“หมู-ควาย ไม่มีโรค กลายเป็นลาบอันประเสริฐ” คือสโลแกนของร้าน”ลาบป่าตันดีขม” ที่เปิดมานานเกือบ 40 ปี เดิมร้านขายแค่อาหารพื้นเมืองตามฤดูกาล ภายหลังได้เพิ่มเมนูลาบไต่างๆเข้ามา #ลาบควายดิบ ฿50 เนื้อควายดิบสับละเอียดคลุกเลือดกับดีจนเนีบนเป็นเนื้อเดียวกัน รสดีขมนำตามชื่อร้าน ตามมาด้วยรสพริกลาบอันร้อนแรง ตบท้ายด้วยความหวานของดีที่ทิ้งไว้ในปาก #แกงกระด้าง ฿50 แกงหมูที่ถูกทิ้งจนกลายเป็นเจลาตินอาหารเฉพาะฤดูหนาวทางภาคเหนือในสมัยก่อน ปัจจุบันหาทานได้ทุกฤดูเพราะมีตู้เย็นและผงวุ้น แกงกระด้างเชียงใหม่ใส่แค่รากผักชี กระเทียม พริกไทย เกลือ ในขณะที่แกงกระด้างเชียงรายจะใส่เครื่องแกงด้วย ร้านนี้แกงกระด้างใส่ผงวุ้นสาหร่ายด้วย เทกเจอร์ไม่หนึบแบบวุ้นเจลาติน 100% รสชาติคล้ายแกงจืดใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย #หลามบอน ฿50 แกงบอนที่นำไปเผาไฟในกระบอกไม่ไผ้แบบข้าวหลาม คนโบราณมันจะเรียกแกงบอนว่า”แกงผักหวาน”เป็นการแก้เคล็ดไม่ให้บอนคันปาก เนื้อแกงเป็นบอนสับละเอียด ใส่หนังหมูเพิ่มเทกเจอร์ รสเปรี้ยวนัวจากมะเขือเทศ หอมกระเทียมเจียว เข้ากันดีกับแคบหมู แคบหนังปอง #แกงผักเสี้ยว ฿50 แกงเมืองใส่ผักเสี้ยวกับปลาย่าง นิยามของแกงเมืองคือแกงใส่พริกแกงแบบคนเมืองทำจากพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และของอูมามิอย่างกะปิ ปลาร้า หรือถั่วเน่า ปรุงรสให้เปรี้ยวด้วยมะเขือเทศ ไม่ใช้มะนาวหรือมะขาม และไม่ใส่กะทิ รสชาติหลักของแกงอยู่ที่การจับคู่กันระหว่างผักกับเนื้อสัตว์ ส่วนผักเสี้ยวคือยอดชงโค อาหารประจำฤดูแล้งที่ผักเสี้ยวเพิ่งแตกยอดออกมาใหม่ ร้านนี้แกงกับปลาย่าง น้ำแกงกลิ่นหอมปลาย่างนำเจือรสน้ำผัก ใส่เห็ดด้วยเพื่อเพิ่มรสสัมผัส #แกงสะแล ฿50 แกงเมืองใส่สะแลกับซี่โครงหมู รสชาติต่างกับแกงผักเสี้ยวใส่ปลาย่างราวฟ้ากับดิน สะแลคือพืชท้องถิ่นของทางเหนือ จะออกดอกตูมที่เก็บกินได้ในฤดูแล้ง รสชาติน้ำแกงออกขมนิดๆผสมกับรสของมะเขือเทศกับกระดูกหมู ตัวดอกสะแลมีความมันคล้ายๆสะเดาแต่ไม่ขมเท่า ใส่บ่าลิดไม้หรือฝักเพกาเพื่อให้ได้อีกรสสัมผัสนึง ร้านอยู่ตรงทางกลับรถถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ฝั่งตรงข้ามวัดป่าตัน เปิด 8.30-22.00 ทุกวัน #bigfriday4