Niku-Sho ร้านยากินิคุสไตล์ญี่ปุ่นในซอยสุขุมวิท 31 ร้านนี้แม้จะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ก็มีความโดดเด่นโดนใจสายเนื้ออยู่ไม่ใช่น้อย ตั้งแต่เนื้อวัววากิวนำเข้าจากญี่ปุ่นที่มีให้เลือกหลายส่วน หลายเกรด ทั้งเนื้อวัวพรีเมี่ยม A5 ลายสวยๆ ลิ้นวัว เครื่องในส่วนต่างๆ ไปจนถึงซาชิมิเนื้อวากิว ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อวัวก็มีตัวเลือกอื่นๆทั้งหมู ทั้งซีฟู้ด ที่สำคัญคือมีปล่อยโปรโมชั่นเด็ดๆออกมาเป็นระยะๆ อย่างช่วงเดือนกันยายน 2562 นี้ก็มีลด 20% ทั้งร้าน แถมยังมีเมนูลดราคาพิเศษอีกมากมายซึ่งสามารถเช็คดูได้จากหน้า Facebook ของทางร้านค่ะ ****-เมนูที่สั่ง-**** [Beef] เนื้อวัวที่นี่จะมีให้เลือกหลายเกรด โดยจัดเกรดตามระดับราคาจากแพงไปถูกคือเกรด Special Select / Special /และเกรดธรรมดาค่ะ • Special Wagyu A5 Select Beef Special Harami (ราคา 350++บาท) / Beef Special Harami (ราคา 300++ บาท) - เป็นเนื้อส่วนกะบังลมของวัว ที่ถูกแล้วจึงต้องถือเป็นเครื่องในส่วนนึง แต่รสชาติก็คล้ายๆเนื้อแดงที่มีกลิ่นเนื้อชัดเจน ถ้าหมักดีๆอย่างของที่นี่ก็ฟินกันไป เหมาะกับจะจิ้มซอสรสเข้มๆหน่อยซึ่งทางร้านก็มีเตรียมให้เลือก เนื้อส่วนนี้มีอยู่น้อยในวัวแต่ละตัว ฉะนั้นอยากลองก็ต้องจัดล่ะค่ะ ในเรื่องของความแตกต่างระหว่าง Harami แต่ละเกรดนั้น ยิ่งเกรดสูงก็มี Marble เยอะกว่าและนุ่มกว่านั่นเอง • Special Wagyu A5 Select Sirloin (ราคา 890++บาท) – เนื้อส่วนสันนอกนี้เรียกได้ว่าเป็นส่วนยอดนิยมสำหรับคนชอบสเต็ก ไขมันแทรกลาย Marbling เป็นตาข่ายสวยงามละลายในปาก สำหรับของที่นี่เท่าที่ดูแล้วไขมันจะเยอะกว่าที่คาดไปนิด ถ้าใครกลัวเลี่ยนอาจต้องแกล้มผักช่วยซักหน่อยล่ะนะ • Karubi / Special Karubi A5 (ราคา 320++ / 420++ บาท) – เนื้อส่วนซี่โครงที่มีไขมันแทรกค่อนข้างมาก โดยทั่วไปแล้วจะมีไขมันเยอะกว่า Sirloin ไปอีก สำหรับเทคนิคการย่างเนื้อส่วนนี้ควรย่างด้านเดียวให้สุกซัก 80% ก่อนแล้วกลับด้านแค่แป๊บเดียวจะกำลังดี เป็นเนื้อส่วนที่เหมาะจะทานเปล่าๆหรือจิ้มเกลือเพียงนิดเดียวก็พอค่ะ • Special Rosu / Rosu - อันที่จริงแล้ว Rosu ก็มาจากคำว่า Roast นั่นเอง โดยทั่วไปจะหมายถึงเนื้อส่วนไหล่ที่มีไขมันน้อยแต่เนื้อนุ่ม ใครที่เลี่ยนง่ายไม่ชอบเนื้อติดมันเยอะน่าจะถูกใจสิ่งนี้ ส่วน Special Rosu หรือ Jo Rosu ก็จะมีไขมันแทรกมากกว่าเกรดธรรมดานิดนึง มีลาย Marbling สวยๆให้เห็นชัดกว่า และแน่นอนว่าต้องนุ่มละมุนกว่านั่นล่ะ • Beef Tongue with Lemon (ราคา 300++ บาท) - ก็คือส่วน Gyutan หรือลิ้นวัว แม้จะไม่ได้แบ่งเป็นเกรดๆแบบเนื้อวัวส่วนต่างๆ แต่ก็มีให้เลือกว่าจะสั่งแบบลิ้นวัวเปล่าๆ แบบใส่เลมอน หรือแบบใส่ต้นหอมและเกลือค่ะ ลิ้นวัวจะมีความบางและสุกไว พอเห็นชิ้นเนื้อเริ่มงอตัวต้องรีบพลิกก่อนจะไหม้เลย ถ้าสั่งเนื้อหลายๆอย่างแล้วมีลิ้นวัวด้วย แนะนำให้เอาลิ้นวัวลงย่างก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อไม่ให้รสชาติเฉพาะของลิ้นวัวโดนกลิ่นเนื้อส่วนอื่นกลบ สำหรับจานนี้ย่างเสร็จบีบเลมอนใส่นิดคือลงตัวค่ะ [Pork] • Pork Karubi (ราคา 180++ บาท) - หมูสามชั้นแล่บาง หมักมารสชาติดี นุ่มใช้ได้ แตะน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวนิด ทานแกล้มผักกาดสดที่สั่งเคียงมาต่างหากเข้ากันดีเลย • Pork Roast (ราคา 160++บาท) - หมูเนื้อสันติดมันน้อย ตัวนี้ค่อนข้างถูกใจคนกลัวเลี่ยน แต่ความนุ่มละมุนก็แพ้ Pork Karubi เป็นเรื่องธรรมดานั่นล่ะ • Tontoro (ราคา 180++ บาท) – สันคอหมูของร้านนี้คัดมาเฉพาะส่วนที่มีเนื้อและไขมันผสมแทรกกลืนเป็นเนื้อเดียวกันเนียนๆ เวลากัดจึงได้ความนุ่ม-มัน-เด้ง ที่พอดิบพอดีสม่ำเสมอกันทั้งชิ้น ฟินไปยาวๆค่ะ [Seafood] • กุ้ง (ราคา 190++ บาท) - เป็นแค่ Shrimp ไม่ใช่ Prawn ตัวก็เลยเล็กๆกลางๆธรรมดาทั่วไป แต่เรื่องความสดเด้งคือโอเคค่ะ • Hotate (ราคา 190++ บาท) – หอยเชลล์ตัวกลางๆจาก Hokkaido เนื้อสด-นุ่ม-หวาน ย่างเสร็จบีบเลมอนนิดเดียวก็อร่อยแล้ว • Squid (ราคา 190++ บาท) - ปลาหมึกสดมาก เนื้อขาวใส แล่บาง ย่างหอมๆเคี้ยวนุ่มๆ ดีงามทีเดียว • Shishamo (ราคา 140++ บาท) - ปลาหน้าตาคล้ายๆปลาไข่ ทานได้ทั้งก้าง แต่ไม่ได้มีไข่อัดแน่นเต็มพุงนะ รสชาติออกเค็มหน่อยๆ เป็นเมนูแนวๆกับแกล้มที่ทานเพลินใช้ได้ค่ะ [เครื่องเคียง] • ผักกาดหอมสด (ราคา 100++ บาท) - เราถูกใจว่าผักเค้าสดกรอบจริงอะไรจริง ใบใหญ่สวย มีซอสเต้าเจี้ยวข้นๆแต้มมาให้ทานกับเนื้อได้ดีอีกด้วย • เห็ดออรินจิ (ราคา 90++ บาท) - ฝานชิ้นโตน่าทาน ดีงามตามมาตรฐานค่ะ • กระเทียมสด (ราคา 120++ บาท) - ราคาดูแรง แต่ก็คัดแต่กลีบอวบๆสวยๆให้มาเต็มถ้วยเลยนะ • Namul (ราคา 150++บาท) - ผักคลุกน้ำมันงา ใส่จาน 4 ช่องมาทั้งถั่วงอก เห็ด ไชเท้าฝน และผักใบเขียว (น่าจะป๋วยเล้ง) คีบทานเล่นเพลินๆ ตัดเลี่ยนได้ดีทีเดียว [อาหารอื่นๆ] นอกจากปิ้งย่างแล้ว ที่นี่ยังมีทั้งของทานเล่นและเมนูอาหารสไตล์เกาหลีหลายอย่างให้เลือกชิม เราเลยลองกันไปตามนี้เลยค่ะ • ชีสรสโชยุกระเทียม (ราคา 180++ บาท) - ชีสก้อนสี่เหลี่ยมจิ๋วๆพอดีคำ ราดโชยุ แล้วฝานกระเทียมใส่ ส่วนตัวรู้สึกว่าราดโชยุมามากเกินไป กลิ่นโชยุกลบกลิ่นรสของชีสจนหมด แล้วก็เลยทำให้เค็มเกินไปด้วย ถ้าลดโชยุลงเหลือแค่ใส่นิดๆเป็นรสแฝงน่าจะดีกว่านี้นะ • ข้าวยำสไตล์เกาหลี บิบิมบับ (ราคา 290++บาท) - ข้าวยำเกาหลีที่พนักงานมาเทซอสโคชูจังคลุกเคล้ากับข้าวยำในชามหินร้อนให้ถึงที่โต๊ะ เสิร์ฟพร้อมซุปสาหร่ายวากาเมะถ้วยย่อมๆ รสชาติเข้มข้น ได้สัมผัสของข้าวที่มีความกรอบตรงขอบๆ ตรงกลางนุ่มฉ่ำซอส เข้ากับเครื่องต่างๆที่ใส่มาทั้งเห็ด สาหร่าย ถั่วงอก ดีงามมากๆ • ซุปเผ็ดสไตล์เกาหลี (ราคา 190++ บาท) - อร่อยชนะเลิศเลยกับซุปตัวนี้ Texture ของน้ำซุปเข้มข้น หอม มัน เผ็ดแค่นิดๆพอกลมกล่อม มีหมูสับชิ้นจิ๋วๆกระจายอยู่ในน้ำซุปด้วย ซดเพลินมากมายค่ะ • Kimuchi Chige (ราคา 240++บาท) - คือก็สั่งซุปกิมจิไป ตอนพนักงานมาเสิร์ฟก็บอกว่าเป็นซุปกิมจิ แต่ดูจากหน้าตา (เทียบกับรูปในเมนู) และรสชาติแล้วแอบรู้สึกไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีความสับสน นำ Tofu Chige มาเสิร์ฟแทนรึเปล่า เพราะรสชาติอ่อนมากไม่ค่อยมีความเปรี้ยวเค็มแบบซุปกิมจิทั่วไป แถมควานหากิมจิแทบไม่เจอ แต่เต้าหู้ให้มาเยอะ ชิ้นโตๆเลยทีเดียว เอาเป็นว่าถ้ามองในฐานะซุปกิมจิก็คงต้องให้ปรับปรุงรสชาติให้มีเปรี้ยว มีรสกิมจิเพิ่มอีกนิด แต่ถ้ามันคือซุปเต้าหู้ รสชาติประมาณนี้ก็น่าจะถูกต้องแล้วนะคะ [ของหวาน] • ไอศกรีม (ราคา 120++ บาท) - มี 3 รสให้เลือกคือวานิลลา / ชาเขียว / ช็อกโกแลต เสิร์ฟมาถ้วยละ 1 Scoop รสชาติคือกลางๆทั่วๆไป แต่หลังจากมื้อเนื้อหนักๆแล้วได้ไอศกรีมซักถ้วยก็สดชื่นดีนั่นล่ะ [เครื่องดื่ม] มีเครื่องดื่มทั้งที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์ให้เลือกหลากหลายทีเดียว โดยเน้นเป็นเครื่องดื่มเย็นทั้งหมด เราก็เลยสั่งเป็นชาอู่หลงเย็นมา (ราคา 60++บาท) กลิ่นหอม ชงเข้มข้นดีใช้ได้เลย แต่ส่วนตัวก็ยังอยากได้ชาร้อนมาช่วยละลายไขมันหลังมื้อหนักเนื้อแบบนี้ซักหน่อยนะคะ ถ้าในอนาคตมีเพิ่มเติมมาจะดีมาก ****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-**** จากปากซอยสุขุมวิท 31 (ฝั่งโรงแรม S31) เดินเข้าซอยมาประมาณ 200 เมตร จะเจอหน้าร้านอยู่ขวามือ ถ้ามาทาง BTS สถานีที่เดินใกล้ที่สุดคือ BTS พร้อมพงษ์ ส่วนถ้าใครขับรถมาทางร้านก็มีที่จอดให้บริการด้านหลังร้าน มีพนักงานคอยโบกรถอำนวยความสะดวกให้ด้วยค่ะ ภายในร้านจะมี 3 ชั้น ชั้น 1 – เป็นที่นั่งแบบร้านอาหารทั่วๆไป ชั้น 2 - เป็นที่นั่งหย่อนขาแบบญี่ปุ่น ทำฉากกั้นเป็นห้องๆดูเป็นส่วนตัวดี ชั้นนี้ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า ก็เลยมีตู้เก็บรองเท้าอยู่ติดบันไดด้วยค่ะ ชั้น 3 - จัดเป็น Open air ให้สูบบุหรี่ได้ด้วย ทราบมาว่าเฉพาะสำหรับชั้น 3 นี้จะมีเมนูที่จัดเป็นจานเล็กๆราคาเบาๆเหมาะกับจะแกล้มเครื่องดื่มให้สั่งด้วยนะ ****-Opening Hours-**** จันทร์-ศุกร์ : 17.00 - 23.00 น. เสาร์-อาทิตย์ : 11.30 -14.00 น. และ 17.00 - 23.00 น. โดยรวมแล้วก็น่าจะเป็นร้านที่สายเนื้อน่าจะถูกใจ เพราะมีเนื้อวัววากิว A5 นำเข้าจากญี่ปุ่นมาให้เลือกหลายเกรด หลายชนิด หลายระดับราคา ชอบเนื้อส่วนไหนก็สามารถเลือกสั่งได้ตามรสนิยมของแต่ละคนเลย แถมยังมีหมู ซีฟู้ด และอาหารอื่นๆให้เลือกอีกหลากหลายพอสมควร ทานสลับๆกันไปก็ช่วยเสริมรส-ตัดรส ให้เป็นมื้อที่เพลิดเพลินขึ้นได้ ยิ่งถ้ามีโปรโมชั่นก็ยิ่งคุ้มค่าน่าจัดขึ้นอีก ใครชอบแนวนี้น่าลองแวะดูค่ะ #Salmon