ร้านอาหารโอมากาเสะโดยเชฟริคุ โทดะ เชฟฝีมือดีที่สุดคนนึงจากญี่ปุ่นมาเปิดร้านอาหาร Sushi Ichizu โดยปัจจุบันมีลูกศิษย์ของเชฟมาเปิดคอร์สโอมากาเสะที่ร้านเดียวกันเช่นกัน ส่วนเชฟจะไปทำส่วนที่เป็น Premium มากขึ้น โดยสนนราคาที่ 8000++ และ 12000++ ครับ ผมได้มีแลกส่วนลดที่ร้านจาก Wongnai ไว้อีก 1000 บาทโดยตอนแรกได้จองทานอาหารเสร็จสรรพแล้วแต่ว่าวันดังกล่าวเชฟขอเลื่อน เลยได้มาทานอีกรอบแทน ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆครับ เนื่องจากได้ทานรอบประมาณ 2 ทุ่มครับ ก็เลยมาก่อนเวลาประมาณ 30 นาที ทางพนักงานก็มาต้อนรับและเชิญไปห้องพักรับรองก่อนครับ ซึ่งก็มีเสิร์ฟชาเขียวร้อนและมีหนังสือซูชิให้อ่านฆ่าเวลา (ซึ่งตอนหลังก็ได้ไปซื้อหนังสือเล่มนี้ที่คิโนะคุนิยะมาอ่านครับ) และเมื่อกรุ๊ปก่อนหน้ากลับหมดแล้ว และทางเชฟพร้อมแล้ว ก็จะเชิญเราให้ไปนั่งที่โต๊ะครับ ซึ่งแขกวันนี้มีทั้งคนไทยและต่างชาติคละกันๆครับ สำหรับราคาของวันนี้จะอยู่ที่ท่านละ 8000++ และเมื่อจบคอร์สแล้ว ทางร้านจะมีสอบถามเพิ่มเติมว่าอยากจะทานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ตกคำละ 150++ บาทครับ มาเริ่มต้นคอร์สอาหารกัน 1. Ginnan หรือ Ginkgo nuts: เป็นแปะก๊วยนั่นเอง สีจะออกเหลืองๆปนเขียวครับ ทานแล้วมันๆ หวานแบบธรรมชาตินิดๆ 2. Chawanmushi: ไข่ตุ๋นในน้ำซุปที่เป็นน้ำสต๊อกคัตสึโอะและคอมบุ ท๊อปด้วยหูฉลามชิ้นโตที่มีรสชาติขิงเพื่อดับคาว เสิร์ฟมาในถ้วยตุ๋นใบเล็กๆ เนื้อไข่เนียน ให้รสชาติที่กลมกล่อมและเข้มข้น เค็มกำลังดี ส่วนหูฉลามรสสัมผัสดีมากครับ ได้ความกรุบเล็กๆ 3. Kastuo: ปลาเนื้อแดงหรือปลาโอที่นำไป Aging ก่อน เสิร์ฟแบบซาซิมิ รสสัมผัสเบาแต่ได้ความเข้มข้นตอนท้ายๆ ทางเชฟจะทาซอสให้แล้วสามารถทานได้เลยครับ 4. Awabi: ข้าวหอมญี่ปุ่นท๊อปด้วยหอยเป๋าฮื้อชิ้นเป้ง ราดด้วยซอสตับหอย เวลาทานให้คลุกเข้าด้วยกัน จานนี้จะช่วยเปิดต่อมรับอูมามิ โดยตัวซอสรสชาติเข้มข้นอูมามิมากๆครับ ทานแล้วประทับใจจานนี้มากๆครับ ตัวหอยรสสัมผัสดีนุ่มเคี้ยวง่ายมากครับ 5. Shirako: ของดีหายากอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด วัตถุดิบคือท่อเก็บน้ำอสุจิปลานั่นเอง ผ่านการเบิร์นหน่อยๆ แล้วทานครับ รสชาติเข้มข้นและอูมามิ ขณะเดียวกันก็ละลายในปากเลยทีเดียว ถ้าต้องการความหวานล้ำ ให้จิ้มกับเกลือที่เสิร์ฟมาข้างๆครับ 6. Akami: เริ่มต้นด้วยทูนาเนื้อแดงสวยมาก ทานแบบซูชิ รสชาติค่อนข้างลึกลับเลยทีเดียวครับ 7. Toro: ส่วนไขมันของทูน่า ทางเชฟจะปั้นกับข้าวให้เสร็จก่อน และค่อยนำถ่านมาเบิร์นหน้าด้านบน แล้วจึงเสิร์ฟให้ทาน รสชาติดี มีความมันและเลี่ยนค่อนข้างหนักไปสักหน่อยครับ แต่เข้าใจได้ครับ 8. Buri Shabu: ปลาหางเหลือง นำไปต้มแบบชาบู เสิร์ฟมากับซอสพอนสึ รสชาติดีเหมือนกับครับ ออกมันๆนุ่มๆ 9. Ankimo: ตับปลาอังโกะนั่นเอง ตัวนี้ทางเชฟจะต้มกับซอสสูตรพิเศษของทางร้าน รสสัมผัสคล้ายฟรัวกรา แต่มีความแน่นและละมุนสูงกว่ามากครับ เป็นตัวที่ประทับใจอีกจานนึงเลยครับ 10. Saba: ปลาซาบะแบบดิบครับ รสชาติหวานและไม่คาวแบบที่เราเคยทานกันครับ แต่ตัวนี้ทางเชฟใส่วาซาบิเยอะไปหน่อย 11. Kinmedai: หรือปลา Golden Eye Snapper นั่นเอง ทางเชฟจะใส่มัสตาร์ดแทนวาซาบิตอนปั้นซูชิ เสิร์ฟทั้งเนื้อและหนังปลาที่ผ่านการเบิร์น รสชาตินุ่มละมุนและฟินมาก 12. Kurama Ebi: กุ้งลายเสือที่นำไปลวกก่อนเสิร์ฟครับ ทานแล้วรู้สึกว่าไม่คาว เนื้อกรุบกรอบกำลังดี และหวานนิดๆ ส่วนหัวและคางกุ้งทางเชฟนำไปทอดและเสิร์ฟคู่กับเกลือครับ แนะนำว่าให้ทานทั้งอันครับ อร่อยมาก 13. Nodoguro: ปลากะพงคอดำ เนื้อส่วนที่มาเสิร์ฟจะมีไขมันแทรกเป็นช่วงๆ ออกเลี่ยนก็จริงแต่รสชาติดีและเข้มข้นแบบลึกมากๆครับ 14. Kegani Uni Donburi: ทางเชปจะนำข้าวหอมญี่ปุ่มาคลุกกับอูนิให้กลายเป็นสีเหลืองสวย ปิดหน้าด้วยเนื้อปูขนที่คัดเฉพาะส่วนเนื้อมาจริงๆ โดยทางเชฟนำปูขนที่จะนำมาทำอาหารวันนี้ให้ดูก่อน ซึ่งเป็นปูขนเป็นๆตัวใหญ่มาก และราดด้วยซอสมันปู ท๊อปด้วยคาเวียร์ ตอนแรกเชฟจะเสิร์ฟไข่ปลาแซลมอนด้วยครับ แต่ว่าไข่รสชาติไม่ได้เชฟก็ทิ้งไข่ไปเลยครับ เวลาทานให้คลุกๆรวมกันแล้วทานครับ รสชาติจะมีความปูและมันปูสูงมากๆครับ เลยไม่ได้รสของอูนิสักเท่าไร แต่ก็ถือว่าดีครับ 15. Negi Toro: เป็นส่วนที่สั่งเพิ่มเติมครับ เนื้อปลาทูน่า 3 ส่วนที่ดีที่สุดคืออากามิ ชูโทโร่ และโอโทโร่ มาสับและผสมเข้าด้วยกัน ห่อด้วยสาหร่ายกับข้าวและทานเข้าไปทั้งคำ รสชาติดีเลยครับ มีความแบบอูมามิกลางๆ 16. Anago: อีกคำที่สั่งเพิ่มเช่นกันและคำนี้ผม Recommed เลยครับ ทางเชฟจะนำปลาไหลอะนาโกะ ไปต้มด้วยซอสสูตรของทางเชฟเอง แต่ผมรู้สึกได้ว่าใช้ซอสตัวเดียวกันกับตับปลาอังโกะ ถ้าเห็นว่ามีก้างไม่ต้องไปดึงออกครับ เพราะสามารถทานเข้าไปทั้งคำได้เลยครับ รสชาติดีมากครับ ล้ำลึกและเนื้อปลาไม่ยุ่ยเลยครับ ยังไม่เคยทานเนื้อปลาไหลที่ดีขนาดนี้ที่ไหนเลยครับ น้ำตาแทบไหล 17. Aka Dashi Soup: ก่อนปิดท้ายมื้ออาหารจะมีซุปมิโซะแดง รสชาติกลมกล่อมลื่นคอมากๆ 18. Tamagoyaki: ไข่หวานแต่หน้าตาเหมือน Sponge Cake ครับ รสชาติไม่หวานและอร่อยแบบมันๆ ปิดท้ายของคาวได้เป็นอย่างดี 19. Warabi mochi: ขนมพื้นบ้านของญี่ปุ่น ประกอบด้วยโมจิที่ผสมกับน้ำอ้อยจากโอกินาว่า โรยด้วยผงถั่วเหลืองคินาโกะและซากุระหมักเกลือ จานนี้ทางเชฟบอกว่าทานได้ไม่อั้น เนื่องจากตัวโมจิจะอยู่ได้แค่วันเดียว พอหมดคอร์สแล้วก็ต้องทิ้งไปเลยครับ รสชาติดีครับ ออกหวานๆมันๆกำลังดี ทานได้เรื่อยๆ และให้ทานคู่กับชาโฮจิฉะ จะช่วยลดความเลี่ยนลงได้พอสมควรเลยครับ สำหรับมื้ออาหารมื้อนี้ถือเป็นมื้อนึงที่ราคาโหดมากครับ แต่สิ่งที่ได้กลับไปถือว่าคุ้มค่ามากครับ ทั้งเรื่องรสชาติและความพิถีพิถันของแต่ละเมนูที่เชฟรังสรรค์ให้เราได้ทานกัน ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมื้อนึงสำหรับผมเลยครับ ส่วนการบริการพรีเมี่ยมมากๆครับ พนักงานเสิร์ฟชาให้ตลอดเวลา รวมทั้งเปลี่ยนอุปกรณ์สำหรับทานให้ตลอดเวลาครับ ถ้าใครอยากทานฝีมือของเชฟริคุเอง ก็ต้องรีบกันหน่อยนะครับ เพราะอีกไม่นานเชฟจะกลับญี่ปุ่นแล้วครับ #Retonline #Omakase