มื้อกลางวัน

BaanKhao 🌾 ห้องทานข้าวในบ้านพี่น้องตระกูลข้าว ร้านของเชฟข้าวโพดแห่ง Team Chef เป็น Private Chef’s Table ที่ทั้งร้านเป็นของเราเท่านั้น รับจองตั้งแต่ 2-8 คน มีเวลาให้เลือก 13.00 กับ 18.00 ซึ่งเชฟข้าวโพดกับเชฟเป้จะเป็นคนดูแลจัดการเองทั้งหมดเลย ตั้งแต่รับจอง ทำอาหาร บริการ แถมโบกรถให้ด้วย 😂 สถานที่จะเป็นที่บ้านของเชฟเองเลย ดูลึกลับหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าที่จะมาลิ้มลองแน่นอน BaanKhao จะเปิดเป็น season ระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึง Season 11 แล้ว Thai Innovation มีทั้งหมด 6 course 🍞 เริ่มด้วย Bread&Butter ขนมปัง sourdough กับ Brioch ทานคู่กับเนยโฮมเมดที่ผสมกับปลาเค็มที่มาจากตากใบ และทานคู่กับใบเคล ซึ่งเชฟได้รับแรงบันดาลใจจากเมนูคะน้าปลาเค็ม เปิดตัวมาก็ว้าวแล้ว ได้ฟีลคะน้าปลาเค็มจริงๆเลย 🦀 Amuse Bouche อาหารเรียกน้ำย่อย เปิดต่อมรับรส มี 3 อย่างด้วยกัน คำแรกเป็นลาบเหนือทอด texture คล้ายโครเกต คำที่สองเป็นไข่ตุ๋นปูนาเค็ม ท็อปด้วยไข่ปลาค็อท ถ้ากินเท่านี้จะเค็มโดดเลย จึงต้องทานคู่กับข้าวเม่าทอดกรอบ ลดความเค็ม เพิ่มความอร่อย และไปให้สุดด้วยสาโทจากข้าวสีนิลออแกนิก ส่วนตัวไม่คุ้นลิ้นเลย รสมันค้างในปากนานมาก แต่เป็นการระเบิดต่อมรับรสของเราได้ดีทีเดียว 🐟 Thai Ceviche เชฟแปลงมาจากพล่าในรูปแบบ ceviche โดยใช้ปลาฮามาจิ ส่วนตัวคิดว่าเหมือนต้มข่ามากกว่า หอมข่าและตะไคร้อ่อน ทานแล้วสดชื่นเลย 🍄 Mushroon Consomme เกี๊ยวไส้แหนมหมู กับเนื้อปลาเก๋า ราดด้วยน้ำซุปเห็ด รสจัดจ้าน พอชิมเลยรู้เลยว่าจานต่อไปจะยิ่งจัดจ้านแน่นอน 🐠 Ranong Fish เนื้อปลาเกย หรือปลากระพงทองจากรันอง นำมากริลลและเสิร์ฟในรูปแบบผัดฉ่า มี gnocchi ที่ทำจากมันหวาน โรยด้วย parma ham กรุบกรอบ เราชอบจานนี่มาก มีความผัดฉ่ารสจัด แต่ไม่ได้เผ็ด กลิ่นของกระชายมาเต็มที่ gnoccni นิ่มอร่อยมาก ปลื้มสุด 🦆 Dry age Duck เชฟนำอกเป็ดมา dry age เอง โดยวันแรกเอาส่วนหนังหมักกับเกลือ วันที่สอง ล้างและพลิกด้าน ขั้ยตอนเยอะมาก เสิร์ฟมากับแกงอินเดียวเกาลัค โรยด้วยขมิ้นขาวทานคู่กับแผ่นโรตีโฮลวีทร้อนๆ เข้ากันดีเลย แบบอร่อย ถูกใจมาก ทุกอย่างเข้ากันดีมาก และเนื้ออกเป็ดนุ่ม ไม่สาบเลย 🍹 คั่นก่อนจะไป main course เป็นน้ำพันช์ล้างปาก เพื่อจะไม่ให้ปากมันเกินไป ทำมาจากน้ำกระเจี๊ยบ และอะไรไม่รู้จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าเป็นช็อตที่อร่อยมาก 🐥 Baby chicken เราเลือก main course เป็นไก่เด็กที่มีขนาดเล็ก มาทั้งขาเลย เชฟนำไก่ไปหมักแบบไก่กอและ เสิร์ฟพร้อมกับ polenta คล้ายข้าวโพดบด มาจากอิตาลี ไม่ได้มีรสชาติมาก ซอสเบอร์รี่รสออกเปรี้ยวหวาน มีพวกผักแพวมาเพิ่มรสชาติ เป็นจานที่รสแปลก ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ก็ทำมาได้ดี ไก่หมักได้นุ่มมาก สามารถเลาะกินได้ทั้งขาเลย 🥩 Taja Wagyu (+450 บาท) main อีกจานเป็นเนื้อวากิว เป็นส่วนที่ไม่ได้นุ่มมาก น้ำราดทำจากอ่อมรีดิวซ์มา ทานคู่กับซอสแจ่ว และเห็ดย่าง เพื่อนบอกอร่อยดี คุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มมาก 🥭 Mango/Strawberry Sticky Rice จริงๆเมนูนี้ต้องเป็นไอศกรีมมะม่วงอกร่อง แต่เรากับเพื่อนอีกคนไม่ชอบมะม่วง เลยบอกเชฟให้เปลี่ยน แต่เราก็ไม่รู้ว่าเชฟจะเปลี่ยนเป็นอะไร ในส่วนของเดิมที่เป็นมะม่วงอกร่อง เพื่อนบอกทำมาได้ดีเลย เป็นการกินข้าวเหนียวมะม่วงที่เปลี่ยนไปอีกรูปแบบ กลับมาที่เรา เชฟเปลี่ยนจากมะม่วงเป็นเชอเบต์ strawberry แทน เราก็คิดในใจว่าจะเข้ากันมั้ย มันเข้ากันและอร่อยด้วย เนื้อไอศกรีมรสเปรี้ยว โฟมครีมกะทินุ่มออกเค็มเล็กน้อย ข้าวเหนียวมูนถูกแปลงเป็นแผ่นกรอบๆที่ตกแต่งมา อร่อย ถูกใจเลย เชฟบอกว่าไม่คิดว่าจะมีคนไม่กินมะม่วง นี่ถือเป็นเมนูทดลองเลย แต่ก็ทำมาได้ดีมาก ชอบมาก 🥥 Khanom Khrok ปิดท้ายด้วยขนมครกทีรามิสุ ขนมครกเนื้อแน่นๆหน่อย เพิ่มรสเป็นครีมทีรามิสุ อร่อย ฟิน 🍊 และปิดท้ายจริงๆ ล้างปากด้วยน้ำตะไคร้ยูสุ กลิ่นของตะไคร้และยูสุแข่งกันชูกลิ่นมาก แต่มีความลงตัว ไม่เปรี้ยวหวานเกินไป รสชาติอาหารโดยรวม จะออกไปทางรสจัดแต่ขนมหวานไม่หวานมากจนกินไม่ไหว หน้าตาอาหาร และ presentation ที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้เราว้าว และเจริญอาหารมากๆเลย รู้สึกสนุกไปกับมื้ออาหาร ได้ทานอาหารแบบส่วนตัวอีกด้วย ทั้งหมดนี้ราคา 1,790 บาท เท่านั้น ราคาดีมากๆ อาหารถูกปาก ถูกใจ #RettyJPN22

  • 8
  • 0
22/07/14

Other Reviews