Mocking Tales (ม็อกกิ้ง เทลส์)

Pook Pothisiri 39 Followers

มื้อเย็น

#Sayhi มาแวะเยี่ยม “Mocking Tales” กับสถานที่ใหม่แต่ยังคงคอนเซ็ปท์ใกล้เคียงร้านเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ตัวร้านใหญ่โตขึ้นและมีที่นั่งบริเวณด้านนอก สามารถออกไปนั่งชิล ชมวิว บริเวณ rooftop ของ J Avenue ⏰ 11:00-01:00 น. ทุกวัน 11:00-21:00 น. >> Cafe & Restaurant 21:00-01:00 น. >> Bar & Restaurant โดยจะมีดนตรีสด เริ่มเล่นตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นไป ใครที่ชอบถ่ายรูปน่าจะถูกใจ เพราะร้านนี้เค้ามีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมากตั้งแต่หน้าประตูที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่ปราสาทในเทพนิยาย 🏰 ด้านในจะมีของตกแต่งตามมุมต่างๆ เหมือนหลุดเข้ามาในฉากหนัง “Harry Potter” นอกจากนี้ยังมีคอสตูมและพร็อพ สำหรับให้ลูกค้าได้ใส่ถ่ายรูปด้วยนะ สาวๆ สายถ่ายรูป น่าจะถูกใจแน่นอน หรือใครที่สนใจอยากได้มังกรหน้าตาน่ารักกลับบ้าน เค้าก็มีจำหน่ายด้วย ในส่วนของเมนูที่เราได้ชิมวันนี้เป็นเมนูใหม่ ที่ยังคงมีสตอรี่น่าสนใจตามคอนเซ็ปท์ของร้าน แถมด้วยพรีเซนเทชั่นแบบจัดเต็ม ถ่ายรูปออกมา รับรองว่าสวยทุกเมนูแน่นอน [Drinks] - Northern Light (155++): แก้วนี้สีจะออกฟ้าอมเขียว คล้ายสีของแสงเหนือที่เป็นสีไล่ระดับ ส่วนผสมหลักๆ ก็จะมี น้ำฝรั่ง, เยลลี่อัญชัน, และ blue curaçao syrup ส่วนขอบแก้วด้านบนจะโรยด้วยเกลือ แบบเดียวกับเครื่องดื่มมาการิต้า เพียงแต่ตัวนี้เป็นม็อคเทล เราชอบเนื้อเยลลี่ด้านล่าง เคี้ยวเพลินดีค่ะ - Morph Potion (155++): เครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยาย “Harry Potter” คุณสมบัติตามชื่อ ดื่มแล้วสามารถแปลงร่างได้ สีจะออกเขียวคล้ำๆ ประดับด้วยเยลลี่หนอน ตัวนี้จะมีส่วนผสมของชาเขียวและ Yuzu Syrup รสออกเปรี้ยวๆ หวาน ดื่มแล้วสดชื่นดี แถมได้เคี้ยวเนื้อหนอน (ปลอม) หนุบๆ ไปด้วยกัน - Lucky Potion (155++): แก้วนี้มีความพิเศษตรงใช้น้ำแข็งที่มีดอกไม้ทานได้และองุ่นอยู่ด้านใน สีสันสวยงาม ส่วนผสมหลักๆ จะมี Plum Soda และน้ำมะนาว ถ่ายรูปเสร็จ ควรคนก่อนดื่ม จะได้ทั้งความหวานเปรี้ยวและความซ่าของโซดาไปพร้อมๆ กัน ชอบตรงมีรสบ๊วยแทรกเบาๆ - The Last Phoenix Coffee (155++): ใครที่เป็นคอกาแฟ เราขอแนะนำเมนูนี้ เพราะกาแฟเค้าดีจริงๆ ส่วนผสมหลักจะมีกาแฟ 1 ช็อต, ซอสสตรอเบอรี่, และเนื้อราสพ์เบอรี่ ส่วนตัวชอบคอมบิเนชั่นนี้มากกว่าน้ำส้มอีกทีนึง [Appetizer and Main] - Salmon Stick with Nachos (260++): แซลมอนชุบแป้งทอด กรอบนอก นุ่มใน เสริฟคู่กับชิพส์ข้าวโพดทอดกรอบ 2 สี ท๊อปด้วย salsa โดยจะเสริฟคู่กับดิปปิ้งซอสที่เน้นส่วนผสมของ Tabasco รสจะออกเปรี้ยวและเผ็ดนำ ใครที่ไม่ถนัดทานเผ็ดจะลองขอซอสมะเขือเทศมาจิ้มแทนก็ได้นะคะ แต่เราว่าซอสสูตรของที่ร้านก็เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดดีค่ะ ส่วนตัวชอบพรีเซนเทชั่นของเมนูนี้ ติดใจแก้วที่เป็นรูปทรงมงกุฏ น่ารักดีค่ะ - The Nest of Phoenix (320++): เมนูนี้คือ เส้นฟูซิลลี่ผัดสไตล์ฟิวชั่น ออกรสไทยๆ เพราะมีส่วนผสมของน้ำพริกเผาใส่ลงมาด้วย เนื้อสัตว์ที่ใส่มาจะเป็นเนื้อไก่ที่เหมือนจะเอาไปกริลล์ก่อน ส่วนตัวรังนกทำมาจากแป้งญวนทอดกรอบ พาสต้ารสจะออกหวานนำไปนิดนึง ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ เราแอบติดใจส่วนรังนกด้านนอก ทอดมาได้กรอบฟูดี - Magic Mushroom Soup (150++): ซุปเห็ดรสเข้มข้น โรยหน้าด้วยเห็ดโคน มีส่วนผสมของน้ำมันทรัฟเฟิลหอมๆ ส่วนตัวชอบทานอาหารรสออกเค็มนำอยู่แล้ว เลยค่อนข้างถูกใจกับซุปเห็ดชามนี้ แอบอยากให้มีขนมปังเสริฟมาคู่กัน น่าจะเข้ากับซุปชามนี้ได้ลงตัวพอดี - Pesto Pasta with Grilled Chicken (280++): เส้นเพนเน่ผัดกับซอสเพสโต้ ตัวเส้นลวกมาได้สุกกำลังดี ซอสก็ถือว่าปรุงรสมาพอดี รสเข้มข้น เสริฟคู่กับอกไก่ย่าง ที่เนื้อออกจะแห้งไปนิดนึง เราชอบที่เชฟมีการเพิ่มลูกเล่นโดยประดับ Parmesan Crisp แทรกมาด้วย ได้ 2 รสสัมผัส ทั้งหนุบหนับและกรุบกรอบในคำเดียวกัน - Fruit Palace (280++): เมนูนี้น่าจะเหมาะกับสาวๆ ที่กลัวอ้วน เพราะมีทั้งผักสดๆ และผลไม้ต่างๆ (บลูเบอร์รี่, สตรอว์เบอร์รี่, ส้ม, แอ๊ปเปิ้ล) จัดจานมาอย่างสวยงาม เสริฟคู่กับน้ำสลัดรสออกเปรี้ยวๆ หวานๆ [Desserts] - Brûlée Valley (120++): เครมบลูเล่เนื้อเนียน รสเข้มข้น ประดับด้านบนด้วยมูสชาเขียว รสไม่หวานมาก เข้ากันดีกับครัมเบิ้ลชาเขียวกรุบๆ มันๆ ที่เท็กซ์เจอร์ทำออกมาได้ดีมากทีเดียว เนื่องจากเค้าใช้เทคนิคพิเศษที่จะใช้เนยร้อนๆ ลงไปคนให้แป้งสุก ก่อนผสมผงชาเขียวอีกที >> แต่เมนูนี้แอบเสียดายเล็กน้อยที่ ตรงส่วนผิวด้านบนของขนมมีน้ำตาลกรอบๆ น้อยไปนิดนึง เลยอดลองกระเทาะส่วนผิวด้านบนแบบที่เราชอบทำเวลาทานขนมชนิดนี้ - Fairy Land Cake (195++): เนื้อด้านในของขนมคือ สปันจ์เค้กแบ่งเป็น 3 เลเยอร์เคลือบผิวด้านนอกด้วยช็อคโกแลตผิวกรอบๆ และโรยด้านบนด้วยครัมเบิ้ลชาเขียว รวมๆ ก็อร่อยดีนะคะแต่แอบชอบขนมเมนูอื่นๆ มากกว่า - Castle of Dawn & Twilight (480++): เมนูต้องบอกว่า ว้าวมาก เริ่มตั้งแต่พนักงานนำขนมลงเสริฟ แล้วราดด้วยลิควิดไนโตรเจน ทำให้เกิดเป็นควันพวยพุ่งอยู่ด้านบน พร้อมๆ กับมีเสียงพนักงานเป็นแบ็คกราวน์ เข้ากับบรรยากาศร้านมากๆ เมนูนี้ตรงฐานคือ เอแคลร์ที่สอดไส้ด้านในด้วยดาร์กช็อคโกแลต รสขมนิดๆ ทานแล้วรสสัมผัสใกล้เคียงกับ profiteroles ซึ่งเป็นขนมหวานสไตล์อิตาเลียน ส่วนด้านในจะมีไอศครีมอยู่ 3 รส: strawberry cheesecake, salted caramel, และ blueberry อร่อยทุกรสเลย เพียงแต่ละลายไวไปหน่อย ถ้าแช่เป็นลูกกลมๆ แยกทิ้งไว้ให้แข็งๆ หน่อยตั้งแต่แรกน่าจะดีกว่า ส่วนด้านบนที่เป็นเลมอนเกลซ สามารถทานได้นะคะ ทุกส่วนประกอบของเมนูนี้เข้ากันดีทุกส่วนเลย แนะนำว่าห้ามพลาดจานนี้ ถ่ายรูปสวยแถมรสชาติก็ดีด้วย โดยรวมชอบการตกแต่งร้านมากๆ ดูลึกลับ น่าค้นหา เมนูอาหารก็พรีเซนเทชั่นสวยงาม มีความน่าสนใจ เครื่องดื่มและของหวานถือว่ามีความโดดเด่นน่าสนใจกว่าร้านอื่น ส่วนการบริการก็ถือว่าดีทีเดียวค่ะ ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารสวยๆ สำหรับพาคนรู้ใจไปเดท หรือจะมาจัดเลี้ยงกันกลุ่มใหญ่ ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ