Rossano’s Italian Restaurant - ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งนี้ก่อตั้งโดยคุณ Gennari Rossano ซึ่งเคยทำให้ร้านเก่าแก่อย่าง L’Opera โด่งดังมาแล้วในอดีต (ปัจจุบัน L’Opera ได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว) แม้ Rossano’s นี้จะเพิ่งเปิดในปี 2005 แต่ก็ยังยึดสไตล์ดั้งเดิมคล้ายคลึงกับที่ L’Opera สมัยก่อน รวมถึง General Manager Giorgio Lattuille ที่ก็ย้ายมาจาก L’Opera ด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของร้านมีกลิ่นอายที่ชวนให้นึกถึงร้านอาหารฝรั่งในยุค 90’s อยู่นิดๆ ในส่วนของอาหารก็จะเป็นแนว Classic Italian ค่ะ ****- เมนูที่ลอง-**** [Complimentary Bread & Starters] ตามธรรมเนียมร้านอาหารยุโรปสไตล์ดั้งเดิมแบบนี้ก็มักมีเสิร์ฟขนมปังและของทานเล่นเบาๆให้ลูกค้าทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งของวันที่ไปก็มีจัดมาให้ตามนี้ค่ะ • Bread - ยกมาวางให้เป็นตะกร้าใหญ่ๆ มีขนมปังหลายแบบให้เลือก เสิร์ฟมาพร้อมเนยและแตงกวากับแครอท Dip ในน้ำสลัดมาให้ทานเล่นๆ บนโต๊ะมีทั้งน้ำมันมะกอกและ Balsamic Vinegar ไว้ให้พร้อม ชิมดูแล้วเนื้อขนมปังค่อนข้างธรรมดา แต่ชอบความหลากหลายที่ทำให้ทานสลับได้ไม่จำเจดีค่ะ • Breadsticks - วางไว้ให้ทุกโต๊ะ แม้จะเหมือนวางตากลมไว้แต่ก็กรอบใหม่ ทานเล่นๆระหว่างรออาหารก็เพลินดีนะ • Bruschetta - เสิร์ฟมาให้ทานเล่นๆ 1 ชิ้น เนื้อขนมปังเป็นแบบอบกรอบ ท็อปด้วยมะเขือเทศสดที่ปรุงรสมาได้เป๊ะเว่อร์ อร่อยสดชื่นดีทีเดียว [Appetizer] • Shell Filled Smoked Salmon & Robiola Cheese, Pistachio Grain เมนูนี้คือ Cannoli ซึ่งเป็น Pastry ชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดบนเกาะ Sicily - แป้ง Cannoli Shell กรอบๆม้วนเป็นแท่งกลม สอดไส้ด้วย Robiola Cheese ที่ทั้งหอมและเข้มข้น (กลิ่นจะคล้าย Goat Cheese อยู่นิดๆ แต่กลิ่นของ Robiola Cheese จะเบาบาง นุ่มนวล และมีความครีมมี่มากกว่า) มีชิ้นปลาแซลมอนรมควันคลุกผสมอยู่นิดหน่อย ตรงปลายของ Cannoli ชุบ Pistachio กรอบๆมันๆ ช่วยเพิ่มรสสัมผัสได้ดี เบรคความมันของชีสด้วยสลัดผัก Rocket และ Balsamic Vinegar ที่เสิร์ฟมาด้วยกันคือลงตัวเลยล่ะค่ะ [Main Course] • Pan Seared Hokkaido Scallop, Rougie Foie Gras & Apricot Set on Red Berries Coulis กับจานนี้ขอบอกเลยว่าประทับใจ แอบกรี๊ดตั้งแต่เห็นไซส์หอยเชลล์และ Foie Gras ที่ทั้งใหญ่ทั้งหนา ระดับการ Sear คือเป๊ะเลย เนื้อหอยเชลล์นุ่มมากๆแต่ก็สุกทั่วถึง Foie Gras คือเนื้อเนียนและหอมมาก หั่นมาให้ชิ้นโตสะใจ สุกนอกนุ่มในกำลังดี ซอสราดนี่รสชาติละมุนกลมกล่อมสุดๆ ตัดเลี่ยนด้วยชิ้นส้มสดๆ Apricot แห้ง และ Red Berries Coulis ที่ป้ายไว้ข้างๆกันคือลงตัว ปลื้มปริ่มมากมาย [Desserts] • Passion Fruit Mousse, Spicy Chocolate Sauce โดมสีขาวทำจาก White Chocolate สอดไส้ด้วยครีมนุ่มๆหวานๆ เคียงด้วย Chocolate Sauce ที่เอาเนื้อเสาวรสมาวางผสม แล้วปักพริกสดมาด้วยเพื่อให้มีรสเผ็ดแฝงอยู่เบาๆ เข้ากันได้ดีมากๆ แถมด้วยเสาวรสสดๆอีกครึ่งลูกให้ตักเนื้อทานตัดความหวานของขนม เป็นเมนูที่อาจดูไม่ซับซ้อนนักแต่ก็มีลูกเล่นที่น่าสนใจ และผสมผสานรสชาติได้ดีทีเดียวค่ะ • Strawberry “MILLEFOGLIE” Diplomat Cream เป็น Millefeuille ที่มีแค่ชั้นเดียว แต่ชิ้นโตเต็มจาน แป้ง Puff ของที่นี่จะกึ่งกรอบกึ่งนุ่มพองฟูและหอมมาก ครีมด้านในเป็นครีม Diplomat หวานๆ เนื้อสัมผัสเนียนเบาละมุน ทานกับสตรอเบอร์รี่และ Figs สดๆคืออร่อยใช้ได้เลยนะ [Drinks] ในดีลจะมีให้เลือกระหว่างไวน์ / เบียร์ / Soft Drinks / น้ำผลไม้ ซึ่งดูจากลักษณะของร้านที่มี Wine Cellar และ Drink Bar แบบจริงจังแล้ว เชื่อว่าน่าจะคัดเลือก House Wine ได้ดีถูกใจสายดื่ม แต่กับครั้งนี้ขอเลือกเป็นน้ำมะนาวโซดาแก้วนี้ค่ะ • Lemon Soda – น้ำมะนาวโซดาที่นี่เสิร์ฟมาแบบไม่เติมหวานเลย แล้วแยกน้ำเชื่อมถ้วยเล็กๆมาให้เติมเองต่างหาก ชิมเอาให้ได้แบบที่ชอบได้เลย แถมใครชอบให้เปรี้ยวมาก/น้อย ก็บอกทางร้านได้ด้วยนะ สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับร้านนี้ก็คือมี **น้ำเปล่าเสิร์ฟฟรี** ให้กับลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะมีดีลหรือมาทานแบบปกติค่ะ ฉะนั้นใครอยากเลือกเครื่องดื่มในดีลเป็นเบียร์หรือไวน์ ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีน้ำจิบล้างปาก ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเป็นค่าน้ำแร่ขวดละเป็นร้อยสองร้อยแบบร้านหรูในระดับเดียวกันที่อื่นๆ ฉะนั้นราคาที่จ่ายจึงเป็นเรื่องของคุณภาพอาหารล้วนๆ ถือว่าจริงใจใช้ได้เลย [Coffee/Tea] อันที่จริงตามที่เขียนไว้บนดีล กาแฟและชานี้ควรจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกเครื่องดื่มที่ให้เลือกได้เพียง 1 อย่าง แต่พอเราสั่งกาแฟร้อนแก้วนี้ไป (ถือเป็นเครื่องดื่มแก้วที่สองต่อจาก Lemon Soda) ทางร้านก็แจ้งว่าชา/กาแฟ รวมให้ในดีลแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เลยขอเขียนแยกไว้อีกส่วนค่ะ • Hot Coffee - สำหรับร้านนี้ถ้าสั่ง Hot Coffee จะหมายถึง Caffè Lungo ส่วนถ้าใครอยากได้เป็น Americano ก็ต้องระบุให้ชัดเจน แต่ในเมื่อมาร้านอาหารอิตาเลียนแบบนี้ เราก็ขอลองแบบ Caffè Lungo ล่ะค่ะ ได้มาเป็นกาแฟสไตล์อิตาเลียนที่แท้ทรูจริงๆ หอมใช้ได้ เข้มกำลังดี crema สวย เสียอย่างเดียวว่าถ้วยแก้วที่ใช้เสิร์ฟนี่เหมือนถ้วยกาแฟเสิร์ฟฟรีตามงานสัมมนาเลยล่ะ (ไม่เกี่ยวกับรสชาติแต่แอบขำ) ****-บรรยากาศ-**** บรรยากาศของร้านนี้นี่เป็นแบบที่เราชอบมากๆ เริ่มตั้งแต่ประตูร้านที่มีรูปปั้นหมูซึ่งเป็น Mascot ของร้านยืนต้อนรับ ภายในร้านตกแต่งแบบบ้านชนบทในแคว้น Tuscany ผนังเป็นอิฐแดงสลับปูนเปลือย ซุ้มประตูโค้ง ดูทั้งหรูหราและอบอุ่น เหมือนได้วาร์ปไปทานอาหารที่อิตาลีจริงๆเลยทีเดียว ห้องแรกที่เข้าร้านมาจะเป็น Drink Bar และบริเวณที่นั่งซึ่งมาเพ้นท์ภาพเก๋ๆไว้บนผนัง ในส่วนของห้องอาหารจะมีทั้ง Main Dining Room และห้อง Private ห้องครัวกั้นผนังกระจกให้มองเชฟทำอาหารได้เพลินๆ ถูกใจบรรยากาศจนอยากจะนั่งแช่กันไปยาวๆเลย มีที่จอดรถอยู่หน้าร้านสะดวกสบายดีอีกด้วย ****-The Verdict-**** อาหารที่นี่เป็นแบบ Classic Italian ดั้งเดิมจริงๆ วัตถุดิบหลายๆอย่างก็ Import มาจากอิตาลี การันตีทั้งคุณภาพและรสชาติแบบอิตาเลียนที่แท้ทรู เรื่องฝีมือจัดว่าดีเลย อาหารที่ได้ลองรสชาติดีเป็นส่วนใหญ่ บรรยากาศก็น่ารื่นรมย์ แม้บางเมนูอาจยังไม่ถึงกับโดดเด่นที่สุด แต่ภาพรวมคือถูกใจแบบอยากไปซ้ำอีกบ่อยๆ ยิ่งได้ราคาดีล Bangkok Restaurant Week 2019 ก็ยิ่งคุ้ม อิ่มครบจบได้ทุกคอร์สรวมไปจนถึงเครื่องดื่ม ชา กาแฟ แบบไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติมอีก ใครชอบอาหารอิตาเลียนควรต้องรีบจัดค่ะ #eatandwalk #เพื่อแซลมอน