ลูกครึ่งญวน ชวนกินโย่ย : รีวิว เฝอท่าบ่อ จ.ขอนแก่น นอกจากอาหารอีสาน ซึ่งเป็นอาหารประจำถิ่นแล้ว อาหารญวนนับเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดขอนแก่น ชนิดที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง ในช่วงหนึ่งของชีวิตดิฉันได้ทานเมี่ยงญวน หรือปอเปี๊ยะสด เป็นประจำทุกสัปดาห์ เนื่องจากเป็นอาหารที่เตรียมได้ง่าย แม่จึงมักจะเกณฑ์ให้พวกเรามาช่วยกันล้างผัก ช่วยกันเตรียมอาหารจานนี้เป็นประจำ นับเป็นเมนูอาหารที่แม่โปรดปราน เพราะมีผักสดเป็นส่วนประกอบหลัก และสามารถประยุกต์เป็นอาหารมังสวิรัติได้ง่าย เพียงเปลี่ยนเนื้อทั้งหมดให้เป็นเต้าหู้ เพราะแม่ของดิฉันเป็นมนุษย์มังสวิรัติค่ะ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมของดิฉัน ซึ่งเป็นลูกครึ่งเวียดนาม ได้ถามไถ่ว่าเคยทานเฝอหรือไม่ ดิฉันจึงได้ระลึกว่า ดิฉันทานเฝอเป็นประจำ ที่ร้านอาหารเวียดนามเมื่อตอนอยู่ที่ออสเตรเลียค่ะ เพราะมีความคล้ายคลึงกับก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใสของไทย ซึ่งดิฉันไม่แน่ใจว่า เฝอ ที่ดิฉันได้ทาน เป็นเฝอตัวจริงหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่ากุ๊กและเจ้าของร้านอาหารจะเป็นคนเวียดนามแท้ ๆ แต่แน่นอนว่าเฝอที่ออสเตรเลีย ย่อมรสชาติแตกต่างจากเฝอที่บ้านเรา เพราะวัตถุดิบในบ้านเมืองที่ไกลโพ้นจากดินแดนต้นกำเนิด ย่อมตามหาวัตถุดิบดั้งเดิมได้ยาก ทำให้มีรสชาติผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ก็ทำให้หายคิดถึงกันไปได้ เหมือนกินส้มตำไก่ย่างที่ต่างแดน ถึงอร่อยแต่ก็ไม่สุขใจเหมือนนั่งกินกับเพื่อน กับครอบครัวที่บ้านเราใช่ไหมค่ะ ร้าน เฝอท่าบ่อ เป็นร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ดั้งเดิม ที่เปิดบริการอยู่คู่กับจังหวัดขอนแก่นมากว่า 30 ปี ณ ปัจจุบันร้านตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีนวล ใกล้กับวัดศรีนวล ร้านจะอยู่ตรงสามแยก เห็นประตูทางเข้าวัดพอดีเลยค่ะ ซึ่งแต่เดิมทางร้านเริ่มจากการขายเลือดแปลงเป็ดเป็นอย่างแรก ซึ่งเมื่อก่อนทางร้านจะต้องไปนั่งรอเลือด จากโรงเฉือดตั้งแต่ตอนเช้ามืด เพื่อนำวัตถุดิบสดใหม่ มาใช้ในการปรุงอาหารเป็นประจำทุกวัน แต่ดิฉันไม่กล้าทานค่ะ บอกตรง ๆ ว่ากลัวเลือดแดง ๆ เมื่อตัดสินใจไม่ทานเมนูฮิตที่หาทานที่อื่นไม่ได้แล้ว เพื่อนญวนของดิฉันจึงนำเสนอเมนูเด็ด ที่หาทานได้ยากยิ่ง และหาที่รสชาติดีงามได้แบบที่ เฝอท่าบ่อ นั้นเรียกว่ายากเสียยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรกันเลยทีเดียว นั้นก็คือ โย่ย เมนูที่แค่ชื่อก็ไม่คุ้นหูเสียแล้ว ดิฉันมาทานอาหารกับเพื่อน 3 คน โดยเพื่อนทั้งคู่มีเชื้อสายเวียดนาม ฉะนั้นทั้งคู่จึงคุ้นเคยกับอาหารญวนเป็นอย่างดี รู้ว่าอาหารญวนที่ดีเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันยังแอบโชคดี ที่ได้รู้จักกับทายาทเจ้าของร้านหลังจากที่เพิ่งทานอาหารเสร็จ ซึ่งได้เล่าเรื่องราวการเตรียมอาหารแต่ละชนิดให้ดิฉันฟังอย่างสนุกสนาน ราวกับดิฉันได้นั่งอยู่ข้างกะละมังช่วยล้างไส้หมูไปด้วยฟังไปด้วยจริง ๆ เฝอเนื้อ ราคา 50 บาท เพื่อนของดิฉันบอกว่า จริง ๆ แล้วเฝอดั้งเดิมมีเพียงเฝอเนื้อ ไม่มีเฝอหมู เฝอซีฟู้ดใด ๆ ทั้งสิ้น ดิฉันก็ได้แต่พยักหน้าตาม เพราะไม่มีความรู้ใด ๆ นอกจากนั้นเฝอที่ดิฉันทานเป็นประจำ เมื่อตอนอยู่ออสเตรเลีย ก็มักจะเป็นเฝอซีฟู้ดนั้นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า ฉะนั้นดิฉันจึงแอบรู้สึกแปลก ๆ ที่อยู่ขอนแก่นมาตั้งนาน แต่เพิ่งจะได้ทานเฝอแท้ ๆ เอาตอนแก่นี่เอง โดยรวมทุกอย่างคือดีหมดเลยค่ะ คือจากราคา 50 บาท แล้วให้ปริมาณเครื่องเยอะขนาดนี้ ถือว่าตกใจมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงเป็นร้านที่ฮอตฮิตขนาดนี้ แล้วยิ่งพอได้ทานแต่ละอย่างคือ แอบนั่งนิ่ง อึ้งในใจ ด้วยความที่เป็นคนชอบทำอาหาร รู้เลยว่าเครื่องแต่ละชนิดที่นำมาประกอบในเฝอถ้วยนี้ ผ่านกระบวนการคัดเลือก การผลิตที่ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการปรุงที่ยาวนาน กว่าจะได้คุณภาพตามที่ต้องการ ไม่มีอะไรต้องอธิบายมากจริง ๆ ค่ะ ถ้าทานเนื้อได้ แนะนำให้ทานเฝอเนื้อเลยค่ะ ดีต่อใจมากจริง ๆ ดิฉันมักจะทานอาหารโดยที่ไม่ปรุง แต่มักจะห้ามใจไม่ได้เสมอ หากเจอพริกป่นผัดน้ำมันอันหอมหวล ฉะนั้นต้องใส่ลงไปซักนิด เพื่อชีวิตที่สดใส แต่ไม่เพียงเท่านั้น กะปิ พริกสดเผา และซอสพริกศรีราชา ก็เป็นเครื่องปรุงที่ช่วยทำให้เฝอชามโปรด รสชาติดีงามเกินท้องเรื่องไปมากจริง ๆ ถ้าเป็นมือใหม่หัดใส่กะปิ ก็ลองแบ่งใส่นิด ๆ แล้วชิมในส่วนนั้นดูก่อนนะคะ ว่าถูกใจรึเปล่า มาถึง เฝอหมู ราคา 40 บาท ทางเลือกสำหรับคนไม่ทานเนื้อ ซึ่งแน่นอนว่าดีงามไม่แพ้เฝอเนื้อ แต่ด้วยความช่างสังเกตของคุณเพื่อนผู้เป็นลูกครึ่งญวน เพื่อได้ชี้ชวนให้ดิฉันพิจารณาดูเส้นเฝอ ที่มีขนาดไม่เท่ากัน ราวกับโดยตัดเส้นด้วยมือ! ซึ่งเมื่อเราได้พบกับทายาทเจ้าของร้านในภายหลัง ก็ได้พบว่าทางร้านตัดเส้นเฝอด้วยมือจริง ๆ จ้า... ตะลึงไปเลยจ้า... ทางร้านจะนำแป้งมาโม่เองด้วยมือ โดยไม่ใช้เครื่องโม่ด้วยนะจ๊ะ จากนั้นนำไปตากแดด ก่อนจะนำมาตัดด้วยมือ จึงทำให้ขนาดเส้นไม่เท่ากัน ซึ่งเส้นเฝอของทางร้านจะไม่นุ่มเหนียว เหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก แต่จะนุ่มเหนียวกรุบกรอบ ตามฉบับดั้งเดิมจ้า ซึ่งเมื่อก่อนนี้ในช่วงฤดูฝนทางร้านจะผลิตเส้นเฝอได้ไม่มาก เพราะไม่มีแดดให้ตากเส้น แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้วจ้า เพราะฝนไม่ค่อยตกแล้ว...ผิด ตอนนี้ทางร้านมีการพัฒนาวิธีการตากเส้นแล้วจ้า มาเมื่อไรฤดูไหนก็มีเฝอให้ทานไม่ต้องห่วงจ้า... มาถึงเมนูที่เพื่อนแนะนำ ว่าต้องไม่พลาด นั้นก็คือ โย่ย เมนูชื่อสะดุดหู ที่อ่านออกยากเหลือเกิน ถ้าเพื่อนไม่พูดคงต้องคิดอยู่นานว่าอ่านออกเสียงว่าอย่างไร โย่ย ราคา 50 บาท ซึ่งโย่ยนี้ คือ ไส้กรอกเวียดนามแท้ ๆ มีส่วนผสมคือ หมู เครื่องใน นำไปผสมกับเครื่องปรุง ผัก และ สมุนไพร จากนั้นนำมายัดลงไปในไส้หมู ซึ่งทางร้านจะเลือกไส้ส่วนที่เล็ก ๆ แตกต่างจากร้านอื่น ๆ เพราะจะมีขนาดพอดีคำ น่าทาน แต่กว่าจะได้ไส้หมูส่วนนี้มายัดไส้ เป็นขั้นตอนอันสุดแสนจะลำบาก เพราะไส้หมูส่วนที่เล็ก ๆ นี้ มีอยู่น้อย และนอกจากจะมีไม่มาก ยังล้างลำบากไปอีก... เพราะมันเล้กขนาดนี้จะไปล้างง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน กว่าจะได้ไส้หมูสะอาด ๆ ปราศจากกลิ่นคาว จะต้องล้างไส้วนไปมาอยู่หลายรอบ แถมล้างไม่ดี ไม่ระวัง ไส้อันบอบบางก็แตก เสียของไปอีก... อุส่าห์ล้างมาตั้งนาน...เฮ้อ... รีวิวรสชาติของโย่ย โดยลูกอีสาน ให้ความเห็นว่า โย่ย ของเฝอท่าบ่อ รสชาตินุ่มละมุนมาก ด้วยความที่พิจารณาจากภายนอก ดิฉันคิดว่าจะเป็นไส้กรอกรสชาติจัดจ้าน เนื้อแน่น เหมือนไส้อั่ว แต่กลับมีรสอบอุ่นอ่อนละมุนอย่างน่าสนใจ วัตถุดิบทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว ไม่มีกลิ่นคาว ไม่มีกลิ่นเครื่องปรุงใด ๆ แสดงตัวอย่างโดดเด่นจนเกินหน้าเกินตากัน เรียกว่าทุกอย่างจูงมือมาพร้อม ๆ กัน แล้วออกมาร้องเพลงสามัคคีชุมนุม เป็นเมนูที่ดิฉันลุกขึ้นปรบมืออยู่ในใจ พอมานั่งนึก ๆ ดิฉันรู้สึกเหมือนกำลังทานอาหารตะวันตก มากกว่าอาหารตะวันออก ดิฉันรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนเคยทานมาก่อนแล้ว คล้ายกับผักโขมอบชีสจากโรงแรมห้าดาว ที่ผักโขมนุ่มนิ่ม ชีสรสละมุน ไม่เค็ม ไม่เลี่ยน แต่ผักโขมอบชีสจากโรงแรมห้าดาวนั้นราคาหลายร้อย ในขณะที่โย่ยจานนี้ราคาแค่ 50 บาท เท่านั้น! แล้วยิ่งเป็นเมนูหาทานได้ยากไปอีก ใครมาทานเฝอท่าบ่อ แนะนำให้สั่งมาแบ่งกันทานนะคะ นอกจากเมนูฮอตฮิต ดิฉันก็ไม่ลืมสั่งผ้าขี้ริ้วลวก ราคา 60 บาท ด้วยความที่ชื่นชอบผ้าริ้วอยู่แล้ว ปรากฏว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ ไม่เหม็นคาว ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สะอาด ไม่สุก และทางร้านลวกมากได้แบบมืออาชีพสุด ๆ นิ่มแต่กรอบ ดีงามน้ำตาไหล ยิ่งพอได้จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้านเข้าไป ยิ่งทำให้ริ้วลวกจานนี้แซ่บสุดไปอีก... ถูกใจจริง ๆ เนื้อลายลวก ส่วยเพื่อนของดิฉัน ยินดีนำเสนอเนื้อลายลวก ราคา 60 บาท ซึ่งหากใครรักเนื้อน่อง กรุบ ๆ นุ่ม ๆ ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเนื้อลายที่ร้านนั้น ไม่มีเหนียวเคี้ยวยากลำบากเหงือกและฟันค่ะ และน้ำจิ้มครอบจักรวาลของทางร้านนั้นรสแซ่บกลมกล่อม จิ้มอะไรก็ดีไปหมดจริง ๆ อยากให้มาลองนะคะ หมูยอและเมนูที่ลืมไม่ได้ ห้ามพลาดคือ หมูยอลวก ราคา 50 บาท ซึ่งดิฉันผู้ไม่นิยมหมูยอ บอกได้เลยว่าดี ต้องไม่พลาด เหมือนหมูยอนุ่มแน่น หมูยอมีน้ำปลาปรุงอยู่ในเนื้อหมูยออยู่แล้ว จะมีรสเค็มและหอมน้ำปลานิด ๆ น่าสนใจมาก ๆ นอกจากนั้นพริกไทยที่ปรุงมาในเนื้อหมูยอก็เลิศเป็นที่สุด เพราะเป็นหมูยอที่เผ็ดร้อน แต่ไม่เหม็นฉุน รสชาติของพริกไทยไม่กลบรสและกลิ่นแท้ ๆ ของหมูยอ ขนาดดิฉันไม่ใช่แฟนหมูยอ ยังว่าดี ใครชอบหมูยอยิ่งต้องไม่พลาดเลยจริง ๆ ค่ะ ในส่วนของน้ำดื่ม ทางเราพร้อมใจกันสั่ง เก๊กฮวยหวานชื่นใจราคาแก้วละ 15 บาท ทานเฝอร้อน ๆ แล้วดื่มน้ำเก๊กฮวยเย็น ๆ เป็นอะไรที่สดชื่นดีจริง ๆเลยค่ะ นอกจากน้ำเก๊กฮวยทางร้านมีน้ำชาเป็นกา ๆ ให้ดื่มฟรีได้เต็มที่เลยนะคะ หากคุณเป็นคนขอนแก่น ที่คุ้นเคยกับอาหารเวียดนามแต่ยังไม่เคยทานอาหารร้านเฝอท่าบ่อ ขอแนะนำให้ไปทานด่วน ๆ จะได้เอาไปแนะนำให้เพื่อน ๆ จากต่างถิ่นให้มาลองทานกันได้ และถ้าหากคุณไม่ใช่คนขอนแก่น แต่กำลังจะมาเยือนขอนแก่น เฝอท่าบ่อ เป็นร้านอาหารที่ดิฉันแนะนำว่าต้องมาทานให้ได้จริง ๆ ค่ะ #อร่อยนี้ที่ขอนแก่น #รีวิวสายเงียบ