ก่อนอื่น ขออนุญาตอธิบายก่อนว่า คอร์สอาหารที่ทานวันนี้ เป็นคอร์ส Chef Table by Chef Belle นะคะ ซึ่งสถานที่จัดก็แรนดอมไปเรื่อย ดังนั้น เมนูอาหารที่ทานจึงไม่ใช่เมนูประจำของทางร้าน ถ้าสนใจคอร์สอาหารประมาณนี้ ให้ติดต่อโดยตรงที่เชฟแบ็ลล์นะคะ แบ็ลล์ มณีพร พรโชติทวีรัตน์ 101/39 หมู่บ้านสวนพลูการ์เด้น ซอยสวนพลู ถ.สาทร ทุ่งมหาเมฆ กทม 10120 Maniporn Pornchotthaweerat 101/39 Suanplu garden Soi Suanplu Thungmahamek Sathorn 10120 BKK , Thailand Tel. 089-008-6418 Line id: imissbelle อาหารมื้อนี้เป็น chef table 6 courses ค่ะ แต่เชฟมีเสริมซุป Homemade Styled กับของหวานให้ด้วย ถ้านับรวมก็ต้องเป็น 8 คอร์สค่ะ ในอัตราเพียงหัวละ ฿2,000 น้องปอบว่าคุ้มมาก แค่ค่าความตั้งใจของเชฟแบ็ลล์ที่ทุ่มลงมาเพื่ออาหารเซ็ทนี้ก็เกินคุ้มแล้วค่ะ ไม่รีรอ เราเริ่มกันด้วย appetizer เป็น Ikura, Caplin Roe, Tortellini, Avocado Puree บรรยายแบบบ้านๆมันเป็นเกี๊ยวห่อไส้สองแบบ รสชาติเริ่มต้นมื้ออาหาร จากเบาๆ ไปสู่ความจัดจ้าน มีร้อนสลับเย็น เพื่อความไม่จำเจ เกี๊ยวสองชิ้นนี้เชฟให้ทานไส้สีขาวก่อน แล้วค่อยต่อด้วยไส้สีส้ม ซึ่งรสชาติเข้มข้นกว่า ที่สำคัญ ไอ้ที่ป้ายมาเลอะๆ บนจาน ทานให้หมดด้วยค่ะ ของดีๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ Avocado Puree รสหอมมัน อร่อยมาก ถัดมาก็ยังอยู่ในกลุ่ม appetizer เป็น Zucchini Cannelloni, Shitake, Aged Balsamico Di Modena ใช้ซุคีนี่สไลซ์บางๆ เป็นแผ่น ห่อไส้เห็ดชิตาเกะสับหยาบ รสชาติอ่อนโยนดีมาก ตัวซุคีนี่สุกนุ่มแต่ยังแฝงความกรอบไว้ ได้เท็กซ์เจอร์ที่ละมุนลิ้นดีมาก และที่ห้ามพลาดเลยก็คือน้ำส้ม balsamic ชนิดพิเศษ ซึ่งหาไม่ได้ในท้องตลาด ที่ละเลงมาบนพื้นจาน รสชาติเปรี้ยวน้อยๆ อมรสหวาน กลิ่นหอม อร่อยมาก ถ้าอยู่บ้าน น้องปอบจะปาดด้วยนิ้วกินให้หมดเลยค่ะ ต่อมาเริ่มเป็นเนื้อเป็นหนัง เมนูปลา Gindara, Caramelized Onion, Carrot Puree, Seasonal Vegetables จานนี้เป็นปลา gindara เป็น black cod เนื้อหวาน ความมันไม่มากนักทำให้เนื้อไม่เละจนเกินไป คือนุ่มกำลังอร่อยเลยค่ะ ส่วนผักที่รองด้านล่างเป็นหอมและผักหลายชนิด ผัดหรืออบมาอย่างนุ่ม พื้นจานเป็น Carrot Puree ควรทานให้หมดด้วยค่ะ อร่อยเข้ากันดีมาก ตามด้วยเมนู Seafood อีกจานเป็น Scallop Carpaccio, Homemade Rayong Fishsauce Infused, Spicy Granita เนื้อสแกลล็อปชิ้นใหญ่มาก สไลซ์มาสองชิ้น เสิร์ฟบนสลัดยอดผักหวาน grains และเมล็ดทับทิม ราดด้วยซอสปรุงรสพิเศษ เป็นหัวน้ำปลา homemade จากระยองที่เชฟนำมาตุ๋นกับไก่ เคี่ยวจนได้รสเค็มหวาน หอมอร่อยมากค่ะ เนื้อสแกลล็อปนุ่มมากใส่เข้าปากแทบละลาย รสเนื้อหวานมาก ติดใจค่ะ เบรคกันหน่อย ล้างปากด้วยน้ำตะไคร้ แล้วชิมน้ำซุป Homemade Styled Pork Soup ร้อนๆ เป็นซุปที่ทางบ้านของเชฟทำทานกัน รสชาติจีนแท้ๆ รสน้ำซุปเคี่ยวกระดูกหมู หอมหวาน กินกับธัญพืช เชงเชงดีค่ะ ต่อด้วยซุปในคอร์ส เป็น Triple Boiled Bouillabaisse ซุปข้นที่เคี่ยวเนื้อปลานานมากๆ กลิ่นซีฟู๊ดหอมฉุยเตะจมูก น้ำซุปข้นๆร้อนๆ ราดบนกุ้ง, หอยแมลงภู่ และผักปลัง เมนูนี้เชฟตั้งใจทำรสออกจืดหน่อย เพราะมีเครื่องปรุงรสให้เลือกใส่ 4 อย่าง คือเกลือป่นจากอังกฤษ ผงปาปริก้า ขิงบดแห้ง และใบมะกรูดซอย แต่น้องปอบใส่แค่เกลือเล็กน้อยค่ะ อยากทานอาหารรส original จากเชฟมากกว่า แม้รสจะไม่แรง แต่หอมอร่อยค่ะ ปิดท้ายอาหารคาวด้วย Crab Meat, Capellini Basil Oglio E Aglio เส้น Capellini หรือ angel hair เส้นสปาเก็ตตี้ขนาดเล็กที่สุด ลวกมาหนึบเหนียวกำลังอร่อยค่ะ ผัดเนย กระเทียม และพริกแห้ง ใครชอบเผ็ดจัดก็กินพริกแห้งเข้าไปด้วย ใส่เนื้อกรรเชียงปูไซส์จัมโบ้ เนื้อสด หนึบเด้ง รสหวาน อร่อยจริงๆค่ะ ปิดท้ายคอร์สด้วย Hokkaido cream cheese cake with raspberry sauce ชิ้นเล็กๆ ที่กินไม่พอหายอยาก ครีมชีสเนื้อเย็น นุ่ม หอมมัน รสหวานอ่อนๆ ตัดด้วยรสเปรี้ยวหวานของซอสราสแบรี่ ทานแล้วไม่อยากหยุดเลยค่ะ เรียกว่าหมดไม่รู้ตัว อร่อยฟินมาก ก็เป็นอันจบคอร์สอาหารกันไป แต่สมาชิกยังอยากลองสเต๊ก จึงสั่งสเต๊กมาชิมกันอีกสองจาน Tender Loin Steak เนื้อ U.S.D.A. สั่ง medium แต่ออกมาเกือบ rare เลยค่ะ แบบนี้ถูกใจน้องปอบเลย ความนุ่มของเนื้อระดับดีมาก เชฟทำน้ำจิ้มแจ่วมาให้ด้วย แต่น้องปอบทานแบบไม่จิ้ม อร่อยสุดแล้วค่ะ ไม่รู้จะจิ้มให้เสียรสชาติทำไม เนื้ออีกจานจำไม่ได้ว่าส่วนไหน ความนุ่มน้อยกว่า Tender Loin แต่ได้ Texture ของความเป็นเนื้อวัว ดีกว่า Tender Loin ค่ะ อร่อยมากเช่นกัน