Modern Eclectic Concept with all Thai Ingredients.. What a perfect meal with full 12 Courses and 5 Juice Pairing 👍👍👍✨👍✨👍✨👍 Gaa (กา) หลังสวน ร้าน Gaa ถือเป็นอีกร้านเปิดใหม่อีกร้าน ที่น่าจับตามากๆในตอนนี้ ร้าน Gaa ได้แปลงโฉมบ้านร้างเก่าๆ ตรงข้าม Gaggan มาเป็นร้านในคอนเซ็ปต์ Modern Eclectic โดยอดีต Sous Chef จากร้าน Gaggan ที่ชื่อ Garima Arora ที่ผ่านประสบการณ์มากว่า 10 ปี วัตถุดิบของทางร้าน จะเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบจากในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งวัตถุดิบบางตัว หลายคนยังไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าตามันเลยด้วยซ้ำ โดยคอร์สจะมีการเปลี่ยนทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อให้ลูกค้าเก่า หลับมาลิ้มลองเมนูใหม่ๆ ได้ตลอดครับ ส่วน Course อาหาร จะมีให้เลือก 2 แบบคือ - 8 Courses (฿1,800 ++) - 12 Courses (฿2,400++) โดยใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมงสำหรับ Full 12 Courses ครับ นอกจากอาหารแล้ว ทางร้านยังมีเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย แต่สำหรับใครที่อยากดื่มไวน์ หรือ น้ำผลไม้ ที่เหมาะกับอาหารแต่ละ Course แล้ว ทางร้านก็มี - Wine Paring with the 12 Courses (฿2,300++) ซึ่งจะเสิร์ฟมา 5 แก้วทั้ง Sparkling white wine, White Wine, Red Wine และ Dessert Wine รวมถึง - Juice Paring แบบ 3 Courses (฿500++) - Juice Paring แบบ 5 Courses (฿700++) ซึ่งเชฟแนะนำว่า เหมาะกับอาหารแต่ละ Course มากๆ @@ 12 Courses & 5 Courses Juice Paring @@ [ Juice Paring 1 ] Strawberry Kamboucha เป็น juice Paring แก้วแรกสำหรับอาหาร 3 Courses 1. Crispy Cabbage, Roasted Pepper, Bitter Gourd เมนูเปิดตัวด้วยกะหล่ำปลี ไปอบจนกรอบ บาง และใส ส่วนไส้จะทำจากพริกย่าง และมะระครับ รสชาติบางทีคล้ายๆ ไส้อั่ว บางทีก็คล้ายๆ น้ำพริกหนุ่มครับ กลิ่นและรส 2 อย่างนี้มันผสานกันได้ดีเลย และแอบมีขมบางๆจากมะระด้วยครับ 2. Chicken Liver, Longan, Berry เมนูนี้เป็นตับไก่แช่เย็น แล้วขูดออกมา เสิร์ฟมากับลำไย ซึ่งแทรกตัวอยู่ด้านใน วางบน Cracker เป็นอีก Course ที่ทานด้วยมือ หยิบเข้าปากทั้งคำเลย ถ้าหกลงจาน ทางร้านแนะนำให้ใช้นิ้วปาดตับไก่ด้วยนิ้วเลยครับ แต่ส่วนตัวผมทานตับไก่ไม่ได้ ทางร้านเลยเสิร์ฟเป็น Cucumber Ice cream ที่ประกบมาด้วย Crackers ไอศครีมสดชื่นมากๆ และกลิ่นแตงกวาเด่นมากเลยครับ 3. Corn ที่ร้านใช้ข้าวโพดอ่อนทากับน้ำมันยีสต์ แล้วมาย่างไฟ มาโรยด้วยเครื่องเทศอ่อนๆ มีรสเผ็ดบางๆ ให้ความรู้สึกเหมือนทานข้าวโพดปิ้ง ตามข้างถนนของอินเดีย จิ้มทานกับน้ำนมข้าวโพดที่เคี่ยวจนข้น ลักษณะจะเหมือน Cheese Dip แต่หอมมากๆ [ Juice Paring 2 ] Pumpkin, Mango, Kaffir Lime แก้วนี้ค่อนข้างข้นพอสมควรจากฟักทอง และมะม่วงครับ มีกลิ่นมะกรูดบางๆ มาเพิ่มความสดชื่นได้อีกด้วย 4. Crayfish, egg Fruit, Pomelo เมนูนี้ใช้ Crayfish จากโครงการหลวงเป็นวัตถุดิบหลัก เสิร์ฟกับ Cracker แบบอินเดีย และที่พิเศษคือซอสที่อยู่ตรงกลาง ที่ทางร้านใช้เนื้อจากลูก ม่อนไข่ หรือมะไข่ มาทำซอส ซึ่งหาทานยากมากๆ เนื้อ Crayfish สด เด้งมากๆ ตัวซอสจะนุ่มๆ รสอ่อนๆหน่อย อร่อยมากครับ [ Juice Paring 3 ] Roselle, Dry Spice น้ำกระเจี๊ยบที่มีกลิ่นกระเจี๊ยบบางๆ ไม่หวานเหมือนน้ำกระเจี๊ยบที่ทานๆกัน แก้วนี้ค่อนข้างใส เบา แต่โดน Dry Spice เข้าไป ทำให้แก้วนี้ดูมีอะไรน่าสนใจขึ้นมาอีกมากเลย 5. Goat Milk Tofu, Grilled Mustard คอร์สนี้ใช้นมแพะ มาผ่านกระบวนการหมัก จนเลยขั้นของการเป็นเต้าหู้ แต่ก็ไม่ถึงความเป็นชีส เนื้อจะคล้ายๆเต้าหู้ ทานกับผักกาดฮีน หรือผักกาดส้อย ที่ทางเหนือกับอิสานนิยมมาทานกับลาบ ซึ่งจะมีทั้งแบบผัด และทอดกรอบเหมือนสาหร่าย รสชาติออกจะฉุนๆ หน่อย เหมือนวาซาบิ แต่ไม่ฉุนเท่า ทานตัดรสกับเต้าหู้นมแพะ เข้ากันดีครับ 6. Banana Flower Dumpling, Tomato Fennel, split Peas คอร์สนี้ใช้หัวปลีมาบด ชุบด้วยแป้งสาลี แล้วเอาไปอบ จนได้เนื้อด้านนอกแข็ง แต่ด้านในนุ่ม วางบน Tomato Fennel Chutney แล้วเทน้ำซุปที่เรียกว่า Peaso คือเอา Peas มาทำตามแบบซุป Miso เวลาทานต้องบิลูกหัวปลีบดให้แตก แล้วทานคู่กับ Chutney และซุปครับ [ Juice Paring 4 ] Guava, Mint, Chilli น้ำฝรั่งที่ได้ความหอม สดชื่นจาก Mint และมีเผ็ดบางๆ หลังดื่มเข้าไปด้วย 7. Fish Khanom-La คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ผมชอบที่สุดคอร์สนึงเลยครับ ด้านนอกเป็นขนมลา ที่เสิร์ฟมาคล้ายกับ Taco ส่วนไส้ด้านในเป็นเนื้อปลาเก๋า สุก หวานกำลังดี ห่อด้วยนมย่างหนึบๆ คอร์สนี้เลยได้ทั้ง 3 ความรู้สึกเลยครับ ทั้งกรอบ ทั้งหนึบ และทั้งนุ่ม 8. Crab Cauliflower, Whey with Tomato Mochi คอร์สนี้เป็นเนื้อปู กับดอกกะหล่ำย่าง ทานคู่กับซอสเข้มข้น และโมจิมันฝรั่ง เป็นอีกจานที่หวานปู หอมดอกกะหล่ำย่าง ชูรสด้วยซอส เข้ากันมาก อร่อยครับ [ Juice Paring 5 ] Green Apple, Basil เป็น Juice Paring แก้วปิดท้ายสำหรับ 2 Courses สุดท้ายของอาหารคาวครับ แก้วนี้กลิ่นโหระพานำโดดมาเลยครับ มีน้ำแอปเปิ้ลเขียว ที่มีรสอมเปรี้ยวอีกหน่อย 9. Pork Ribs, Pickles and Bread เมนูโปรดผมตลอดกาลอีกเมนูนึงเลยครับ คอร์สนี้ของที่ร้านจะหมักซี่โครงข้ามคืน แล้วนำมา sous vide และย่างไฟให้หอม ด้านบนของซี่โครงจะมีทับทิม หอมแดง และก้านผักชีครับ พร้อมเครื่องเคียงทั้งแป้ง Puri ของอินเดีย แตงกวาดอง ซอสไข่แดง และผักบัตเตอร์เฮดป้ายด้วยมิโสะ ทางเชฟแนะนำให้ทานซี่โครงให้หมดก่อน แล้วค่อยทานเครื่องเคียงต่อ ให้หมด หรือจะทานสลับๆกันไป ตามคำแนะนำของที่ร้านก็ได้นะครับ ผมทานสลับๆกันไปกับเครื่องเคียง อร่อยมากครับ 10. Butter and Pav ขนมปัง Pav ตามแบบอินเดีย ที่มีความหวาน และนุ่มมากๆ ไส้ด้านในจะเป็นเนื้อแกะบด ผัดกับเครื่องเทศ ความรู้สึกเหมือนทานกระเพราเนื้อกับขนมปังเลย ทานกับเนยขาว ที่เหมือนหลายร้านนำมาตีจนฟูแล้วทานกับครัวซองต์ครับ ช่วยตัดรสของขนมปังและแกะผัดเครื่องเทศได้ดีครับ 11. Choice of one Ice cream with Homemade Cone - Jaggery and Coriander Seeds with Toasted Whole Wheat Cone เป็นไอศครีมรสลูกผักชี ทานแล้วเหมือนหมูสวรรค์ ที่มีลูกผักชีติดตามเนื้ออะครับ ทานคู่กับโคน Whole Wheat - Turmeric and Toasted Safflower with Black Sesame Cone เป็นไอศครีมรสขมิ้น กลิ่นแรงใช้ได้เลยครับ ทานกับโคนงาดำ และโรยด้วยดอกคำฝอย - Beeswax and Wild Honey with Bee Pollen Cone ไอศครีมรสน้ำผึ้ง หอมใช้ได้เลยครับ และรสบางไปหน่อย ไม่น่าตื่นเน้นเท่าไหร่ ผมเลยเลือกทานเป็นตัวลูกผักชีครับ 12. Four Elements of Chocolate เป็นเมนูปิดท้ายที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งมีวิธีการทานคือให้ทานตามเข็มนาฬิกา วนไปตั้งแต่ 3 นาฬิกา ชิ้นแรก ที่ 3 นาฬิกาเป็นช็อคโกแลตพริก ที่มีรสเผ็ด บวกกับความเข้มของช็อคโกแลต เลยมีความเข้มข้นมากๆ ต้องตัดเผ็ดด้วยชิ้นที่ 2 ชิ้นที่ 2 ตรง 6 นาฬิกา ซึ่งเป็นช็อคโกแลตที่มีกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ และมีครีมสดช่วยตัดรส ลดความเผ็ดของชิ้นแรกและลดกลิ่นเครื่องเทศได้ ชิ้นที่ 3 ช็อคโกแลต ไส้เป็นมะขาม ชิ้นที่ 4 เป็นใบชะพลูที่เคลือบช็อคโกแลต เวลาทานให้พับครึ่ง แล้วพับขวางครึ่งอีกที เวลาทานก็ทานเข้าไปคำเดียวเลย ชิ้นนี้ส่วนตัวผมรู้สึกรสชาติมันแปลกลิ้นไปซักหน่อยครับ ไม่ชินเท่าไร่ คอร์สส่วนมากจะทานด้วยมือนะครับ ทางร้านจะมีผ้าเช็ดมือ คอยเปลี่ยนให้ทุกคอร์สเลย รวมถึงจาน และแก้ว ที่มีพนักงานคอยดูแลอย่างดี รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องอาหารแต่ละคอร์ส ได้เป็นอย่างดีครับ ส่วนรสชาติอาหารแต่ละคอร์ส ผมถือว่าบางคอร์สดีเยี่ยมเลยครับ แต่บางคอร์สก็อาจจะยังเข้าไม่ถึง แต่ก็ถือว่าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ได้ดีครับ ร้าน Gaa อยู่บนถนนหลังสวน ซอยทางด้านขวา ตัวร้านจะอยู่เยื้องๆกับร้าน Gaggan เลยครับ ที่จอดรถมีค่อนข้างจำกัด ต้องใช้บริการ Valet ของทางร้านครับ เวลาเปิดร้าน : 18:00 - 23:00 สำรองที่นั่ง : 091 419 2424 Facebook : https://www.facebook.com/gaabangkok/