มื้อกลางวัน

ร้านโอมากาเสะเล็กๆ ที่แอบอยู่ในตึกชาญอิสระทาวเวอร์ ชั้น G ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมถึงแม้ร้านอื่นๆ ที่อยู่ในตึกจะเริ่มหายไปและเปลี่ยนมาเป็นร้านใหม่แทน สำหรับร้านนี้ถ้าหากไม่ได้ทานโอมากาเสะ ก็มี A La Carte เช่นเดียวกัน หรือถ้าไม่สะดวกมาทานที่ร้าน อย่างเช่นช่วงนี้ที่ไม่สามารถทานอาหารที่ร้านได้ ก็สามารถสั่ง Delivery ได้เช่นกัน หรือถ้ามีงบประมาณและอยากจัดงานสำคัญๆ ที่ร้านนี้ก็สามารถออกไปจัดโอมากาเสะนอกสถานที่ได้เช่นเดียวกัน สำหรับคอร์สในวันนี้ทานเป็นคอร์ส 4000++ ในช่วงมื้อกลางวัน มีด้วยกัน 18 + 2 เมนูด้วยกันถือว่าเยอะเลยทีเดียว ซึ่งจะมีมัดจำ 1000 บาทต่อ 1 ท่านครับ และเมนูอาหารจะเป็นวัตถุดิบในช่วงหน้าร้อน เริ่มต้นกันด้วย Appetizer 2 เมนู - โมสุโกสุ สาหร่ายเส้นผมสีออกเขียวๆ มาพร้อมกับยอดบัวที่อยู่ในเจลลี่ และมีเชอร์รี่ ไว้ทานตัดรสชาติกัน โดยเชฟแนะนำให้ทานเชอร์รี่ก่อน ตัวเชอร์รี่รสชาติดีเลยครับ ไม่มีรสชาติแปร่งๆแบบยาแก้ไอ ตัวยอดบัวจะให้ความขมๆ ตัดกับความเปรี้ยวจากยูซุที่อยู่ในสาหร่ายเส้นผมอีกทีครับ ตัวสาหร่ายให้ความรู้สึกแน่นๆ เปิดต่อมรับรสได้ดีเลยครับ - ฮาโมะเทมปุระ เป็นปลาไหลที่มีก้างเยอะที่สุดของญี่ปุ่นและเอาออกค่อนข้างยาก จึงนิยมมาทำเทมปุระ แต่ด้วยนิสัยคนไทยที่จะไม่ชอบก้าง ทางเชฟเลยผ่าให้ลึกกว่าปกติเพื่อนำก้างออกให้ได้มากที่สุด ก่อนนำไปทอด เสิร์ฟมาด้วยกัน 2 ชิ้นกับเครื่องเคียงสองแบบ แบบแรกจิ้มกับน้ำจิ้มยูซุให้ความเปรี้ยวๆ เฟรชๆ และแบบบีบมะนาวจิ้มเกลือ จะให้ความเปรี้ยวอีกแบบและชูรสชาติวัตถุดิบได้ดี เนื้อปลาคือดี หน้าตาดูเหมือนแห้งแต่จริงๆ ยังมีความฉ่ำและแน่นเหมือนกินปลาที่เนื้อแน่นๆ นุ่มอร่อย ต่อกันด้วยซาซิมิ - โยชิกุฮะตะ หรือปลาเก๋าญี่ปุ่น ผ่านการ Dry Aged 5 วัน เนื้อจะมีความแน่นๆและหนึบๆ นุ่มอร่อยแบบที่ปลาหลายๆ อย่างให้ไม่ได้ รสชาติออกมันๆ มีความหวานจากเนื้อปลานิดๆ เมนูนี้ทางเชฟไม่ได้จิ้มโชยุให้เพราะอยากให้ชิมรสชาติปลาจริงๆ - ซาบะโบล เป็นซาบะที่ห่อเป็นลักษณะมากิเพียงแต่ไม่มีข้าว ห่อในสาหร่ายเพื่อชูรสชาติ และมีต้นหอมเพิ่มความสดชื่น ตัวนี้เชฟจะแนะนำให้จิ้มกับโชยุ ลองทานแบบจิ้มโชยุคือดีครับ เนื้อปลาไม่คาว มีความมันๆ และหอมกลิ่นไหม้จากการเบิร์นนิดหน่อย ตัวสาหร่ายทำให้ความอูมามิออกมาค่อนข้างชัดครับ ก่อนที่จะไปซูชิ ทางเชฟจะมีสึเตะมากิ สำหรับล้างปาก ซึ่งจะประกอบด้วย บ๊วยดอง หัวไช้เท้าและโชยุ รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ และต้องระวังซอสหกเพราะเชฟใส่ค่อนข้างเยอะ ห่อมาในสาหร่ายอีกที และมาถึงจานหลักของเราในวันนี้ ซูชินั่นเอง - มาโกะทาเระ หรือปลาตาเดียว เนื้อจะมีความลีนๆ รสชาติเบาๆ ไม่คาว ทางเชฟจะเพิ่มวาซาบิสำหรับเมนูนี้เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับจานนี้ครับ - อาโอริอิกะ หมึกหอมเนื้อสีขาวนวล ท๊อปด้วยอูนิ รสสัมผัสจะออกละลายในปาก มีความหนึบๆ ผ่านลิ้นไปเลยทีเดียว อูนิรสชาติชัดแต่ไม่เด่นมาก ทำให้ยังได้รสชาติหมึกหอมอยู่ เมนูนี้ดีครับ - ชิมาอาจิ หรือปลาหางเหลือง ผ่านการ Dry Aged 6 วัน จะให้ Texture ไปทางกระด้างแต่นุ่ม ไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลย รสชาติกลางๆ ไม่หนักมาก - ทะชิอูโกะ หรือปลาดาบเงิน เสิร์ฟแบบสุกแล้วโดยผ่านการเบิร์น บีบมะนาวและแต้มด้วยหัวไช้เท้าก่อนทาน เนื้อแน่นและนุ่มกว่าที่คิด ไม่เละหรือแตกเป็นส่วนๆ ถือว่าดีมากครับ และก่อนที่จะไปต่อในคำที่แน่นขึ้น เชฟเลยเสิร์ฟ เบะตะระสุเกะ เป็นหัวไช้เท้าหมักกับข้าวมา 1 ปี เพื่อปรับสภาพลิ้นก่อน รสชาติออกหวานๆ เหมือนกินไช้โป้ว แต่ความกรอบไม่แข็งเท่าและไม่มีกลิ่นแปลกๆ - อามะเอบิ เป็นกุ้งหวานสีออกส้มๆ เนื้อหวาน มีความนุ่มและมันๆ กำลังดี - อากามิสึเกะ ปลาทูน่าส่วนของอากามิ ผ่านการบ่มมา 2 วัน รสชาติเข้มข้น นุ่มอร่อยตามมาตรฐาน แนะนำว่าบอกเชฟขอเพิ่มวาซาบิอีกนิดจากปกติครับ จะอร่อยมาก - ชูโทโร่ ปลาทูน่าส่วนชูโทโร่ เสิร์ฟมากับข้าวญี่ปุ่นที่หุงในน้ำส้มสายชูสีแดง รสชาติเข้มข้นกว่าอากามิแถมมีมิติอย่างบอกไม่ถูก ข้าวไม่ได้โดดจนกลบชูโทโร่ เป็นจานที่คราวที่แล้วทานก็ถูกใจ รอบนี้ก็ยังถูกใจเช่นเดิมครับ - อากะอูนิ ปัจจุบันหากเสิร์ฟโอมากาเสะแล้วไม่มีอูนิลูกค้าอาจจะไม่ชอบ ทางเชฟเลยจัดให้แบบแน่นๆ มีความครีมมี่ รสชาติฟุ้งอยู่ในปากนานพอสมควรเลยทีเดียว อาจจะไม่ได้หนักแน่นเหมือนมุราซากิครับ แต่ถ้าหนักไป จานต่อไปอาจจะเริ่มไม่อร่อยครับ - อิโบได เป็นตระกูลปลากระพงที่หน้าตาไม่เหมือนปลากระพงเลยครับ ถ้าเห็นแล้วอาจจะนึกถึงปลาสำลีมากกว่าด้วยตัวที่ออกป้อมๆ ซึ่งเนื้อจะไม่ได้เด่น แต่ความอร่อยอยู่ที่หนังครับ เชฟเลยนำมาเสิร์ฟหลังๆ แทน ตัวหนังปลาให้ความเข้มข้น มีกลิ่นหอมๆในปาก ออกมันๆ ส่วนเนื้อไม่ได้เข้มข้นมากแต่แน่นใช้ได้ มีเกลือท๊อปอยู่ด้านบนเพื่อเพิ่มรสชาติอูมามิของเนื้อปลาให้ออกมาอีกครับ - อะนาโกะ หรือปลาไหลทะเลที่ผ่านการต้มและย่างเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติซอส แปะด้วยใบพริกไทยญี่ปุ่น ซึ่งรสชาติจะออกแปลกๆ แต่ชูรสชาติของปลาไหลได้ดี เนื้อปลาจะมีความแห้งเพื่อให้หนังมีความกรอบ แต่ยังมีความแน่นและเนียนนุ่มอยู่ครับ - ฟูโตมากิ เนื่องจากทางเชฟกลัวจะไม่อิ่ม เลยเสิร์ฟมากิให้ครับ โดยนำข้าวสีแดงที่ทำชูโทโร่ มาห่อกับสาหร่าย แตงกวา ปูอัด ไข่หวานและปลาไหล อัดแน่นๆ เสิร์ฟพร้อมกับท๊อปด้วยวาซาบิ เป็นจานที่ปิดมื้อของคาวได้เป็นอย่างดีเลยครับ แน่นๆ รสชาติยังอยู่ครบไม่ตีกันเอง - อูซึยากิทามะโกะ เป็นไข่หวานที่ทำจากกุ้งหวานและมันมือเสือ ซึ่งเป็นเมนูที่ถูกใจมากและไม่มีที่ไหนอร่อยเท่าของที่นี่ครับ รอบนี้ทานแล้วรู้สึกกระด้างขึ้นไปกึ่งๆ ทางเค้กมากกว่า โดยเชฟแจ้งว่ามันมือเสือไม่เหมือนเดิม และไม่ใช่ฤดูที่อร่อยของมันมือเสือครับ - ซุปมะได ซุปจากกระดูกปลามะได รสชาติมีความเข้มข้นจากคอลลาเจนในกระดูกปลา ปรุงรสชาติด้วยยุซุออกเปรี้ยวๆ ตัดเลี่ยน เนื้อปลาจะออกแห้งๆ เพราะผ่านการต้มมา เป็นเมนูล้างปากได้ดีเลย ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง ฮินาโกะกับองุ่นเคียวโฮ ทานองุ่นก่อน หรือจะทานพร้อมกับเต้าหู้ก็ได้เช่นกัน องุ่นอร่อยออกหวานแบบทานไวน์ซึ่งผ่านการเชื่อมหวานมาก่อน ส่วนเต้าหู้นุ่มมาก ทานตัดกันได้ดีทีเดียว โดยรวมแล้ว ในเรื่องของรสชาติถือว่าอร่อยและรักษามาตรฐานของ Mizu ได้เป็นอย่างดี รู้สึกได้ว่าไปทานร้านไหน ก็ไม่เหมือนร้านนี้ครับ อาจจะเป็นเพราะความเป็นกันเองของเชฟ ทั้งให้คำแนะนำและความรู้ที่มาของปลาแต่ละตัว รวมทั้งการบริการแบบ Private Course ด้วยทั้ง 2 ครั้งที่มาทาน (ไม่ได้ทานกับคนอื่นเลย) การบริการดีเยี่ยมตามสไตล์โอมากาเสะครับ เหลือเพียงแค่ Course พิเศษของร้านนี้เท่านั้นครับที่ยังไม่เคยทาน 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha

  • 13
  • 1
21/07/07

Other Reviews