวแนะนำว่านั่งแท๊กซี่มาลงที่หน้าร้านจะสะดวกที่สุด แต่หากไม่สะดวกหรือพร้อมจะเสียค่าที่จอด ทางร้านจะแนะนำให้จอดที่ริมทางได้ (โทรเช็คกับทางร้านอีกทีว่า ณ วันนั้นจอดรถได้ฝั่งไหน) แต่ถ้าอยากให้รถยนต์ยังปลอดภัย ฝั่งตรงข้ามร้านจะเป็นซอย 10 ให้ตรงเข้าไปด้านในสุดแล้วจอดใน AP Apartment เสียค่าจอดชั่วโมงแรก 40 บาท ชั่วโมงต่อไป 20 บาท ด้วยความที่รีบร้อนหรืออะไรไม่แน่ใจ ทำให้มาถึงร้านก่อนครัวเปิดครึ่งชั่วโมง (ได้รอบ 17:00 น.) ซึ่งตอนเข้าไปก็ไปนั่งรอและดูเชฟเตรียมอาหารกันไปพลางๆ กลิ่นเนื้อหอมๆ ฟุ้งอยู่ในร้าน และโชคดีที่ได้เจอเจ้าของร้านมาต้อนรับลูกค้าและให้คำแนะนำสำหรับเมนูต่างๆ ถ้าหากเราอยากกินเนื้อส่วนไหนเป็นพิเศษละก็ (ที่ไม่มีในเมนู) ลองแอบถามดูเผื่อเค้าจะยอมทำให้กินครับ เมนูอาหารของร้านนี้จะรวมมาอยู่ในหน้าเดียว ไล่ไปตั้งแต่เมนู Starter เบาๆ จานหลักและขนมหวานที่เป็นกรานิต้ารสชาติแตกต่างไปตามแต่ละวัน รวมทั้งซิกเนเจอร์หลักอย่างส่วน Primal Cut ต่างๆ ถ้าหากเป็นส่วนของเนื้อชิ้นใหญ่เช่น Picanha จะหั่นหนา 1 นิ้วแล้วชั่งน้ำหนัก (ตามราคา) อีกที ถ้าเป็นเนื้อที่ขายทั้งชิ้น เช่น Tenderloin ก็จะตามราคาทั้งชิ้นเลยครับ เรามาเริ่มต้นด้วยเมนูเบาๆ อย่าง Tomato Balsamic Salad ราคา 285 บาท แนะนำว่าถ้าหากอยากได้เมนูตัดเลี่ยนแบบสุดๆ จะแนะนำตัวนี้เลยครับ ประกอบด้วยมะเขือเทศจากญี่ปุ่นที่เป็นลูกกลมๆ สีแดง รสชาติออกเปรี้ยวหวานแบบเข้มๆ เจอกับ Balsamic รสชาติเปรี้ยวที่ซึมเข้าไปในเนื้อ ทานแล้วตัดเลี่ยนได้ดี และมี Cold cut ใส่มาให้ด้วยเช่นกัน ในส่วนของ cold cut นั้น ถ้าหากอยากกินแบบเต็มๆ ที่ร้านก็มีให้สั่งเป็นจานเช่นเดียวกัน เมนูที่สองตามมาติดๆ อย่างมันบด ราคา 160 บาท เมนูนี้เป็นการนำมันฝรั่งต้มสุกแล้วบดจนเนื้อเนียน ผสมกับเนยและนมแล้วคนในกระทะจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนเทคนิคว่าทำยังไงให้ได้เนียนขนาดนี้เชฟไม่ยอมบอกครับ เนื้อเนียน นุ่ม หอมเนย มีความเค็มนิดๆ สมกับเป็นเมนูที่ทุกคนแนะนำว่าต้องสั่งครับ ขนาดถ้วยอาจจะไม่ได้ใหญ่มาก ดังนั้นถ้าหากรู้สึกกลัวไม่คุ้ม แนะนำให้สั่งสตูว์เนื้อและมันบด จะคุ้มกว่าครับ เมนูที่สามเป็นเมนูที่ไม่ค่อยเห็นใครนำมาทำเป็นอาหารบ่อยๆ อย่าง แก้มวัวกงฟี ราคา 420 บาท เสิร์ฟมาพร้อมกับผัดหัวหอม และน้ำจิ้มซีฟู้ด เนื้อแก้มตุ๋นได้ดี นุ่มไม่เหนียวเลย มีความเป็นเส้นๆ หน่อยๆ เสียดายที่ไม่มีไขมันส่วนแก้มที่เป็นชั้นๆ มาด้วย ไม่งั้นจะฟินกว่านี้ ส่วนน้ำจิ้มซีฟู้ดนั้น แนะนำว่าให้ราดลงไปด้วยครับ จะแก้เลี่ยนได้ดี มีเนื้อแล้ว ก็ต้องมีข้าว สำหรับเมนูที่สี่อย่างข้าวผัดมันเนื้อ ราคา 120 บาท มาเป็นถ้วย ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ท๊อปด้วยเนื้อปูชิ้นเล็กที่ตกแต่งเพื่อความสวยงามมากกว่า รสชาติข้าวจะหนักไปทางเค็ม ไว้ทานคู่กับสเต็กเป็นหลักครับ หากยังคิดว่าไม่ฟินพอ แนะนำให้สั่งไข่แดงโชยุ ราคา 25 บาท มาโปะเพิ่มด้วยก็จะได้ข้าวที่รสชาติดีขึ้นไปอีกครับ มาถึงจานหลักของเราหรือ Primal Cut ในวันนี้ มีสั่งด้วยกัน 3 ชิ้น ชิ้นแรกขอเริ่มด้วย Tenderloin ขนาด 220 กรัม สนนราคารวมที่ 1320 บาท ด้านนอกดูเกรียม มีกลิ่นเนยเบาๆ ลอยขึ้นมาเป็นระยะ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสไวน์แดง เห็ดผัด และมะเขือย่าง เนื้อนุ่มและเข้มข้นอยู่แล้วตามสไตล์เทนเดอร์ลอย แต่สิ่งที่ดีกว่าคือการ Cooking ที่ทำออกมาในรูปของ Rare ค่อนมาทางMedium Rare ซึ่งสร้างความอร่อยของจานนี้ได้ดียิ่งขึ้นครับ ชิ้นที่สองลองเนื้อส่วน Picanha A4 ปริมาณ 174 กรัม ราคาอยู่ที่ 513.30 บาท เสิร์ฟมาบนเขียงไม้พร้อมกับ ไช้เท้าดอง แครอทดอง หอมดอง พริกสด เกลือหิมาลายันและพริกไทย ขนาดเนื้อกำลังดีไม่แน่นจนเกินไป เนื้อจะมีความเหนียวและไม่นุ่มเท่า Tenderloin อย่างเห็นได้ชัด แต่ความเข้มข้นของเนื้อพอๆ กัน ทำออกมาได้ดีเช่นกัน แนะนำว่าให้ทานเครื่องเคียงอย่างละ 1 กับเนื้อ 1 ชิ้น แล้วเราจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติอาหารที่แตกต่างกันไป ปิดท้ายด้วยชิ้นที่ 3 อย่าง Wagyu Slide ขนาด 96 กรัม ราคา 403.2 บาท ก่อนจะทาน ทางเชฟจะนำมาเบิร์นเนื้อให้เราดูและดมกลิ่นหอมๆ ของไขมันที่กำลังย่างไฟ และนำไปสไลด์เป็นชิ้นๆ ด้วยมีด เนื้อมีความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตรต่อชิ้น ไม่ถึงขั้นสไลด์บางเฉียบ เสิร์ฟคู่กับโชยุ วาซาบิสด และเลมอน แนะนำว่าไม่ควรทานแบบเพียวๆ เพราะรสชาติจะเลี่ยนมาก แต่แนะนำให้จิ้มโชยุนิดหน่อย และโปะด้วยวาซาบินิดๆ แล้วเนื้อจานนี้จะเป็นเนื้อที่ Perfect มากๆ จานนึงเลยทีเดียว ถ้าชอบความเปรี้ยว บีบเลมอนสักหน่อย ก็อร่อยเช่นกัน แต่ถ้าให้เทียบกันแล้ว กินกับวาซาบิคือดีที่สุดครับ หมดของคาวแล้ว ก็มาถึงของหวานกัน โดยวันนี้มีให้เลือกระหว่างกรานิต้าแตงโมและแอปเปิ้ลครับ เราก็เลือกเป็นแตงโมไป ด้านบนจะมีการโรยด้วยน้ำตาลทรายอีกที รสชาติเป็นแตงโมแท้ๆ รสหวานมาค่อนข้างชัดเลยทีเดียว โดยรวมแล้วรสชาติอาหารถือว่าอร่อยครับ ปริมาณเมื่อเทียบกับราคา ถือได้ว่าราคาแรงเป็นพิเศษ แต่เทียบกับคุณภาพแล้ว ถือว่าสมเหตุสมผลครับ ส่วนการบริการดีครับ พนักงานบริการดี ถึงแม้อาจจะไม่ได้จริงจังเท่า Fine Dining ให้อารมณ์เหมือนมานั่งกินข้าวบ้านเพื่อนมากกว่าครับ ถ้าหากชำระด้วยเงินสด จะมีส่วนลดให้อีก 3% แต่ถ้าโอนเงินหรือบัตรเครดิต จะไม่มีส่วนลดใดๆครับ และร้านนี้มีชาร์จค่าบริการเพิ่มอีก 5% ครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha