รู้หรือไม่ 💡 Coca-Cola เครื่องดื่มสุดซ่า เคยขายเป็นยามาก่อน 😱❓

25/06/2023
หากจะพูดเครื่องดื่มที่ผู้คนต่างชื่นชอบกันทั่วโลก ต้องมีชื่อของ Coca-Cola หรือ โค้ก ติดขึ้นมาอย่างแน่นอน เครื่องดื่มสุดซ่าสีดำ ที่มีความหวานสดชื่น ช่วยทั้งดับกระหาย หรือจะเป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่อาหารคาว-หวานมากมาย เรียกได้ว่าไม่รู้จะดื่มอะไร ก็สามารถหาดื่มโค้กได้อย่างง่ายดาย เพราะไม่ว่าจะที่ไหนก็มีโค้กขายแน่นอน แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าก่อนที่โค้กจะมาเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตระดับโลกแบบนี้ เริ่มต้น Coca-Cola หรือโค้กนั้น ผลิตมาเพื่อเป็นยาบำรุงร่างกาย อีกทั้งยังเคยผสมเหล้าและโคเคนอีกด้วย รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น วันนี้ BESTER EATS จะมาเล่าให้ฟัง
ที่มาของ Coca-Cola หรือโค้กนั้นต้องย้อนเวลากันไปถึงช่วงปี 1880 ที่รัฐแอตแลนตาที่มีเภสัชกรที่ชื่อว่า John Pemberton มีความตั้งใจที่จะทำยาลดอาการการเสพติดมอร์ฟีน และช่วยระงับความเจ็บปวด (ในยุคนั้นมอร์ฟีนใช่ลดความเจ็บปวดจากบาดแผลในสงคราม ซึ่งตอนนั้นมอร์ฟีนหรือฝิ่นนั้นไม่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อใช้แล้วจะเกิดการเสพติด) ด้วยการใช้เมล็ดโคล่า โคเคน ใบแดมเมียน่า และไวน์มาผสมกัน ที่เพื่อให้เป็นยาบำรุงร่างกาย ทดแทนการใช้มอร์ฟีนเพื่อลดความเจ็บปวด และเพื่อเสริมสมรรถภาพทางเพศ และเมื่อผลิตเสร็จก็ได้ออกว่าจำหน่ายล็อตแรกในฐานะยา ส่วนวิธีการกินก็คือการนำ Coca-Cola ไปผสมโซดาแล้วดื่มนั่นเอง
แต่ในอีก 5 ปีต่อมา ทางโค้กต้องปรับสูตรใหม่เพราะตลาดน้ำหวานผสมโซดานั้นมีความนิยมมากขึ้น และการขายในรูปแบบยาก็ไม่ได้รายได้ดีนัก เลยได้มีการตัดส่วนแอลกอฮอล์ออกจากโค้ก ต่อมาในปี ค.ศ. 1899 Joseph Whitehead และ Benjamin Thomas ก็ได้เข้ามาติดต่อขอซื้อสิทธิ์ในการขายเครื่องดื่ม Coca-Cola ไป หลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็ได้ประกาศตัดโคเคนออก เนื่องจากสถานการณ์ความนิยมโคเคนในอเมริกานั้นลดลง และถูกปรับให้ผิดกฎหมาย ทำให้สูตรของ Coca-Cola หรือ โค้กนั้นก็ถูกปรับมาจนมีรสชาติหน้าคล้ายปัจจุบันที่กลายเป็นน้ำหวานผสมโซดา ที่ไม่มีความเป็นยาหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเหลืออยู่เลย แต่แบรนด์นี้ก็ยังเติบโตและโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน
ใครจะไปคิดว่าจากการที่อยากจะผลิตยาที่ระงับความเจ็บปวดแทนการใช้มอร์ฟีน และเพื่อเป็นยาบำรุงร่างกาย แต่ดันกลับกลายเป็นเครื่องดื่มโซดาสุดซ่าที่โด่งดังจนหลาย ๆ คนติดใจ และไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือยาจากตอนเริ่มต้นไปแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก https://bit.ly/43PHv5y https://bit.ly/3J8QFCq https://bit.ly/3NnObm6