นัดเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการทานอาหารญี่ปุ่น มาทดลองชิมโอมากาเสะ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านสาทร “Koko” ที่กำลังอยู่ในกระแสเวลานี้ ซึ่งช่วงนี้ทางร้านเอง อยู่ในช่วงจัดโปรราคาพิเศษ สำหรับ Omakase Courses โดยมีราคาเริ่มต้นเบาๆ อยู่ที่ 2,199++ บาทสำหรับ 20 คอร์ส แอบเสียดายที่ห้องส่วนตัวที่ทางร้านเตรียมไว้สำหรับเสริฟโอมากาเสะโดยเฉพาะ ยังอยู่ในระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์ เลยอดใช้นะคะ คาดว่าน่าจะพร้อมให้บริการภายในเร็วๆ นี้ เผื่อใครจองไปทานช่วงหลังจากนี้ น่าจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สำหรับคอร์สที่พวกเรามาทานในครั้งนี้ คือ Premium Courses ราคา 2,999++ (ไม่รวมเครื่องดื่ม) ซึ่งจะเสริฟอาหารจำนวนทั้งสิ้น 20 คอร์ส โดยรายการที่เสริฟ และลำดับการเสริฟ อาจแตกต่างไปจากลิสต์รายการที่ทางร้านแจกให้ในตอนแรก ในกรณีที่วัตถุดิบรายการไหนจัดหามาไม่ได้ ทางร้านก็จะปรับเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบอย่างอื่นที่ใกล้เคียงกันแทน โดยเลือกจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดในวันนั้น เช่นเดียวกับกรณีที่ลูกค้าบางท่านไม่ทานเนื้อวัว ทางร้านก็จะเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบอย่างอื่นที่คุณภาพใกล้เคียงกันหรือดีกว่าเท่านั้น ถือว่าแฟร์กับลูกค้ามากทีเดียว สำหรับรายการที่เสริฟในคอร์สนี้ ประกอบไปด้วยเมนูตามนี้เลยค่ะ <Appetizers> 1. Foie Gras Chawan: ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน ท๊อปด้วย Ikura และ Foie Gras เกรดพรีเมี่ยมที่นำไปย่างบนเตาถ่าน ทำให้ไม่เลี่ยนและมีผิวที่กรอบนิดๆ 2. Junsai: วันนี้ทางร้านไม่มีวัตถุดิบสำคัญ “ยอดอ่อนของบัวหิมะ” เลยปรับเปลี่ยนเป็นเมนู Madai Susumono โดยใช้ปลา Madai เป็นวัตถุดิบแทน แต่ใช้น้ำหมักตัวเดียวกับที่ปรุงเมนู Junsai เมนูนี้ให้ความรู้สึกที่สดชื่นเมื่อคีบเข้าปาก 3. Sashimi (Hirame Kombu): เนื้อปลา Hirame นำไปหมักกับ Kombu เพื่อช่วยดึงน้ำทะเลออกจากเนื้อปลา ทำให้มีความกลมกล่อมและนุ่มขึ้น ส่วนด้านบนจะท๊อปด้วยเอนกาวะสด ที่ได้มาจากปลาซีกเดียว (ปลาตาเดียว) ขนาดใหญ่ มีน้ำหนักประมาณ 1-2 kg. ถือเป็นวัตถุดิบพิเศษของวันนี้เลย สำหรับเมนูนี้ เชฟแนะนำให้ทาน 3 วิธีเพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่าง: ทานทันที (ชิ้นที่โรยเกลือหิมาลายัน), บีบมะนาวญี่ปุ่น (sudachi) ลงไป 2 หยด, เหยาะโชยุเล็กน้อยลงไปบนชิ้นที่ป้ายวาซาบิ <Main> 4. Madai Nigiri โรยเกลือพร้อมบีบมะนาวญี่ปุ่น ท๊อปด้านบนด้วยผิวส้ม Yuzu 5. Kanpachi Nigiri ท๊อปด้านบนด้วย อิวาโนนิ (สาหร่ายสด), Kanpachi คือ ปลาข้างเหลืองญี่ปุ่น ตระกูลเดียวกับปลาฮามาจิ เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า รสสัมผัสจะมีความกรอบมากกว่าและมีความมันที่น้อยกว่า Hamachi 6. Gai: โฮตาเตะไซส์จัมโบ้ย่าง ห่อในสาหร่ายกรอบๆ >> กว่าจะได้มาเป็นเมนูนี้ เชฟจะต้องนำหอยเชลล์ญี่ปุ่นไปลวกในน้ำร้อนพอสะดุ้ง ก่อนนำไปแช่ในน้ำสต็อคเป็นเวลา 3 วัน ถึงจะพร้อมที่จะนำมากริลเพื่อให้มีกลิ่นหอม ห่อมาในสาหร่าย ตัวนี้ควรรีบทานทันทีก่อนที่สาหร่ายจะนิ่ม โฮตาเตะเนื้อหวานกรอบ สดเด้งดีค่ะ 7. Botan Ebi Nigiri: กุ้งโบตั๋นเนื้อสดหวาน โรยด้านบนด้วยไข่ปลาโบระ ที่ถูกนำไปดอง (Karasumi), ปลาโบระ ก็คือ ปลากระบอกไซส์ 10 kg นั่นเอง Karasumi ไม่ได้มีให้ทานทั้งปีนะคะ เพราะจะผลิตได้เพียงปีละ 1 ครั้ง ช่วง winter เท่านั้น ถือเป็นวัตถุดิบที่มีราคาสูง รสจะออกเค็มๆ มันๆ 8. Ankimo Monk Fish Liver: ตับปลาอังโกะซึ่งถือเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดของปลาชนิดนี้ เทียบเคียงได้กับ Foie gras โดยซอสที่ทามาด้านบน ทำมาจากส่วนผสมหลักๆ คือ Ponzu, Truffle Oil, และ Teriyaki Sauce ไม่น่าเชื่อว่าส่วนผสมทั้ง 3 อย่างจะผสมกันได้ลงตัว ตับปลาเนียนนุ่มไม่มีความคาวแม้แต่นิด อร่อยแบบที่อยากทานอีกหลายๆ คำ 9. Uni Nigiri: ใช้ไข่หอยเม่นพันธุ์ Bafun ที่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีรสชาติที่หวานมัน หอยเม่นที่เสริฟมีความสดใหม่มากๆ ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่นิด ซึ่งหน้าตาจะแตกต่างจากไข่หอยเม่นที่จัดเก็บเกิน 2 วันที่จะเริ่มคายน้ำทะเลออกมา แถมคำนี้เชฟจัดไข่หอยเม่นให้แบบจุใจกันเลยทีเดียว 10. Maguro (Akami) Nigiri: ปลาทูน่าส่วนเนื้อแดง โดยส่วนที่เชฟเลือกใช้คือ Tenmi Akami ซึ่งเป็นส่วนขอบที่อยู่ติดกับ Otoro และ Chutoro ชิ้นส่วนนี้จะมีความนุ่มหวาน และมีความละมุนลิ้นมากกว่าเนื้อแดงส่วน Akami 11. Maguro (Toro) Nigiri: ชิ้นส่วนที่มันและแพงที่สุดของ Blue-Fin Tuna คำนี้จะท๊อปด้านบนด้วย Caviar ก่อนฉีดสเปรย์ผงทองด้านบนเพิ่มความหรูหรา คำนี้เนื้อปลามันฉ่ำในปาก ฟินมากๆ 12. Ikura Don: Mini Don ในถ้วยขนาดจิ๋ว ที่โรยหน้ากันแบบล้นๆ ด้วย Ikura พร้อมไข่นกกระทาออร์แกนิคดองเป็นเวลา 15 นาที และท๊อปชั้นบนสุดด้วย Caviar แต้มวาซาบิสด >> Ikura ของที่นี่จะใช้ Nama Sujiko หรือ ไข่ปลาแซลมอนพวงที่นำมาดองเอง ทำให้ได้รสสัมผัสที่กรุบๆ มากกว่าและมีความเค็มไม่มากจนเกินไป ส่วนข้าวที่ใช้ในเมนูนี้ จะมีรสสัมผัสที่แข็งมากกว่าข้าวซูชิที่เสริฟ Nigiri เพื่อให้ลงตัวพอดีกับไข่ปลาแซลมอนนุ่มๆ 13. Ma Saba: เมนูนี้จะใช้ปลาซาบะสดเกรดพรีเมี่ยมของญี่ปุ่น นำมาโรลพร้อมตะก้วง/Takuan (หัวไชเท้าที่ไปดองกับยอดอ่อนของข้าว) คำนี้จะไม่มีข้าวอยู่ด้านใน รสจะออกเปรี้ยวนิดๆ ทานแล้วช่วยตัดเลี่ยน เมนูที่เสริฟก่อนหน้าได้ดีเลย 14. Kinmedai Yaki: เปลี่ยนเป็น Negiotoro Makiโรยด้วย Ikura ด้านบน คำนี้เนื้อปลามันฉ่ำ สดอร่อย ทานคู่กับสาหร่ายกรอบๆ ที่ห่อมาชั้นนอก ทำให้ได้ 2 รสสัมผัสในคำเดียว คำนี้ควรรีบทานตอนที่สาหร่ายยังกรอบอยู่ 15. Zuwai Tempura Karazumi: เทมปุระขาปู Zuwai โรยด้านบนด้วย Karasumi >> แป้งเทมปุระมีความกรอบเบา ไม่อมน้ำมัน 16. Kobe Sandwich: เนื้อโกเบระดับ A5 นำไปชุบเกล็ดขนมปังทอด หรือ Kobe Katsu ประดับด้านบนด้วย Ikura และฉีดสเปรย์ผงทอง >> น่าเสียดายที่เมนูนี้ไม่ได้ชูรสชาติของเนื้อโกเบเท่าที่ควร เนื่องจากถูกแป้งชุบทอดบดบังไปหมด แม้จะทอดมาได้กรอบมากก็ตาม ถ้าเสริฟเป็นย่างแค่ตรงส่วนผิวน่าจะดีกว่า เพราะตัวขนมปังเองก็กรุบกรอบอยู่แล้ว สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อวัว จะได้ทานเป็น Otoro (สด) Sandwich แทน 17. Tamago Bate: ไข่หวานเนื้อฟูนุ่มแต่ยังมีความดึ๋งและเนื้อด้านในมีความชุ่มฉ่ำ ส่วนผสมหลักๆ มาจากไข่และมันยามาอิโมะ แต่ไม่มีส่วนผสมของแป้ง ชอบตรงที่ไม่มีกลิ่นคาวของไข่แม้แต่นิด 18. Soup: ซุปใสปลาแห้งใส่เนื้อปลาบุรี ซุปถ้วยนี้หอมกลิ่นปลาแห้งชัดเจน ถือเป็นเมนูที่ช่วยล้างปาก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทานของหวานกันต่อ <Desserts> 19. Red Elder: เปลี่ยนเป็นเมนู Strawberry Daifuku ตัวแป้งชั้นนอกมีความบางพอดีแต่ยังคงความเหนียวนุ่ม ไส้ถั่วแดงกวนก็ทำออกมาไม่หวานจัด ทานคู่กับสตรอเบอร์รี่ญี่ปุ่นที่มีรสอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยดีค่ะ 20. Melon: เมลอนนำเข้าจากญี่ปุ่น หวานฉ่ำสุดๆ เป็นการปิดท้ายมื้อที่สมบูรณ์ เนื่องจากร้านนี้นำเข้าปลาสดจากญี่ปุ่นทุกวัน ทำให้วัตถุดิบที่เสริฟให้ลูกค้ามีความสดใหม่ ส่วนข้าวซูชิจะใช้ข้าวจาก Niigata ซึ่งถือเป็นข้าวญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม นำมาปรุงรสให้ออกมา มีรสเปรี้ยวที่ไม่มาก เน้นชูรสชาติและความสดของวัตถุดิบเป็นหลัก ส่วนเทคนิคการปั้นข้าว จะใช้วิธีปั้นแบบสูญญากาศเพื่อให้ข้าวไม่อัดแน่นจนเกินไป เมื่อลูกค้าเคี้ยวซูชิ ข้าวก็จะคลายตัวพอดีในปาก เมนูที่เสริฟถือว่าเรียงลำดับได้ดี เพียงแต่บางเมนูที่เราคาดหวังว่าจะได้ทานในวันนี้ไม่มี ก็แอบผิดหวังเล็กๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่า เมนูที่เสริฟในคอร์สโอมากาเสะ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ (ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่ทางร้านจัดหาได้ในวันนั้น) โดยรวมเราคิดว่าคอร์สนี้คุ้มค่ามากทีเดียวเมื่อเทียบกับราคาที่ไม่เวอร์จนเกินไป รวมทั้งเชฟเองก็ให้ข้อมูลได้ดีในแต่ละเมนูที่เสริฟให้ลูกค้า สำหรับใครที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง ************************************ ข้อมูลเพิ่มเติม: Omakase โคตรพรีเมี่ยม ลดจาก 8,500 เหลือ 2,999++ แถมจอง+มัดจำล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน รับส่วนลดทันทีอีก 200 บาท 🌟Omakase เปิดทุกวัน วันละ 4 รอบ (จองก่อนไปนะคะ) 12:00 ┃16:00 ┃ 18:00 ┃ 20:00 📍พิกัดร้าน : หลังอาคารหะรินธร สาทร 4 จอดรถในตึกหะรินธร (จอดฟรี 3 ชม.) 💳รับบัตรเครดิต (ไม่ชาร์จค่ะ) 📌สำรองที่นั่ง Omakase ได้ทาง : โทร 02 115 7628 ┃088 627 8264 LINE ID : @kokojapanese (ใส่@ข้างหน้าด้วยนะคะ) หรือคลิกที่ลิงค์นี้ http://nav.cx/t44LWd IG : kokojapaneserestaurant #Jan2020

  • 6
  • 0
20/01/17

Other Reviews