ถ้าพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่นก็ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยบ้านเรานั้นมีร้านที่รสชาติดีและใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมเยอะแยะมากมายไม่แพ้ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว แต่ร้านที่เราจะมาแนะนำวันนี้ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นแบบรสชาติต้นตำหรับซะทีเดียว แต่เป็นญี่ปุ่น/เอเชียสไตล์ฟิวชั่นที่เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมการรับประทานอาหารจากทั้งซีกโลกตะวันตกและซีกโลกตะวันออกจนได้ความแปลกใหม่และรสชาติดีมากมาย เรียกว่าเป็นร้านที่สร้างสรรค์เมนูได้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่สามารถหาทานได้ที่ไหนนอกจากร้านนี้เลย " Akira Back Bangkok " ชื่อร้าน Akira Back มีที่มาจากชื่อของ Mr. Akira Back เชฟผู้เป็นเจ้าของร้าน โดยเชฟมีเชื้อสายเป็นคนเกาหลีแต่เติบโตที่ญี่ปุ่นและมาทำงานที่สหรัฐอเมริกา เชฟฝึกฝนการปรุงอาหารจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดร้านอาหาร Akira Back ขึ้นมา ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นของเชฟ คือเมนูสไตล์แบบ"อีสมีทเวสท์"ที่รสชาติเข้าถึงง่าย ทานได้ทุกวันโดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษ จนกระทั่ง Akira Back ก็ได้รับรางวัลดาวมิชลินในที่สุด ซึ่งปัจจุบัน Akira Back มีสาขามากถึง 17 แห่งทั่วโลก อาทิ ลาสเวกัส ฮานอย สิงคโปร์ บาหลี โซล จาการ์ต้า โดฮา ดูไบและ Akira Back Bangkok บนชั้น 37 ของโรงแรม Marriott Marquis Queen’s Park ใจกลางกรุงเทพฯค่ะ บรรยากาศของร้าน Akira Back Bangkok นั้นล้อมรอบไปด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้มองเห็นวิวมุมสูงยามค่ำคืนของมหานครกรุงเทพฯ ได้อย่างสวยงาม ภายในประดับด้วยไฟสลัวๆ ที่ให้ความรู้สึกหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม และโซฟา การตกแต่งทั้งหมดจะมีกลิ่นอายของตะวันออกแบบญี่ปุ่นผสมกับตะวันตกเช่นเดียวกับสไตล์ของเมนูอาหารที่เราจะพาไปรู้จักเลยค่ะ Tuna Pizza (470 บาท) เมนูจานนี้เป็น Signature ของร้านเลยค่ะ พิซซ่าแป้งบางๆ ท็อปด้วยเนื้อปลาทูน่าสดแล่บาง ผสมผสานรสชาติด้วยน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลและซอส ailoli ที่ทำจากซอสพอนสึ จานนี้อร่อยมากจริงๆ แป้งบางกรอบเข้ากับซอสและรสชาติของเนื้อปลาทูน่าได้ดีมาก ผักโรยที่ดูเหมือนแค่ตกแต่ง แต่จริงๆแล้วรสชาติเยี่ยมเลย แถมยังทำให้จานนี้อร่อยมากขึ้นด้วย ทูน่าพิซซ่าจานนี้มีกิมมิกด้วยนะคะ เพราะถูกเสิร์ฟมาบนจานลายเพ้นท์ศิลปะสีสันสดใสจากฝีมือของคุณแม่ของเชฟ Akira Back ฉะนั้นเมื่อหยิบทานไปเรื่อยๆก็จะเห็นลายเพ้นท์ตรงก้นจานมากขึ้นนั่นเองค่ะ AB Tacos (360 บาท) ทาโก้รสชาติเกาหลี จานนี้ดัดแปลงจากทาโก้สไตล์เม็กซิกันและเพิ่มบูลโกกิเนื้อวากิวลงไปแทน แป้งทาโก้กรอบดีมากขนาดโดนน้ำซอสยังไม่นิ่มไม่เละเลยค่ะ ส่วนเนื้อวากิวอันนี้สุดปังค่ะ ทราบมาว่าหมักด้วยสูตรพิเศษและเคี่ยวนานกว่า 6 ชั่วโมง จึงฉ่ำถึงเนื้อถึงรสชาติมาก ตบท้ายด้วยการราดซอสมะเขือเทศย่างพอนสึที่ออกรสชาติหวานเค็มลงตัวมากๆ เป็นอีกหนึ่งจานที่มาแล้วต้องทาน รองจากตัวซิกเนเจอร์เลยค่ะ King Crab Legs จานนี้เป็นขาปูยักษ์ชิ้นโตย่างถ่านทั้งเปลือก เคลือบซอสไดนาไมท์ที่ให้รสชาติเผ็ด เค็ม เสิร์ฟพร้อมกับเห็ดชิเมจิดอง เวลารับประทานก็ไม่ยากอย่างที่คิดเพราะเค้าแซะเปลือกบางส่วนออกมาให้แล้ว เราแค่ใช้ตะเกียบแซะเนื้อออกจากเปลือกก็ได้ลิ้มรสแล้วค่ะ เนื้อปูดีมาก หวาน แน่น เข้ากับซอสไดนาไมท์ที่รสชาติคล้ายๆเครื่องแกงกะหรี่ จะทานเปล่าๆก็อร่อยกินเพลิน เครื่องต่างๆคือเค้าคิดมาแล้วว่ากับกับเนื้อปูดีมาก หรือทานกับสวยร้อนๆก็เพอร์เฟ็คค่ะ Pork Baby Back Ribs (480 บาท) จานนี้เป็นซี่โครงหมูย่างซอสเกาหลีสูตรพิเศษอย่างพิถีพิถัน แต่วิธีการปรุงอาหารจานพิเศษนี้ด้วยสไตล์อเมริกัน ซึ่งใช้เวลาในการหมักซี่โครงหมูเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมงเลย รสชาติจึงหมักเข้าเนื้อสุด เนื้อนุ่มมาก รสชาติซอสเข้มข้นสุดๆ ย่างได้หอมมากติดเกรียมนิดๆ จานนี้เป็น East meet West อย่างแท้จริงเลยค่ะ Lamb Chops (680 บาท) จานนี้เนื้อแกะจากประเทศออสเตรเลียถูกปรุงรสอย่างดีด้วยซอส Chipotle Anticucho สไตล์ทวีปอเมริกาใต้ เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งฝอยทอดกรอบและซอสรสเปรี้ยว ตัวเนื้อแกะนุ่มมาก ไร้ซึ่งกลิ่นสาบและความเหนียวใดๆ หมักซอสได้รสชาติเข้าเนื้อแบบเข้มข้น ทานแบบไม่ต้องจิ้มซอสคือเพอร์เฟ็คแล้วค่ะ ส่วนตัวคิดว่าซอสค่อนข้างเปรี้ยวเกินไปหน่อย แต่ความดีงามอีกอย่างก็คือมันฝรั่งฝอยทอดที่ลักษณะเหมือนกองฟางนั่นหล่ะค่ะ อร่อยมาก กรอบๆ เค็มๆ แต่ไม่อมน้ำมัน ทานเพลินดีค่ะ Scallop in Half Shell (480 บาท) จานนี้ก็ตามชื่อเลยค่ะ หอยเชลล์ฮอกไกโดหรือรู้จักกันในนาม Hotate เสิร์ฟแบบครึ่งฝา ปรุงด้วยเนื้อสับชิ้นเล็กและซอสรสออกเปรี้ยวๆ เนื้อหอยเชลล์แน่น หวานอร่อย ทานแบบคลุกซอสเยอะแล้วอร่อยดี เนื้อสับที่ผสมมาก็เข้ากับซอสดีมาก ขอตินิดเดียวตรงที่เนื้อหอยเชลล์ค่อนข้างแข็งไปหน่อยค่ะ Baked Crab Hand Roll จานนี้เป็นซูชิโรล ด้านในเป็นเนื้อขาปูยักษ์ หน่อไม้ฝรั่ง ซอสถัวเหลือง และซอสไดนาไมท์ที่ให้รสชาติเผ็ดๆเค็มๆ ห่อด้วยข้าวญี่ปุ่น โรยด้วยงาขาวและงาดำ เนื้อปูรสชาติเยี่ยมมากยังเข้ากับซอสไดนาไมท์เช่นเคย ตัดความเผ็ดร้อนและความซ่าด้วยข้าวญี่ปุ่นแล้วดีมาก จานนี้เสิร์ฟมาแบบไม่มีซอสสำหรับจิ้มนะคะ แต่ถ้าอยากรับซอสเพิ่มก็สามารถบอกพนักงานได้ค่ะ Perfect Storm (430 บาท) จานนี้เป็นซูชิโรลที่มีการผสมผสานของส่วนผสมที่แตกต่างกันระหว่าง กุ้งเทมปุระ สไปซี่ทูน่า แตงกวา แล้วม้วนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้านบนวางด้วยเนื้อปลาแซลม่อนเผาด้วย ซอสชิโปตเลมาโยและซอสมะม่วง ตัวกุ้งเทมปุระดีมาก เนื้อแน่นชิ้นใหญ่ เนื้อกุ้งเต็มคำชุบแป้งบางกรอบเข้ากับรสชาติซอส ส่วนตัวเราไม่ชอบทานปลาดิบ ซึ่งจานนี้ท็อปด้วยแซลมอนดิบเราเลยเฉยๆค่ะ ถ้าคนชอบปลาดิบน่าจะถูกใจ เพราะซอสและ Texture อื่นๆดีมากค่ะ Honey Yoghurt Panna Cotta มาถึงเมนูของหวานสุดปังของร้านกันบ้างค่ะ จานนี้เป็นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพิธี Kagami Biraki ซึ่งเป็นการเปิดงานเฉลิมฉลองในวาระสำคัญ โดยร่วมกันทุบฝาของถังเหล้าสาเกโบราณ จึงจะสามารถตักสาเกขึ้นมาดื่มจากถังเหล้าได้ Panna cotta จานนี้จึงได้จำลองฝาไม้สาเกให้เป็นแผ่นน้ำตาลราสเบอร์รี่ ก่อนรับประทานเราจะต้องตีแผ่นน้ำตาลจนแตกเปรียบเสมือนการเริ่มต้นใหม่ จานนี้มีส่วนประกอบของแพนนาคอตต้าโยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำตาลเปาะแป๊ะ ผลไม้สด และซอร์เบทมะพร้าว เนื้อแพนนาคอตต้าเนื้อ หวานน้อย ทานพร้อมกับไอศกรีมซอร์เบทและเบอร์รี่คือดีมากค่ะ Valrhona Lava Soufflé (370 บาท) ของหวานจานนี้เป็นซูเฟล่ช็อกโกแลตลาวาค่ะ ช็อกโกแลตรสเข้มข้นที่ใช้ดาร์กช็อกโกแลตชั้นดี (ใช้ช็อกโกแลต Valrhona จากเกาะมาดากัสการ์) รับประทานคู่กับไอศกรีมวนิลาบีนที่สั่งนำเข้าฝักวนิลาจากเกาะมาดากัสการ์ เวลาทานต้องตักเข้าไปในเนื้อซูเฟล่นุ่มๆ ให้เจอลาวาช็อกโกแลตอุ่นๆ ด้านใน ก่อนจะตักทานคู่กับไอศกรีม แล้วจะพบความความอร่อย ความฟินอย่างที่สุด หน้าตาอาจจะดูเรียบง่ายแต่บอกเลยว่าสายหวาน ห้ามพลาด!! Akira Back ถือเป็นอีกร้านที่มอบประสบการณ์การทานอาหารที่น่าประทับใจ ด้วยจุดเด่นอยู่ที่ "ความคิดสร้างสรรค์" เพื่อให้เกิดรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่แปลกใจเลยที่เหล่าดาราตบเท้ากันมาทานที่นี่ไม่ขาดสาย นอกเหนือจากรสชาติอาหารแล้ว ต้องขอชื่นชมในส่วนของการบริการของพนักงานด้วย เพราะพนักงานใส่ใจตั้งแต่ถามว่าแพ้อาหารอะไรมั้ย ไม่ชอบทานอะไรรึเปล่า แอร์หนาวมั้ย รับผ้าคลุมไหล่มั้ย จนถึงแนะนำเมนูอาหารต่างๆ เทคแคร์ดีมาก ถูกใจแบบนี้ต้องไปซ้ำแน่นอนค่ะ เวลา : เปิดให้บริการทุกวันสำหรับอาหารค่ำ ตั้งแต่18.00 – 23.00 น. /ทุกวันอาทิตย์ เปิดบริการมื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 – 14.30 น. พิกัด : ชั้น 37 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนสปาร์ค ซอยสุขุมวิท 22 (มีที่จอดรถสะดวกสบาย หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานทีพร้อมพงษ์) โทร. : 02-059-5999 #Happydecember