Mocking Tales - น่าจะเป็นร้านแรกๆของเมืองไทยที่มาพร้อมกับธีมปราสาทแห่งเวทย์มนตร์อันลึกลับน่าค้นหา หลังจากร้านเดิมที่ The Maze ทองหล่อได้ปิดตัวลง ตอนนี้ Mocking Tales ได้กลับมาเปิดใหม่ที่ J Avenue Thonglor ชั้น Rooftop ให้แฟนๆได้หายคิดถึง ภาพลักษณ์ของร้านยังคงความเป็นแฟนตาซีไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่พื้นที่ร้านกว้างขวางขึ้น รองรับลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ต้องต่อคิวยาวเหมือนเดิม แถมมีที่นั่ง Outdoor บนผืนหญ้าสีเขียวที่ชวนให้นึกถึงสนามแข่ง Quidditch จากเรื่อง Harry Potter เข้ากันกับเมนูใหม่หลายเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเดียวกัน ส่วนสายถ่ายรูปสามารถยืมใส่ชุดแฟนซี แปลงกายเป็น Hermione โพสต์ท่ากับมุมต่างๆในร้านได้เลย กับครั้งนี้เลยขอมานั่งชิลล์ชิมเมนูใหม่ๆ เม้ามอยกับเพื่อนๆที่นี่กันค่ะ ****-ข้อมูลพิ้นฐาน-**** • เวลาเปิด/ปิด 11.00-01.00 • 11.00-21.00 : มีอาหารเที่ยง อาหารค่ำ ขนมหวานพร้อมเครื่องดื่มแนว Café โดยในช่วงมื้อเที่ยงของวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะมี Live Band มาเล่นดนตรีขับกล่อมด้วย • 21.00-01.00 (last order เที่ยงคืน) : เพิ่มโซน Cocktail Bar / โซนลานเบียร์ Rooftop พร้อมดนตรีสด และ DJs ในทุกค่ำคืน ****-เมนูที่ลอง-**** [เครื่องดื่ม] ด้วยสไตล์ของร้านที่เป็นทั้ง Café, Bar & Restaurant เมนูเครื่องดื่มที่นี่จึงมีให้เลือกหลากหลายครบครันทั้งที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์ มี Drink Bar ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางร้านเป็นจุดเด่นสะดุดตาทีเดียว แต่ในเมื่อมาที่ร้าน Mocking Tales ทั้งที เราก็ต้องขอลอง Mock(ing)tails กันไปเน้นๆตามนี้ล่ะค่ะ ราคาแก้วละ 155 ++ บาทเท่ากันทุกตัวเลย • The Last Phoenix Coffee ส่วนผสม : Americano / Strawberry Sauce / Raspberry ส่วนตัวเคยชื่นชอบกลิ่นรสกาแฟของที่นี่มาตั้งแต่สมัยร้านตั้งอยู่ที่เก่า แต่กับครั้งนี้บอกเลยว่าปลื้มปริ่มยิ่งกว่าเดิม แค่จิบแรกก็ได้กลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่นอวลทั่วปาก บ่งบอกว่าใช้เมล็ดกาแฟชั้นดีที่คั่วได้สมบูรณ์แบบ เป็นกาแฟสไตล์คลื่นลูกที่สามที่เด็ดเทียบชั้นร้านแนว Specialty Coffee ได้เลยทีเดียว Tasting Note ออกแนว Fruity สดชื่น เข้ากันดีกับ Strawberry Sauce และเนื้อ Raspberry ที่อยู่ด้านล่าง เวลาจะจิบแนะนำให้คนให้ทั่วถึงก่อน จะได้รสชาติที่สมดุลพอดีค่ะ เห็นกาแฟที่ใช้ดีงามขนาดนี้ ใครไม่ชอบ Mocktail อยากจะสั่งเป็นเมนูกาแฟไปเลยก็น่าจะฟินแน่นอน • Northern Light ส่วนผสม : Guava Juice / Blue Curacao Syrup / Butterfly Pea Jelly Mocktail สีฟ้าสดใสแก้วนี้เมื่อสะท้อนแสงก็มองเห็นเป็นสีเหลือบเขียวเหลือบฟ้าคล้ายกับสีสันของแสงเหนือสมกับชื่อเมนู - รอบปากแก้วมีการ dip เกลือมาเล็กน้อยชวนให้นึกถึงค็อกเทล Blue Margarita ในเวอร์ชั่นน้ำฝรั่งไร้ Tequila เพิ่มลูกเล่นด้วยเยลลี่อัญชัญสีม่วงที่ให้ความหอมเบาๆเมื่อเคี้ยว กลมกลืนกับรสอมเปรี้ยวอมหวานสดชื่นของเครื่องดื่มดีมากๆค่ะ • Morph Potion ส่วนผสม : Matcha / Yuzu / Fruit Gums ไม่แน่ใจว่าแก้วนี้จะดัดแปลงมาจากค็อกเทลตระกูล Chūhai ของญี่ปุ่นหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือได้แรงบันดาลใจมาจาก “Polyjuice Potion” - หรือน้ำยาสรรพรสในเรื่อง Harry Potter นั่นเอง เบสของเมนูนี้เป็น Matcha ผสมกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นจมูกของส้ม Yuzu ให้รสเปรี้ยวอมหวานที่ลงตัว เทียบกับเมนู Northern Light แล้วแก้วนี้จะมีดีกรีความเปรี้ยวที่ชัดเจนกว่า ตัดกับความหวานหนุบหนับเคี้ยวสนุกของ Fruit Gum รูปตัวหนอนที่ท็อปมาด้านบนได้ดีเลยล่ะ • Lucky Potion ส่วนผสม : Plum Soda / Lime / Grapes / Edible Flowers เครื่องดื่มชื่อน่าสั่งนี้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก Felix Felicis หรือ Liquid Luck - น้ำยานำโชคที่ก็มาจากเรื่อง Harry Potter อีกเช่นกัน เบสเป็น Plum Soda ผสมน้ำมะนาว ใส่เนื้อองุ่นผ่าซีกและดอกไม้ที่ทานได้ลงไปในแก้วด้วย เมนูนี้ชั้นของน้ำเชื่อมบ๊วยหวานๆจะอยู่ก้นแก้ว เวลาจะจิบต้องคนให้ทั่วๆก่อนถึงจะได้ความเปรี้ยว-หวาน-หอมที่พอดีนะคะ [อาหาร] • Salmon Sticks with Nachos (ราคา 260 บาท) เป็นแซลมอนชุปแป้งทอดสไตล์เม็กซิกัน เสิร์ฟมาพร้อม Nachos ที่ใช้แผ่น Tortilla Chips สองรส จิ้มกับน้ำจิ้มที่มีเบสเป็น Tabasco Sauce เปรี้ยวๆช่วยตัดเลี่ยนของทอดได้ดี ใครไม่ชอบรสเปรี้ยวสามารถขอเปลี่ยนเป็นซอสมะเขือเทศกับมายองเนสได้ค่ะ • The Nest of Phoenix (ราคา 320 บาท) พาสต้าสไตล์ไทยๆที่เอาเส้น Fusilli ลวกหนึบแบบ Al dente มาผัดกับน้ำพริกเผาที่มีรสออกหวานนำปนเผ็ดเบาๆ ใส่เนื้อไก่ทอดหั่นชิ้นยาว ที่เราชอบเป็นพิเศษคือส่วนของ “รังนก” ที่ใช้ใส่พาสต้ามานี่เอง เป็นแผ่นแป้งญวนที่นำไปทอดจนฟูกรอบ ให้สัมผัสที่เคี้ยวเพลินดีมากเลยทีเดียว • Magic Mushroom Truffle Soup (ราคา 150 บาท) เป็นซุปเห็ดที่ได้กลิ่นรสเห็ดเข้มข้นถึงใจ แต่งแต้มด้วยบีทรูทชิ้นเล็กๆและเหยาะ Truffle Oil เบาๆ เนื้อสัมผัสของซุปจัดว่าสมบูรณ์แบบ รสชาติคืออร่อยเลย อาจจะติดเค็มนำอยู่นิดๆเพราะเสิร์ฟมาแบบให้ทานเปล่าๆไม่มีขนมปังแกล้ม แต่ก็ยังฟินอยู่ดีนั่นล่ะ • Fruit Palace (ราคา 280 บาท) จานนี้เป็นสลัดผัก+ผลไม้ที่ใส่มาทั้งสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แอ๊ปเปิ้ล และส้มแมนดาริน ราดน้ำสลัดรสชาติคล้าย Thousand Island เป็นเมนูเบาๆคลีนๆที่สดชื่นสบายท้องดีใช้ได้นะ • Pesto Pasta with Grilled Chicken (ราคา 280 บาท) จัดเป็นจานโปรดของมื้อนี้เลย เส้น Penne หนึบๆเคล้ากับซอส Pesto ที่รสชาติเข้มข้นหอมกลมกล่อมพอดิบพอดี ที่เก๋คือที่นี่ไม่ได้แค่ขูด Parmesan Cheese โรยหน้าแบบร้านอื่นๆ แต่ทำเป็น Parmesan Crisp กรอบนอกหนึบใน ทั้งหอมทั้งมันและเคี้ยวเพลินมากๆ ทานคู่กับอกไก่ย่างชิ้นโตๆที่เคียงมาคือลงตัวสุดๆค่ะ [ของหวาน] • Castle of Dawn & Twilight (ราคา 480 บาท) เมนู Signature ที่ออกมาเพื่อต้อนรับการเปิดร้านขึ้นใหม่ในครั้งนี้ Concept คือปราสาทแบบป้อมปราการที่มีกำแพงเป็น Eclairs วางเรียงล้อมไอศกรีม 4 ลูกที่อยู่ด้านใน เวลาเสิร์ฟจะมีการราด Liquid Nitrogen เป็นควันพวยพุ่ง ได้อารมณ์แบบสายหมอกยามเช้าค่ำที่ปกคลุมปราสาทแห่งเวทย์มนตร์ แนะนำเตรียมถ่ายวีดีโอกันได้เลยค่ะ ในแง่รสชาตินั้นค่อนข้างถูกใจเลย แป้งเอแคลร์กรอบนอกนุ่มในไม่กระด้าง สัมผัสจะคล้ายๆ Profiteroles ไส้เป็น Dark Chocolate เข้มข้นถึงใจ สำหรับไอศกรีม 4 ลูกนั้นเราสามารถเลือกรสชาติได้เอง เราลองเป็นรส Salted Caramel / Strawberry Cheesecake/Blueberry/Yogurt รสชาติชัดเจนดีทุกตัว แต่เสียดายว่าละลายเร็วไปนิด ทีเด็ดคือ Green Tea Crumble ที่โรยมารอบๆนี่เอง จัดได้ว่าเป็นร้านที่ทำ Crumble ได้ดีที่สุดร้านนึงเลย เนื้อสัมผัสทั้งเบาฟูและกรอบกริ๊บหอมมัน ทราบมาว่ามีการผสมทั้งผงอัลมอนด์และชาเขียวลงในแป้งแล้วผสมเนยร้อนๆจนแป้งสุกก่อนนำไปอบ ดีงามแบบต้องปาด Crumble ทานกันจนจานคลีนเชียว • Fairyland Cake (ราคา 195 บาท) เป็นเค้กชิฟฟ่อนนุ่มๆสองชั้นที่กั้นกลางด้วยไส้ครีมบลูเบอร์รี่ ผิวนอกของเค้กเคลือบช็อกโกแลตกรอบๆไว้ โรยด้านบนด้วย Crumble แบบเดียวกับเมนูที่แล้ว ตัดเลี่ยนด้วยสตรอเบอร์รี่สดที่วางประดับมาในจาน ทานเพลินดีใช้ได้นะ • Brulee Valley (ราคา 120 บาท) Crème Brulee เนื้อเนียนนุ่ม ด้านบนโรยน้ำตาลเบิร์นด้วย Blow Torch มาบางๆ ตกแต่งด้วยครีมรสชาเขียว Matcha ที่กลิ่นเข้มข้นชัดเจนมากๆ เหมาะกับสายชาเขียวที่แท้ทรู และแน่นอนว่าก็ต้องมีครัมเบิ้ลชาเขียวโรยมาในจานเช่นเดียวกับเมนูอื่นๆค่ะ โดยรวมแล้วการกลับมาของ Mocking Tales ครั้งนี้ก็ยังคงความเป็นแฟนตาซีที่มีเสน่ห์น่ารื่นรมย์อยู่เช่นเดิม และนอกจากเมนูใหม่ๆที่เพิ่งเปิดตัวนี้แล้ว ใครที่ติดใจเมนูดังจาก Chapter เก่าๆก็ยังสามารถสั่งจากเมนูมาฟินได้อีก เป็นร้านที่ทั้งสายบาร์ / สายคาเฟ่ / สายถ่ายรูปน่าลองแวะดูค่ะ