โอมิ บีฟ โอคาคิ

Tossaporn Singhakritpisal 479 Followers

มื้อกลางวัน

Omi Beef Okaki แบนด์เนื้อโอมิจากจังหวัดชิงะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเริ่มจากเปิดเป็นร้านขายเนื้อเมื่อปี 1839 หลังจากนั้นก็เริ้มเปิดเป็นร้านอาหารเมื่อปี 1975 โดยมีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุน และได้มาเปิดสาขาในไทยเมื่อลายปีที่แล้ว Omi คือวัวประจำจังหวัดชิงะจังหวัดที่มีทะเลสาบบิว่าทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าเนื้อวัวแบนด์อื่นๆ ตั้งแต่สมัยเอโดะที่มีการห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ (ค.ศ.1630-1868) ในแคว้นฮิโนโกะ(ปัจจุบันคือถิ่นกำเนิดวัวโอมิจังหวัดชิงะ) ได้มีการจำหน่าย Henponkan (เนื้อวัวหมักเต้าเจี๊ยวในรูปแบบยาชูกำลัง) และถวายแก่โชกุนตละกูลโตกุกาว่าเรื่อยมา ในปี 1880 เนื้อจากโอมิที่ส่งไปยังโตเกียวต้องผ่านท่าเรือโกเบ จึงต้องถูกตีตราว่าเป็นเนื้อโกเบ แต่ภายหลังมีทางรถไฟสายโทไคโดะระหว่างจังหวัดชิงะและโตเกียว เนื้อโอมิจึงได้มีแบนด์เป็นของตัวเอง ปัจจุบันทางผู้ผลิตในจังหวัดได้จำกัดโควต้าการผลิตต่อปีแค่ 6,000 ตัว โดยบริษัท Omi Beef Okaki สามารถผลิตได้ถึงปีละ 700 ตัว เซทที่ลองคือ Yakiniku lunch set ฿399 เชฟจะตัดเนื้อที่ดีที่สุด 3 ส่วนมาให้ลอง ロース芯 Rosushin ส่วนข้างในเนื้อสันนอก เป็นส่วนที่ลีนที่สุดของสันนอด กลิ่นเนื้อหอมออกมาชัดเพราะมันน้อย 中落ち Nakaochi เนื้อร่องซี่โครง ทันทีที่เข้าปากมันจะละลาย เหลือไว้แต่เทกเจอร์ของเนื้อที่เป็นเส้นๆ Ribeye Cap เนื้อซี่โครงส่วนที่ติดกระดูก เป็นส่วนที่ดีที่สุดของริบอาย มันกันเนื้อจะแยกเป็นชั้น หอมไขมันวัว เตาของทางร้านจะเป็นเตาอินฟาเรด จะไม่ใช้เตาถ่านที่ไฟแรงจนเกินไปจนน้ำในเนื้อไหลออกมาหมด และไม่ให้กลิ่นถ่านรบกวนกลิ่นหอมของเนื้อ และเป็นเนื้อที่ส่งตรงมาจากฟาร์มโดยไม่ผ่านการแช่แข็ง ทางร้านจึงปรุงรสมาให้แค่เกลืออย่างเดียวเพื่อดึงรสชาติของเนื้อออกมาอย่างเต็มที่ อีกเซ็ทนึงที่ลองคือ Roasted beef lunch set ฿299 ทางร้านให้เนื้อมาสองส่วน โรยด้วยพริกไทย พาสลี่ย์ และมีส่วนนึงที่ท็อปคาเวียร์มาให้ ส่วนที่ไม่มีคาเวียร์จะมันกว่า หอมกลิ่นเนื้ออบตัดด้วยกลิ่นพริกไทย ส่วนที่มีคาเวียร์เนื้อจะลีนติดเอ็น คาเวียร์ที่ท็อปมาในปริมาณที่กำลังเหมาะ กลิ่นคาเวียร์ไม่กลบกลิ่นเนื้อ ทุกเมนูใน lunch set จะเสริฟพร้อมกับสลัดงา สลัดมันฝรั่ง ซุปมิโสะ และข้าวเปล่า ที่ชอบที่สุดคือสลัดมันฝรั่งที่คลุกเนื้อโอมิรมควันหั่นเต๋ามาด้วย ร้านอยู่ทองหล่อซอย 9 หัวมุมที่ตัดกับซอยสุขุมวิท 53 มื้อกลางวันเปิด 11.30-14.30 มื้อเย็นเปิด 17.30-21.30