หากใครดูรายการ Iron Chef จะพบกับผู้เข้าแข่งขัน 1 คนที่เรตติ้งดี นั่นคือเชฟโมนะ ธีระธาดา เนื่องจากเชฟเองเคยดูแลร้าน Na-oh หรือร้านเครื่องบินวันสิ้นโลกที่ช่างชุ่ย แต่ด้วยความอยากจะโฟกัสอะไรสักอย่าง หวยก็เลยมาลงที่ร้าน Pasta เล็กๆ บนถนนสามเสน จอดรถได้ที่สามเสนซอย 3 หรือ 5 แต่ผมแนะนำว่าไปจอดที่ซอย 2 โรงแรมนูโวซิตี้ แล้วเสียค่าจอดจะดีกว่าจอดในซอยครับ และไม่สามารถจอดที่หน้าร้านได้ ร้านนี้จะมีความอินดี้ตั้งแต่การจอง โดยล่าสุดมีการเปลี่ยนกฎใหม่ ให้จองสัปดาห์ต่อสัปดาห์เท่านั้น (สามารถดูรายละเอียดใน Facebook ได้ที่ Page ครับ) แต่มีกฎพิเศษเพิ่มเข้ามาอีกอย่างคือ สามารถ Walk-in ได้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนที่จองไม่ทัน หรือรอบเต็มแล้ว สามารถมาลุ้นได้ที่หน้างาน ซึ่งวันนี้ก็บังเอิญหาร้านข้าวกลางวันแถวนี้พอดี เลยมาเสี่ยงดวงที่ร้านนี้ก่อน หลังจากรอไม่นาน ก็ได้เข้าไปนั่งในร้านครับ แต่หลังจากนั้นก็เห็นว่าลูกค้าที่ Walk-in มาจะโดนปฏิเสธเกือบหมดเลยครับ แนะนำว่าควรมาก่อนเที่ยงหากมาทานเสาร์อาทิตย์ แต่วันธรรมดาช่วงเย็นน่าจะมีโอกาสได้ทานมากกว่า เพราะย่านนี้ไม่ใช่ย่านกินดื่มแต่อย่างใด โดยภายในร้านจะมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นครัวและที่นั่ง รวมทั้งที่นั่งแบบบาร์ ที่จะเห็นเชฟมาทำอาหารกันตรงนั้นให้เราดู ส่วนชั้นลอยจะมีที่นั่งอีกเช่นกัน แต่จะเหมาะกับ 2-3 คนมากกว่าครับ กลิ่นในร้านยังแก้ไขไม่ดีพอ ด้วยตัวดูดลมที่ไม่ใช่แบบร้านอาหารใหญ่ๆใช้ เราจะได้กลิ่นติดตัวออกไปหลังจากทานเสร็จเสมอครับ เมนูอาหารร้านนี้จะมีแค่ Appetizer และ Main Course ที่เป็นพาสต้า โดยพาสต้าจะมีเส้นให้เลือก 11 แบบ และแบบพิเศษอีก 3 อย่างที่จะบวกเพิ่มครับ ส่วน Sauce จะมีให้เลือก 12 อย่าง หากถามพนักงานว่าอันไหน Signature พนักงานจะบอกว่าไม่มี เพราะต้องการให้เราลองเมนูใหม่ๆ ดูบ้างครับ ซึ่งถ้าดูจากรายการที่มาสัมภาษณ์เชฟ เชฟก็จะบอกแบบนี้เหมือนกัน แนะนำว่าควรทำการบ้านมาก่อนครับว่าเส้นแต่ละอันเป็นอย่างไร ส่วน Sauce จะมีอธิบายว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้างครับ และโชคดีอย่างร้านนี้จะมีเมนูมังสวิรัติเป็นส่วนใหญ่ สามารถถามร้านก่อนได้ว่าเมนูไหนเป็นมังบ้างครับ ในส่วนของเมนูที่ทานวันนี้ก็จะมี 1. House Salad ราคา 180 บาท: สลัดผักสดใช้ได้ แต่ทานแล้วมีบางส่วนที่แอบขมๆ อยู่ น้ำสลัดจะเป็น vinegar ครับ มีความเปรี้ยวๆ ไว้ทานแก้เลี่ยนกับพาสต้าได้เป็นอย่างดี 2. Ravioli Ox Tongue with cream truffle mushroom ราคา 380 บาท: เกี๊ยวใส่ไส้ลิ้นวัว ราดด้วยครีมผสมกับเห็ดทรัฟเฟิล รสชาติจะมีความเข้มข้นมากๆ ถ้าคนไม่ชอบอาจจะรู้สึกเลี่ยนเลยครับ แต่ส่วนตัวชอบแบบนี้ครับ กลิ่นทรัฟเฟิลดี ส่วนเกี๊ยวมีอยู่ด้วยกัน 5 ตัว สี่ตัวมีไส้ลิ้นวัวที่ดูเหมือนเป็นเส้นๆ แต่ทานแล้วนุ่มอร่อย ปรุงรสชาติออกเค็มกลางๆ ทานแล้วฟิน แต่จะมีอยู่ 1 ตัวที่ไส้หายครับ กลายเป็นเกี๊ยวเปล่า อยากให้เช็คให้ละเอียดกว่านี้ครับ 3. Campanelle with presto mushroom cherry tomato and walnut ราคา 190 บาท: เส้นพาสต้าในรูปกรวยและขอบหยัก จะมีความแข็งๆ หนาๆ พอสมควร ถ้าคนไม่เคยทานจะรู้สึกว่ามันแข็งและเหมือนไม่สุก ซึ่งจริงๆ มันสุกแล้วครับ จานนี้นำมาผัดกับโหระพา เห็ด ใส่มะเขือเทศราชินี และวอลนัทป่นเยอะมากๆ รสชาติจะมีความแบบเขียวๆหน่อยๆ เหมือนจงใจผัดให้โหระพาไม่สุกครับ ทีเด็ดจานนี้คือวอลนัทที่ให้ Texture กรุบกรอบ เลยช่วยชดเชยความเขียวๆ ไปได้พอสมควร โดยรวมแล้วรสชาติอาหารคือได้อยู่ครับ แต่เรื่องรายละเอียดยังไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไรครับ ส่วนของเครื่องดื่ม ตอนนี้ยังเป็นเครื่องดื่มทั่วๆไป อย่างน้ำเปล่าและน้ำอัดลมต่างๆ การบริการร้านนี้อย่าได้คาดหวังใดๆ เนื่องจากร้านนี้มีเชฟอยู่ 2 คน โดยคนนึงจะเตรียมวัตถุดิบ ส่วนอีกคนจะปรุงรสชาติและ cooking ทั้งหมด นอกนั้นก็จะมีคุณแม่ของเชฟที่คอยเก็บเงิน กับพนักงานที่รับออเดอร์และเคลียปัญหาทุกสิ่งอย่างในร้านเท่านั้นครับ แต่เข้าใจได้ว่าเค้าต้องการทำให้ร้านเหมือนเป็น Homemade มากกว่า อะไรหลายๆ อย่างเลยดูจะขัดๆ ไปหน่อยครับ และเป็นความโชคดีที่วันนี้เชฟมาตอนที่ทานอาหารเสร็จพอดี เลยได้ถ่ายรูปกับเชฟด้วยครับ ซึ่งเชฟโมนะจะนิ่งๆ แต่มีความกวนๆอยู่พอสมควร ซึ่งเป็น Character ของเค้าแหละครับ #Tothesea