Colonnade

มื้อกลางวัน

ถ้าพูดถึง Sunday Brunch Buffet ห้องอาหารในตำนานอย่างโคโลเนด โรงแรมสุโขทัย ต้องมีชื่อติดอันดับ Top 3 ของเมืองไทยแน่นอน ด้วยคุณภาพ ความหลากหลาย รสชาติ บวกกับฝีมือการปรุงของพ่อครัว และการบริการที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ที่นี่ควรคู่แก่การมาเยือนซักครั้ง แนะนำให้โทรมาจองก่อนนะคะ หากมา 2 คนให้ขอที่นั่งริมกระจก จะเป็นส่วนตัวมากกว่าและใกล้กับไลน์อาหาร เพราะลูกค้าแน่นมาก เดินไปมาค่อนข้างพลุกพล่าน ----------------------------------- Seafood On Ice มีไฮไลท์ที่กุ้งล็อบสเตอร์ ตัวใหญ่เนื้อหวานนุ่ม ก้ามโต มีกุ้งขาว กุ้งแม่น้ำ กั้งกระดาน ปูม้า ปูสีน้ำตาล ปูอลาสก้า หอยหลอด หอยมะนิลา หอยแมลงภู่ หอยนางรม 7 ชนิดได้แก่ - สุราษฎร์ธานี (Thailand) - Fine De Claire (French) - Normandy (French) - Kumamoto (America) - Irlande (lceland) - Jersey (England) - Oleron (French Atlantic Coast) พยายามเลือกตัวอูมๆเต่งๆที่ยังมีน้ำอยู่ในเปลือก ขอบสีดำของตัวหอยบ่งบอกถึงความสด ยิ่งดำยิ่งสด ต่อให้พ่อครัวจะแกะจากเปลือกให้เราเห็นต่อหน้าแต่เราก็ไม่สามารถพูดได้ว่า ทุกตัวจะรอดตายจากการขนส่งจนถึงมือเรา หลังจากเลือกเสร็จลองบีบแค่เลมอนดู เราจะได้รสชาติความหวานจากหอยแท้ๆผสมกับน้ำเค็มๆในเปลือก มันจะสุดยอดมากๆ Terrines and Cold Cuts Pheasant Terrine Terrine Whole Duck Foie Gras with Ginger Duck Rillettes Beef Pastrami Smoked Duck Breast Smoked Chicken Speck Ham Coppa Smoked salmon Parma Ham with Melon วัตถุดิบคุณภาพดีมากทุกตัวเลยจริงๆ (ใครมองหาพาร์ม่าแฮม แบบสไลด์จากขาแฮมโดยตรง มื้อกลางวันจะไม่มีนะคะ แต่จะมีในบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าแทน) สลัด ซีซ่าสลัด เหมือนโรงแรมอื่นๆที่มีให้ผสมเอง Avocado Salad, Beef Carpaccio Sweet Potato Salad ,Bocconcini Cheese (มอสซาเรล่าชีสลูกจิ๋วจะเรียกว่าบอคโคชินี่ชีส) Craving - ไฮไลท์อยู่ที่ Roasted Wagyu Prime Rib ชิ้นใหญ่หนาสีสวย ไขมันข้างๆดูกรอบๆเกรียมๆพอดี มาคู่กับ Yorkshire Puddings และ Red Wine Sauce - ส่วนเมนูอื่นจะสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆมีทั้งขาแกะย่าง (Roasted Lamb Leg with Rosemary Sauce) ขาหมูทอดกับกะหล่ำดอง (Deep-Fried Pork Knuckle, Sauerkraut, Apple, Mustard) หมูสามชั้นอบเครื่องเทศพร้อมหนังหมูกรอบๆ (Roasted Pork Porchetta) - เครื่องเคียงต่างๆอย่าง มันบดเนื้อนุ่ม ครีมมี่สุดๆ กับ Ratatouille และ Eggplant Mousaka อาหารญี่ปุ่น - ซาซิมิ พ่อครัวจะแล่ตามสั่งเท่านั้น ไฮไลท์อยู่ที่หอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวอ้วน สดหวาน, หอยปีกนกกรุบกรอบ, แซลมอน, ฮามาจิ, ปลาทูน่า (เกรดธรรมดาทั่วไป), กุ้ง, ซาบะ, ไข่หวาน และปูอัด - โรลและซูชิแบบต่างๆ - ยำแมงกะพรุน ยำสาหร่าย และไข่กุ้งตักเองตามต้องการ - เทมปุระกุ้ง เทมปุระผัก Pasta Station มุมพาสต้าที่ใช้เส้นสดปรุงกับซอสที่เราสั่ง - คาโบนาร่า - เพสโต้ - พริก กระเทียม ทำออกมาได้ดีมากๆ เส้นเหนียวนุ่ม ซอสข้นเคลือบเส้น เหมือนไปกินตามร้านอาหารอิตาเลี่ยนดีๆเลยทีเดียว ซึ่งพูดตามตรงว่าหาพาสต้าอร่อยๆแบบนี้ในไลน์บุฟเฟ่ต์ได้ยากมาก อาหารไทย บอกตามตรงว่าไม่ได้ลองเลย แต่มีให้เลือกเยอะพอดู อย่าง ไก่ห่อใบเตย กุ้งอบวุ้นเส้น ยำหอยเชลล์ แกงมัสมั่นไก่ ไส้อั่ว ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน Oysters Kilpatrick หอยนางรมย่างเบคอน สูตรดังของอังกฤษ หอยหวานกับเบคอนหอมๆเค็มๆ Cooking Show ตรงกลางลาน จะมีจัดโชว์ทำอาหารเป็นรอบๆ และเสริฟให้ลูกค้าได้กินเดี๋ยวนั้น ทั้งซุป ทั้งพาสต้ากับเห็ดทรัฟเฟิล Hot Dishes ไฮไลท์อยู่ที่ Pan-fried Foie Gras ตับห่านชิ้นใหญ่หนาสวยงามสุดๆ สั่งแล้วต้องรอคิวนิดนึง เราสั่งให้ทอดแบบผิวนอกกรอบๆ ข้างในสุกแต่ไม่แห้ง ไม่เอาแบบดิบเละๆ เพราะถ้าความร้อนเข้าไปไม่ถึง เส้นเอ็นที่อยู่ในตับจะไม่ละลายกลายเป็นเส้นใยที่สร้างความระคายเคืองในปากเวลากิน สั่งแบบที่ชอบไปแต่ไม่ได้คาดหวัง เพราะเท่าที่เจอมามีพ่อครัวน้อยคนที่จะทำได้ ไม่น่าเชื่อที่นี่ทำได้ดีมากทีเดียว ซอสบัลซามิคที่ทานคู่กันก็เคี่ยวมาได้ข้นและหอมมาก ตัวขนมปังบริออช นุ่มชุ่มเนย และย่างมาได้กรอบนอกนุ่มใน ปกติถ้าทำได้ขนาดนี้บวกกับคุณภาพ สามารถขายตับห่าน2ชิ้นในราคา 900++ ต่อจานได้สบายเลย ชีส รวงน้ำผึ้งสด ขนมปังและเนย ชีสกว่า 30 ชนิดทั้งทำจากนมวัว นมแกะ นมแพะ และยังมี Grilled Raclette Cheese เป็นชีสย่างร้อนๆเยิ้มๆ กินคู่มันฝรั่งต้มหรือขนมปังและแคร็กเกอร์ จะราดน้ำผึ้งสดเพิ่มก็อร่อย ขนมหวาน ไอศกรีม กาแฟและน้ำผลไม้ ทั้งขนมหวานไทยอย่างลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ข้าวเหนียวมะม่วง กล้วยบวช และขนมหวานอย่างเค้กนานาชนิด ผลไม้สด ไอศกรีม และมุมพิเศษอย่าง Tiramisu และ Crepes Suzette มีน้ำผลไม้เย็นให้เลือกอย่างน้ำแอปเปิ้ล น้ำฝรั่ง น้ำส้ม ส่วนกาแฟมีให้เลือกทั้งร้อนและเย็น ------------------------------------ Sunday Brunch Buffet 12:00-15:00 ราคา 3,000++ บาท (3,531 บาทสุทธิ) เครื่องดื่ม สามารถเลือกแพคเกจ free-flow ดื่มไม่อั้นได้ดังนี้ - Champagne (2,590 บาทสุทธิ) - Wine (1,766 บาทสุทธิ) - Cocktail (1,060 บาทสุทธิ) - Soft Drink (236 บาทสุทธิ) ถ้าชอบแชมเปญ เราแนะนำให้เลือกแชมเปญแพคเกจเพราะจะได้ดื่ม Louis Roederer Brut Premier Champagne ที่ราคาขายปกติขวดละประมาณสี่พันกว่าบาทได้แบบไม่อั้น ซึ่งคุ้มมากๆ