#Sayhi วันนี้จะพาไปรู้จักร้านสุกี้/ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ใหม่ล่าสุด ที่พึ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ (09/09/2019) 📌 ตัวร้านตั้งอยู่ในโครงการพิมาน 49 (ซอยสุขุมวิท 49) ถ้าขับรถเข้ามาในโครงการ ตัวร้านจะอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ มีป้ายเห็นชัดเจน 🚘 ที่จอดรถสามารถจอดในบริเวณโครงการ ทานอาหารที่ร้าน แสตมป์บัตรจอดรถฟรี 1 1/2 ชม. หลังจากนั้นชม.ละ 40 บาท บรรยากาศร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย เหมาะสำหรับมานั่งทานอาหารสบายๆ สไตล์ casual dining ไม่ญี่ปุ่นจ๋าและไม่ได้เน้นความหรูหรามาก ทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นเพราะราคาอาหารโดยเฉลี่ยก็ตั้งไว้ไม่ได้สูงจนเกินไป ถ้าอยากทานแบบคุ้มๆ หน่อย แนะนำให้สั่งเป็นเซ็ทเมนูเพราะจะมีชุดผักเสริฟมาด้วยในเซ็ท แล้วค่อยสั่งพวกเนื้อสัตว์เพิ่มเป็นจานๆ ถ้ารู้สึกไม่อิ่ม อย่างวันนี้ เรามีโอกาสรวมกลุ่มมาทานกับเพื่อนๆ ในวันเปิดร้านวันแรกก็เลยสั่งอาหารมาลองได้หลายเมนูหน่อย เพียงแต่วันนี้เมนูของที่ร้านยังไม่พร้อม 100% ก็เลยมีอาหารทะเลเพียงแค่ 2 ชนิด คือ หอยนางรมและปลาหมึกเท่านั้น ในส่วนของน้ำซุปชาบู ที่ร้านมีให้เลือกถึง 3 แบบ คือ ซุปสีดำ, ซุปกระดูกหมู, และซุปมิโซะ โดยน้ำซุป 2 อย่างหลังเป็นน้ำซุปพิเศษที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ส่วนน้ำซุปสำหรับสุกี้จะเป็นน้ำซุปใสที่ทำมาจาก Kombu ลูกค้าสามารถเลือกทานได้ทั้งชาบู (ซุปดำ) และสุกี้ (ซุปใส) ในหม้อเดียวกัน หรือจะสั่งอย่างใดอย่างนึงก็ได้ ตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ถ้าจะให้คุ้มๆ แนะนำให้ลองทั้ง 2 แบบค่ะ วันนี้เราลองทั้งสุกี้ (ซุปใส) และชาบู (ซุปดำ) ซึ่งน้ำซุปชาบูสูตรของร้านนี้ มีความเข้มข้นมากกว่าปกติ ถ้าต้มทานไปซักพัก พอน้ำงวดขึ้น ก็จะเริ่มรู้สึกเค็มขึ้นไปอีก แนะนำให้ผสมน้ำซุปใสลงไปเพิ่ม เพื่อลดความเค็ม ส่วนน้ำจิ้มของที่ร้านจะมี 2 แบบ: น้ำจิ้มงา (สำหรับชาบู) และน้ำจิ้มพอนสึ (สำหรับสุกี้) รสเข้มข้นเช่นกัน [Wagyu Beef] 🐄 ✨ ไฮไลท์ของมื้อนี้อยู่ที่เนื้อวัววากิวจากเซนได ที่ลายสวยและหั่นมาชิ้นหนากำลังดี ชอบทั้งเนื้อสันนอก (A5 Sendaigyu Sirloin: 580++) และเนื้อสันไหล่ (A5 Sendaigyu Zabuton: 520++) >> เนื้อลายสวยทั้ง 2 แบบ เพียงแต่ Sirloin จะนุ่มมากกว่า Zabuton อีกที ทางที่ดี สายเนื้อ 🐮 ควรสั่งมาลองทั้ง 2 แบบเพราะอร่อยทั้งคู่ แนะนำให้จุ่มในน้ำซุปร้อนๆ แป๊บเดียวพอ เพราะเนื้อดีๆ แบบนี้ไม่ควรทิ้งไว้ในหม้อนาน จะได้อรรถรสในการกินมากขึ้น [Set Menu] เพื่อนๆ อยากลองชิมทั้งเซ็ททะเลและเซ็ทหมู เพียงแต่วัตถุดิบในเซ็ททะเลมีไม่ครบ เลยสั่งมาลองแค่เซ็ทหมูอย่างเดียว “Pork Set” (380++): คุโรบุตะสันนอกและสามชั้น อย่างที่เกริ่นในตอนแรก ใครสั่งเซ็ทเมนู จะมีชุดผักมาด้วย คล้ายชุดผักที่สั่งแยกแค่ portion เล็กลง คุ้มอยู่นะคะ เราลองชิมเนื้อหมูไปหนึ่งชิ้น ดีอยู่นะคะ ทานสลับไปมาระหว่างสันนอกกับสามชั้น ก็จะได้ไม่ต้องทานส่วนมันๆ มากเกินไป [Seafood] “Oyster” (240++): ใน 1 ที่จะมีหอยนางรมญี่ปุ่นอวบๆ 2 ตัว >> หอยสด หวานฉ่ำ เนื้อเต่ง ไม่มีกลิ่นคาว แนะนำอย่าทิ้งไว้ในน้ำซุปนานเกิน เพราะจะทำให้เนื้อหอยเหนียวขึ้น “Squid” (190++): หมึกร้านนี้ เปลี่ยนความคิดคนที่ไม่สนใจจะสั่งเมนูปลาหมึก เวลาที่ไปทานร้านชาบูอย่างเรา เพราะเนื้อหมึกสดมากๆ เหมือนพึ่งขึ้นมาจากทะเล ชอบตรงที่เนื้อนุ่ม ไม่มีความเหนียวแม้แต่นิด [Side Dish] ในหมวดหมู่นี้ จะรวมทั้งเครื่องที่สามารถสั่งเพิ่มเติมสำหรับใส่ในหม้อสุกี้และชาบู รวมทั้งอาหารทานเล่น ถ้าไม่แน่ใจเมนูไหน แนะนำให้สอบถามจากพนักงานก่อนสั่ง “Vegetable Set (Shabu) 239++”: ชุดผักสำหรับใส่ในหม้อชาบู “Vegetable Set (Sukiyaki) 239++”: ชุดผักสำหรับใส่ในหม้อสุกี้ ชุดผักทั้ง 2 แบบ หน้าตาคล้ายกัน เพียงแต่ชาบูจะใช้เป็นผักกาดแก้วส่วนสุกี้จะใช้เป็นผักกาดขาว ส่วนเส้นที่ใช้สำหรับชาบูคือ เส้น Kuzukiri ที่หน้าตาคล้ายวุ้นเส้น ส่วนสุกี้จะใช้เส้น Shirataki ซึ่งก็คือ เส้นบุก ที่เราคุ้นเคยแทน “เกี๊ยวซ่า” (99++): เมนูนี้ต้องนำไปจุ่มในน้ำซุปก่อนทาน แป้งบาง ไส้แน่น+ปรุงมารสชาติถูกใจ “ปูอัด” (80++): เมนูนี้ทั่วไป เหมือนที่เสริฟตามร้านอื่นๆ “ไข่ดิบ” (19++): แนะนำให้สั่งมาถ้าทานสุกี้ เพราะจะช่วยบาลานซ์รสเค็มของน้ำซุปสุกี้ได้ลงตัวพอดี “โมจิ” (89++): สำหรับสายขนมญี่ปุ่น คิดว่าน่าจะถูกใจกับโมจิที่มีความยืดๆ หนืดๆ เมื่อนำไปต้มในน้ำซุปร้อนๆ ทานแล้วให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับทานฟองดูว์แบบสวิส ส่วนเมนูด้านล่าง จะออกแนว appetizer สั่งมาทานจุบจิบ จิ้มทานเล่น เหมาะทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทางร้านก็มีให้เลือกพอประมาณสำหรับสายดื่ม “หนวดปลาหมึกทอด” (160++): หนวดปลาหมึกยักษ์ชุบแป้งทอดกรอบๆ เนื้อไม่เหนียว รสออกเค็มๆ “กุ้งหวานทอด” (120++): กุ้งตัวเล็กทอดกรอบ ใช้แป้งตัวเดียวกันกับหนวดปลาหมึก ทานตอนร้อนๆ น่าจะอร่อยสุด ทั้ง 2 รายการนี้ ถ้าหั่นเลมอนเป็นเสี้ยวมา 1 ซีก น่าจะบีบได้ง่ายกว่า เพราะพอไม่มีรสเปรี้ยวๆ ของเลมอนหรือซอสมาตัดรส แอบเค็มมากไปนิดนึง “กิมจินัตโตะ” (60++): ใครที่ไม่คุ้นเคยกับกลิ่นถั่วเน่า ไม่แนะนำให้ลองนะคะเพราะนัตโตะจะมีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวที่ต้องคุ้นเคยจริงๆ ถึงจะทานได้ไม่มีปัญหา “สลัดมันฝรั่ง” (70++): มันฝรั่งบดมาเนื้อเนียนนุ่ม รสปรุงมาหอมเนยแต่ยังไม่ค่อยได้รสชาติของมายองเนสแบบญี่ปุ่นซักเท่าไหร่ “ปลาหมึกวาซาบิ” (60++): เครื่องเคียงยอดนิยมของสายดื่ม มีรสเผ็ดของวาซาบิผสมในเนื้อหมึกดิบ อร่อยดีค่ะ “ยำแมงกะพรุน” (60++): ยำมาอร่อยเชียวค่ะ เราแทบจะเหมาคนเดียวทั้งถ้วย “ชีสกระเทียม” (149++): เมนูนี้กลิ่นกระเทียมมาเต็มๆ เนื้อชีสแนวๆ เดียวกับครีมชีส รสเข้มข้น สายชีสควรลอง “ไส้กรอก” (149++): ไส้กรอกญี่ปุ่นคุณภาพดี เป็นไส้กรอกรมควัน หนังกรอบ ไม่ผสมแป้ง จิ้มทานคู่กับ whole grain mustard อร่อยลงตัว “กิมจิ” (90++): เมนูนี้สารภาพว่าลืมชิม เพราะสั่งมาหลายอย่างเกิน “ยำสาหร่ายวากาเมะ” (60++): รสชาติมาตรฐานนะคะ [Drinks] 🍵 ในส่วนของเมนูชาร้อน/เย็น สามารถเลือกได้ระหว่างชาอู่หลงหรือชาเขียวญี่ปุ่น ราคาเท่ากันทั้ง 2 แบบคือ แก้วละ 60++ (no refill) เราได้ลองทั้งชาอู่หลงแบบเย็นและชาเขียวแบบร้อน แอบติดใจชาอู่หลงของที่ร้าน หอมกลิ่นชาโดดเด่น ส่วนชาเขียว กลิ่นยังไม่หอมชัดเจนมาก อยู่ในระดับกลางๆ [สรุป: คหสต.] โดยรวมสำหรับมื้อนี้ วัตถุดิบเกือบทุกรายการใช้ของเกรดพรีเมี่ยม โดยเฉพาะเนื้อวัววากิวที่ลายสวย นุ่มละมุนที่ขายในราคาที่ถือว่า ย่อมเยาว์กว่าร้านอื่นๆ ที่ขายเนื้อวัวระดับนี้ (A5) ส่วนน้ำซุปสีดำที่ได้ชิมวันนี้ รสเข้มข้นจนออกจะเค็มมากไปหน่อย ส่วนน้ำจิ้มงาเนื้อเข้มข้น ไม่เจือจาง รสชาติดี พวก appetizer ก็ทำออกมาได้รสชาติถูกใจเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการบริการ ถือว่ามีความใส่ใจลูกค้าดีมาก เพียงแต่ถ้ามีการอธิบายวิธีการรับประทาน น่าจะทำให้ทานได้สนุกมากขึ้น วันนี้การรับออร์เดอร์และการคิดเงิน ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างเพราะยังคงใช้ระบบการจด ในส่วนของรายละเอียดเมนูเอง ถ้าแยกกลุ่ม appetizer ออกมาต่างหาก น่าจะง่ายกับลูกค้าในการสั่งมากขึ้นนะคะ