รู้หรือไม่ 💡ทำไมกินขนมปังขิง 🎅🏻 ในเทศกาลคริสต์มาส 🎄

24/12/2023
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เทศกาลของการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยการตกแต่งไฟที่สวยงาม อีกสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คืออาหารยอดฮิตประจำเทศกาล ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงไก่งวง มันฝรั่งอบ หรือไวน์ แต่ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ‘ขนมปังขิง’ ซึ่งวันนี้ BESTER EATS จะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดประวัติว่าทำไมเทศกาลคริสต์มาสถึงต้องเป็นขนมปังขิงกัน
‘ขนมปังขิง’ Gingerbread หรือที่จริงก็คือคุกกี้รสขิง เป็นขนมที่นิยมทำทานกันในช่วงหน้าหนาวมาตั้งแต่ยุคอียิปต์และกรีกโบราณแล้ว เพราะเป็นคุกกี้ที่ผสมเครื่องเทศฤทธิ์ร้อนอย่าง อบเชย กานพลู และขิง ขนมปังขิงจึงเป็นขนมที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศที่มีสรรพคุณร้อนช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นในช่วงฤดูหนาว ทำให้เป็นขนมที่นอกจากอร่อยแล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย
แต่จุดที่ทำให้ขนมปังขิง เป็นขนมประจำเทศกาลคริสต์มาสนั้นเริ่มจากช่วงศตวรรษที่ 16 ในประเทศเยอรมันก็นิยมทำรูปบ้าน เพราะอ้างอิงมาจากนิทานเรื่อง Hansel & Gretel ของพี่น้องกริมบวกกับในเวลาที่ใกล้เคียงกันเจ้าชายอัลเบิร์ต และพระราชินีวิคทอเรียได้เลือกใช้ขนมปังขิงตกแต่งต้นคริสต์มาส หรือจะเป็นขนมปังขิงรูปคนของควีนเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นเพราะอยากจะให้เป็นของขวัญแก่แขกที่มาฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งทั้งทำให้ขนมปังขิงเป็นที่นิยมขึ้นมาแล้วกลายเป็นขนมประจำเทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง
และนอกจากรูปร่างหน้าตาที่น่ารักและความอร่อยแล้ว ยังมีความเชื่อที่เกี่ยวขนมปังขิงอีกด้วย เช่น มีความเชื่อว่าถ้าในช่วงคริสต์มาสหากกินขนมปังขิงรูปคนก็จะได้เจอคนรัก หรืออีกความเชื่อชาวสวีเดน ที่ว่าหากนำขนมปังขิงวางลงบนฝ่ามือซ้าย แล้วอธิษฐานจากนั้นใช้นิ้วโป้งกดให้ขนมปังขิงแตกออกเป็น 3 ชิ้นแล้วให้หมดในทีเดียวคำอธิษฐานนั้นก็จะเป็นจริงอีกด้วยล่ะ
สรุปแล้วขนมปังขิง หรือคุกกี้รสขิง เป็นขนมที่นิยมทานในฤดูหนาวอยู่แล้ว แต่ด้วยการดัดแปลงรูปร่างหน้าตาให้น่ารัก และรสชาติที่อร่อยเหมาะกับที่ส่งต่อเป็นของขวัญให้คนที่รัก ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกลายมาเป็นขนมประจำเทศกาลคริสต์มาสได้นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก https://bit.ly/4aeIuAp https://bit.ly/41iHBTf