อยากจะหาร้านบุฟเฟ่ดีๆ สักร้าน สำหรับในโอกาสพิเศษ จะทั้งเลี้ยงฉลองในวันเกิด วันครบรอบ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายและยากในเวลาเดียวกัน ง่าย เพราะเสิร์จหาผ่าน Google ได้ แต่ ยาก เพราะไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่ แถม คุ้ม กับเงินที่จ่ายลงไปหรือไม่ สามสิ่งนี้ ดูจะเป็นสิ่งที่อาจจะไปด้วยกันไม่ค่อยจะได้สักเท่าไร แต่วันนี้ทางผู้เขียนเอง เจอร้านๆ นึง ที่เปิดมานานมากแล้วก็จริง แต่ยังคงรักษาคุณภาพ ความสดของวัตถุดิบ ความอร่อยในทุกๆ เมนู จนทุกวันนี้ ก็ยังต้องแย่งกันจองคิว แถมไม่รับลูกค้าที่หน้าร้านอีกต่างหาก ร้านบุฟเฟ่ที่อร่อยจนคนกินยังต้องง้อ คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อร้านนี้ “Copper Buffet” ร้านบุฟเฟ่สุดพรีเมี่ยมโครงการเดอะเซ้นท์ ปิ่นเกล้า มาพร้อมกับ Concept Casual Fine Dining ที่นำเสนอเมนูสุดพรีเมี่ยมที่ราคาสูงมากเมื่อไปทานร้าน Fine Dining แต่จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 999++ เท่านั้น ซึ่งตัวผู้เขียนเอง ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงมาเปิดในย่าน ที่กำลังการซื้อไม่ได้สูงเท่ากับในเมือง แถมเดินทางก็ไกล ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือไม่ก็นั่งแท๊กซี่มาที่นี่เลย แต่กระนั้น ก็ยังมีใครหลายๆ คนที่ดั้นด้นมาไกลจากต่างจังหวัด เดินทางเข้ามากินที่นี่เช่นกัน แสดงว่าทำเลไม่ใช่ปัญหา แต่ความอร่อยและการบอกแบบปากต่อปากนี่แหละ คือเคล็ดลับที่ทำให้ร้านนี้ยังคงอยู่ได้และกำไรทะลุร้อยล้านแม้ในช่วงโควิทก็ตาม การจะมาทานร้านนี้นั้น ก่อนอื่นเลยเราต้องกดสำรองที่นั่งผ่าน Application Hungry Hub ซะก่อน ซึ่งจะมีให้เลือกหลากหลายราคา ที่เริ่มต้นแค่ 999 บาท แบบบวกๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ที่มีการไป Cross over กับโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองย่านสาทรอย่าง Banyan Tree ด้วยเช่นกัน และในแต่ละเซ็ต ก็จะมีเมนูพรีเมี่ยมเพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นกุ้งล๊อบสเตอร์ ฟัวกราส์ สเต๊กซี่โครงแกะ เนื้อออสเตรเลียคัดพิเศษ และอื่นๆ อีกมากมาย แนะนำว่าถ้าอยากทานแค่ตัวเริ่มต้น ควรดูประกาศใน Line ของร้าน ซึ่งจะมีบอกวันที่เริ่มจองของแต่ละเดือน ทำให้มีโอกาสจองในวันที่สะดวกไปทานมากกว่า โดยก่อนที่จะจองได้นั้น ต้องมีการชำระค่าอาหารเป็นค่ามัดจำ 50% ก่อนเสมอ ซึ่งจะโอนก็ได้หรือใช้บัตรเครดิตรูด แต่จะมี Charge ค่าธรรมเนียมสักเล็กน้อย การเดินทางไปร้านนี้ไม่ยาก ถ้าหากมีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถขับรถไปจอดในโครงการได้เลย แต่ถ้าไม่มี ก็ต้องอาศัยรถโดยสารประจำทาง หรือจะเป็นแท็กซี่ก็ได้เช่นกัน และควรเผื่อเวลามาถึงร้าน เพราะถ้ามาถึงเร็วจะได้เข้าร้านเร็วกว่า และไปสั่งอาหารได้ก่อนใคร หลังจากที่มาถึงแล้ว ให้ตรงดิ่งขึ้นไปที่ชั้น 3 ตรงบริเวณโต๊ะที่มีพัดลมตัวใหญ่ๆ ซึ่งจะมีพนักงานคอยต้อนรับและแจ้งคิวที่จองมา ซึ่งส่วนนี้จะต้องชำระเงินอีก 50% ที่เหลือเลยก่อนเข้าไปทาน และนั่งรอคิวจนกว่าพนักงานจะเปิดประตูให้เข้าร้าน เมื่อเข้ามาในร้าน จะมีพนักงานคอยดูแล และแจ้งว่าโต๊ะที่เราจะนั่งรับประทานอยู่ตรงไหน เมื่อเราได้โต๊ะแล้ว ควรจะรีบเดินไปสั่งอาหารไว้ก่อนทันที ซึ่งที่นี่เองจะมีโซนอาหารให้สั่งที่ค่อนข้างหลากหลายมาก ใครมาครั้งแรกอาจจะงงๆ สักหน่อย เพราะมันจะมีทั้งโซนที่หยิบอาหารได้เลย โซนต่อคิว และโซนที่สั่งอาหารไว้ก่อน แล้วพนักงานจะนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ก็มีเช่นกัน ดังนั้น เคล็ดลับในการไม่ต้องรอนาน คือเดินไปสั่งโซนอาหารจานๆ ไว้ก่อนเลย แล้วจากนั้น ค่อยเดินไปหยิบอาหารอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ไม่เสียเวลารออาหารนานจนเกินไป โซนแรกที่จะมาแนะนำเป็นโซนซีฟู้ด ซึ่งจะมีอาหารทะเลสดๆ ทั้งแบบดิบๆ เลยอย่างหอยนางรมสุราษฎร์ และทำสุกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น กุ้งเผา กุ้งลวก และหอยแมลงภู่นิวซีแลนท์ตัวเบ้งๆ โซนนี้แนะนำว่า หากทานดิบได้โดยที่รู้ว่าตัวเองจะไม่ท้องเสีย เมนูที่ท๊อปฮิตตลอดกาลเลยคือ หอยนางรมสุราษฎร์ ที่เสิร์ฟมาแบบทรงเครื่อง รสชาติคือดี ไม่มีรสชาติคาวๆ ปนมาเลย เทียบกับของต่างประเทศเองแล้ว รสชาติหอยที่นี่คือไปไกลมาก ยิ่งทานแบบสดๆ โดยที่ไม่ใส่น้ำจิ้มซีฟู้ดเลยคือสูขิต ในขณะเดียวกันเอง กุ้งเผาก็ทำออกมาได้ดี เนื้อมีความเด้งกรอบ มันกุ้งที่หัวก็ทานได้และไม่รู้สึกถึงกลิ่นแปลกๆ โซนต่อมาที่อยู่ติดๆ กันเลยจะเป็นโซนของทอด อันนี้ก็จะมีทั้งเทมปุระ ไก่ทอด และของทอดอื่นๆ ให้สั่งได้เช่นกัน ซึ่งเสิร์ฟแบบร้อนๆ เหมือนเพิ่งยกขึ้นจากเตา ไม่อมน้ำมัน และหยิบทานได้ง่ายมากๆ มาถึงโซนสำหรับคนรักซาชิมิล้วนๆ ไม่มีข้าวผสม โซนนี้จะต้องต่อคิวสักเล็กน้อย มีให้เลือกได้อยู่ 6 อย่าง หอยโฮตาเตะ อากามิ ซาจิ ฮามาจิ ปูอัดอลาสก้า และแซลมอน พร้อมกับโชยุและวาซาบิสด อันนี้ก็ดี รสชาติเข้มข้นทุกตัว โดยเฉพาะโฮตาเตะ คือมันมาก อีกโซนที่คนเยอะไม่แพ้กัน เป็นโซนร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก ซึ่งจะเป็นเนื้อวากิวสไลด์ เลือกได้ว่าจะสั่งแบบเส้น หรือเกาเหลาก็ได้ แต่ทุกคนคิดเหมือนกันคือเกาเหลาเพราะเนื้อร้านนี้คือดีจริง บางเฉียบ ลวกได้กำลังดี เนื้อนุ่มอร่อยแทบจะละลายในปาก ขณะเดียวกันเอง ตัวน้ำซุปรสชาติเข้าถึงมากๆ กลิ่นสมุนไพรชัดตัดกับน้ำสต็อกและเลือดที่ใส่ลงไป ทำให้ทานแล้วรู้สึกว่าพอดี กลมกล่อม น้อยแต่มากที่แท้ทรู และโซนสุดท้าย กับเมนู a la carte ที่สั่งได้ไม่อั้นแบบจุกๆ ที่มีเมนูทุกสัญชาติ ทั้ง ซูชิ สเต็ก พาสต้า ส้มตำ สลัด และของหวาน ปริมาณที่จะเสิร์ฟ จะเล็กๆ ไม่ได้เยอะมาก ทำให้เราสามารถทานอาหารได้หลากหลายมากขึ้น เมนูที่อยากแนะนำสำหรับโซนนี้ คือ ตระกูลซูชิที่มีการใส่ยูซุเข้ามา เพราะรสชาติจะออกเปรี้ยวทำให้ทานได้ง่ายขึ้น ไม่รู้สึกเลี่ยนข้าว หรือจะเป็นพาสต้าเอง ซึ่งจะเป็นเมนูสปาเกตี้โดยส่วนใหญ่ แต่ก็มีเพนเน่ผสมเข้ามาด้วย ส่วนสเต็กนั้น ส่วนตัวจะให้คะแนนอันดับหนึ่งคือ สเต็กปลามากุโระ โดย cooking ได้ดีเนื้อไม่แห้ง เพิ่มรสชาติด้วยซอสที่เข้ากันได้ดี เทียบกับสเต็กวากิวแล้ว แบบหลังจะค่อนข้างเหนียวกว่า นอกจากนี้เมนูหลักที่มีให้สั่งแบบ unlimited แล้ว หากซื้อเซ็ตพิเศษทั้งจากใน Hungry Hub หรือจะผ่าน Wongnai ก็ตาม จะได้เมนูพิเศษ อย่างเช่นวันนี้ได้ทานสเต๊กเนื้อแกะเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งทำออกมาได้นุ่มมากๆ และกลิ่นคาวค่อนข้างน้อย พร้อมกับซอสมะม่วงและองุ่นที่นำไปเชื่อมเพื่อนำมาทานตัดเลี่ยนกับเนื้อแกะโดยเฉพาะ ส่วนของหวานเอง ก็เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะสั่งเมนูไหนก็อร่อย อย่างเช่น ครีมบูเล่ พานาคอตต้า และผลไม้ในฤดูกาล เพื่อเป็นการปิดเมนูมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี ความอร่อยโดยรวมถือได้ว่าเป็นที่สุดของร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ที่มีให้กินไม่อั้นแบบนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำได้อย่างไรให้กำไร ถึงแม้จะรู้สึกได้ว่ามีการตัดวัตถุดิบบางตัวไปอยู่ใน Package ที่ราคาสูงกว่า ทั้งฟัวกราส์เอง หรือแม้กระทั่งล็อบสเตอร์ แต่ก็เข้าใจได้เพราะเป็นเมนูที่คนชอบไม่ได้เยอะเท่ากับเมนูปกติทั่วๆไป ในส่วนของการบริการเอง ถือว่าค่อนข้างรวดเร็ว อาหารถ้าเป็น a la carte อาจจะรอนานหน่อย แต่ถ้าในช่วงคนเริ่มอิ่มแล้ว สั่งแปปเดียวก็มาเสิร์ฟ พนักงานมีเดินมาเก็บจานเรื่อยๆ ซึ่งอันนี้ช่วยได้มากเพราะโต๊ะที่นั่งทานนั้นก็เล็ก ไม่พอกับเมนูอาหารที่มาวางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทานไม่ทัน 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี