ในย่านพระราม 3 จะมีตึกใหญ่ๆ ชื่อว่า SV City ซึ่งเป็นเหมือน Community ในยุคเก่าที่มีทั้ง อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงแรม และร้านอาหารในที่เดียว แต่ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นเหมือนเมืองร้างขนาดย่อมๆ ที่ไร้ชีวิตชีวา แต่ใครจะไปรู้ ว่ายังมีร้านอาหารเกาหลีลับๆ อยู่ร้านนึง ที่รสชาติดีเหมือนต้นตำรับ ไม่ว่าใครจะไปแนะนำให้ไปลองทานร้านอาหารเกาหลีใหม่ๆ ที่ไหน สุดท้ายก็ยังยกให้ร้านนี้เป็นร้านที่ดีที่สุดอยู่เหมือเดิม และร้านนั้นคือ “SU RA KAN” การเดินทางมาร้านนี้ไม่ยากอย่างที่คิด หากเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะสามารถขึ้น BRT มาลงที่สถานีวัดด่าน และเดินลงจากสะพานก็จะถึงทางเข้าตึกเลย หรือถ้าขับรถยนต์ส่วนตัว สามารถขับมาตามถนนพระราม 3 ฝั่งขาออก และตึกจะอยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าตึกและรับบัตร ก่อนจะเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาไปฝั่งที่มีให้แตะบัตร และตรงเข้าไปจอดรถตรงที่มียามยืนเฝ้าอยู่ และจากนั้นก็เดินเข้าประตูที่อยู่ข้างมินิมาร์ท ตรงเข้าไปจนเจอกับบันไดเลื่อน ขึ้นบันไดเลื่อนแล้วเดินตรงมานิดหน่อย จะเจอร้านสีส้มๆ เลย หรือถ้ากลัวหาไม่เจอ ลองดูแถวๆ นั้นว่ามีร้านไหนคนเยอะ ร้านนั้นแหละคือ SU RA KAN ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นคนเกาหลี (ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว) การตกแต่งย่อมมีกลิ่นอายความเป็นเกาหลี ภายในร้านจะตกแต่งเป็นแนวเรียบๆ มีรูปอาหารเกาหลีแปะเป็นจุดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ร้านอาหารเกาหลีแบบยุค 80 แต่ได้ในเรื่องความสะอาดสะอ้าน ไม่ดูเก่าจนเกินไป และที่นั่งก็จะมีอยู่ทั้งแบบนั่งพื้น และนั่งเก้าอี้ อันนี้แล้วแต่ชอบว่าอยากได้ฟีลไหน แต่แนะนำว่านั่งเก้าอี้ดีกว่า เมนูอาหารเองก็จะเป็นอาหารเกาหลีขนานแท้เลย ชื่อภาษาไทยเองก็จะทับศัพท์เลย แต่ถ้าอยากรู้ว่ามันคือเมนูอะไร จะมีกำกับบอกเป็นภาษาอังกฤษอยู่ แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่ารสชาติเป็นอย่างไร สามารถสอบถามกับพนักงานได้ หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ทางร้านจะเริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มฟรี เป็นชาข้าวคั่วแช่เย็นๆ สามารถขอเพิ่มได้ตลอดหากหมด รสชาติมีความหอมๆ ในปาก ใช้ทานตัดเลี่ยนได้ดี และจากนั้นก็จะทยอยเสิร์ฟเครื่องเคียงที่ขอเพิ่มได้เช่นกัน มีอยู่ด้วยกันประมาณ 6 อย่าง เป็นกิมจิผักกาดขาว กิมจิไช้เท้าซอย กิมจิแตงกวา มันฝรั่งต้มซอส ปวยเล้งผัดน้ำมันงา และออมุกคลุกกิมจิ หากถูกใจในรสชาติอย่างกิมจิ ก็สามารถซื้อกลับบ้านได้ด้วย เมนูอาหารจานหลักที่ทานวันนี้ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 5 เมนู - SunDae-Guk ราคา 250 บาท: เมนูซุปไส้กรอกเลือดสีขาวขุ่น ที่เราจะเห็นได้จากหนังเกาหลีหลายๆ เครื่อง ประกอบไปด้วยซุนแด หรือไส้กรอกเลือดที่ผสมเนื้อหมู วุ้นเส้นเกาหลี เลือดหมู และดับกลิ่นด้วยขิงและสมุนไพรอื่นๆแล้วแต่สูตร ผสมรวมกันและยัดเข้าไปในไส้หมู นำไปต้มจนสุกและหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนจะนำมาใส่ในซุปกระดูกหมูเคี่ยวจนสีขาวเหมือนน้ำนม มีใส่เครื่องในอย่างม้ามและไส้หมูลงไปด้วย รสชาติจะออกจืดและหวานแบบธรรมชาติ เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งฝอยดองน้ำเกลือ และพริกเกาหลีเพื่อเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้น แต่ถ้ายังไม่พอใจ ก็มีเกลือและพริกไทยให้เติมจนกว่าจะพอใจเช่นกัน เมนูนี้สามารถใส่ข้าวลงไปเพื่อทำให้กลายเป็นข้าวต้มก็ได้เช่นกัน ไส้กรอกเลือดจะมีความแน่นๆ รสชาติจืดๆมีกลิ่นขิงแทรก เปรียบเทียบได้กับไส้กรอกอีสาน ต่างกันแค่ไม่เปรี้ยวเท่านั้นเอง เครื่องในทำออกมาได้ดี ดับกลิ่นสนิทและต้มจนเปื่อย เป็นซุปที่ช่วยลดความเลี่ยนจากการทานเมนูอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี - Cheese-TteokBokKi ราคา 250 บาท: เมนูอาหารเกาหลีสุดเบสิค ที่มีแป้งต็อกไส้ชีสเป็นส่วนประกอบหลัก เติมด้วยออบุกหรือปลาเส้นที่หั่นเป็นเส้นยาวๆ กิมจิผักกาดขาว และราดซอสสูตรลับประจำร้าน รสชาติจะออกไปทางเค็มๆและหวานๆ แป้งต็อกอร่อยชีสเยิ้มใช้ได้ ส่วนออบุกให้รสชาติเค็มๆ เพิ่มความอร่อยให้กับแป้งต็อกได้เป็นอย่างดี - Bossam ราคา 350 บาท: เมนูหมูสามชั้นต้ม เสิร์ฟคู่กับผักกาดขาวสด และกิมจิไช้เท้าดองที่ท๊อปด้วยหอยนางรมสดๆ เป็นเมนูแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันสักเท่าไร วิธีทานให้นำหมูมาวางบนผัก และแปะด้วยกิมจิที่มีหอยนางรมด้วยนั่นแหละ จากนั้นให้นำเข้าปาก รสชาติจะมีความทะเลๆ จากตัวหอยนางรมที่สดใหม่ กิมจิเพิ่มความเปรี้ยวและชูรสชาติของหมูสามชั้นต้มให้เด่นขึ้น ตัวหมูเองก็ต้มจนนิ่มทานได้ทั้งชิ้นโดยไม่ต้องออกแรงเคี้ยว ส่วนผักกาดขาวเพิ่มความกรุบกรอบ ทำให้จานนี้มี Texture ที่ครบเครื่องในตัว โดยไม่ต้องเติมอย่างอื่นแต่อย่างใด - Kimchi-jiigae ราคา 180 บาท: ซุปกิมจิฉบับต้นตำรับเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวย ภายในก็จะมีเต้าหู้ และกิมจิผักกาดขาวที่เป็นส่วนประกอบหลัก มีเนื้อสัตว์เป็นหมูสามชั้นที่ต้มจนนิ่ม ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวแต่อย่างใด เต้าหู้ขาวออกหอมๆ ทานได้เพลินๆ ส่วนรสชาติซุปจะออกเข้มข้น ไปทางเปรี้ยวผสมกับเค็ม ไม่ใช่เปรี้ยวแบบแกงส้มเหมือนร้านอื่นๆ - Dolsot-bibimbap ราคา 220 บาท: ข้าวยำเกาหลีในหม้อหินร้อนๆ เป็นเมนูที่ Recommend ที่สุดของร้านนี้ ประกอบไปด้วยข้าวเกาหลี ไช้เท้า แครอท ถั่วงอก สาหร่าย ผักปวยเล้ง และหมูสับ โปะด้วยไข่ดาว พร้อมกับซอสโคชูจังปรุงรสของทางร้านที่รสชาติจะออกไปทางหวานๆ ถ้าหากชอบทานกรอบๆ ควรรอให้เสียงเริ่มเบาลง แล้วค่อยคลุกให้เข้ากัน และไม่ต้องกลัวว่าข้าวจะไหม้ไปก่อน ความอร่อยของจานนี้อยู่ที่ซอสที่ให้รสชาติออกหวานนำและเค็มตาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะร้านนี้ที่ไม่มีร้านใดเหมือน และตัวข้าวที่ร้อนอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถทานได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกจุกแต่อย่างใด แถมยังได้ความกรุบกรอบทานได้เพลินๆ เช่นกัน รสชาติอาหารโดยรวมถือได้ว่าเป็นอาหารเกาหลีขนานแท้ ทั้งซุปซุนแดที่รสชาติจืดเหมือนต้นตำรับแต่อร่อยแบบธรรมชาติ ต็อกชีสที่ทานได้เพลินๆ เหมือนเป็นออเดิร์ฟแบบเกาหลี โบซัม ที่เปลี่ยนจากหมูสามชั้นย่างมาเป็นหมูสามชั้นต้มที่ทานได้ง่ายและไม่หนักท้องแถมยังนำหอยนางรมมาชูความอร่อยของจานนี้ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น หรือจะเป็นซุปกิมจิสูตรเข้มข้น รสชาติเข้มข้นเหมือนต้นฉบับ และข้าวยำเกาหลีร้อนๆ ที่เป็นที่สุดแห่งความอร่อย นอกจากนี้เครื่องเคียงเองก็ทำออกมาได้ดีทุกเมนู หากใครชอบเมนูไหนก็สามารถซื้อกลับเพิ่มเติมได้เช่นกัน ในส่วนของการบริการ ด้วยความที่เป็นร้านอาหารเกาหลี การขอเครื่องเคียงหรือเครื่องดื่มเพิ่มเติมเป็นเรื่องที่ปกติมากๆพนักงานจะเสิร์ฟด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และการให้บริการอื่นๆ ก็รวดเร็วเช่นเดียวกัน สำหรับใครก็ตามที่ดูซีรีย์เกาหลี อยากจะทานหมูสามชั้นย่าง กิมจิ จับแช และเมนูเกาหลีแปลกๆ อื่นๆ ที่ร้านอาหารเกาหลีในไทยอื่นๆ ไม่ค่อยมีกัน ลองโทรจอง หรือ walk-in มาทานร้านนี้สักครั้ง แล้วจะรู้ว่าอาหารเกาหลีมีดีกว่าที่คุณคิด 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี