มื้อกลางวัน

ร้านโอมากาเสะย่านลาดพร้าวที่เปิดใหม่ในช่วงโควิท ที่หลายๆ เพจรีวิวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีงาม ราคาไม่แพง และคุณภาพไม่แพ้ร้านแพงๆ เลย เจ้าของคือเชฟแก่ ที่มี Passion อยากทำโอมากาเสะราคาย่อมเยาว์ให้คนไทยได้ทานกัน โดยมีคอร์สอยู่ด้วยกันประมาณ 3 คอร์สหลักๆ แต่วันนี้เราจะมาลองคอร์สกลางอย่าง Supreme Course ราคา 2799++ ซึ่งมีด้วยกันประมาณ 18 คำ และของหวานอีก 2 คำ ซึ่งจะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น และมีจ่ายมัดจำล่วงหน้าไว้คนละ 1000 บาทครับ โดยวัตถุดิบจะอยู่ใน Season Fall เป็นหลัก เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มเบาๆ 2 รายการ - Peach Miso: Welcome Drink ที่สีออกแดงๆ รสชาติเป็นพีชที่ออกซ่าๆ ซึ่งสีแดงมาจากใบมิโซะแดงอีกที ออกเฟรชๆ เปิดต่อมรับรส และคลายร้อนได้เป็นอย่างดี - ชาร้อน: ทางร้านเลือกใช้ชาข้าวคั่ว ซึ่งจะมีความหอมจากชาที่ผ่านการคั่ว รสชาติไม่เข้มมากเน้นตัดเลี่ยนเป็นหลัก มาถึงเมนูเรียกน้ำย่อยกันบ้าง ซึ่งจะมี - มินิไคเซกิ: มีด้วยกัน 4 เมนูย่อยๆ ก็จะมีเวเฟอร์ที่หน้าตาคล้ายๆ มาการอง โดยด้านในเป็นครีมข้าวโพดจากฮอกไกโด ออกหอมๆ มันๆ กึ่งๆ ของคาวหน่อยๆ ต่อด้วยหมึกย่างทาซอสออกเค็มๆ เนื้อนุ่มอร่อยและมีกลิ่นหอมจากการเบิร์น แปะก๊วยคั่วเกลือจะออกมันๆ เหมือนปรับลิ้น ก่อนที่จะทานคำสุดท้ายด้วยรากบัวทอดกรอบ ที่บางเฉียบและกรอบมาก - จักกะอิโมะ: หน้าตาคือมันบดที่ผสมด้วยเนื้อกุ้งและเนื้อปลา โดยใช้มันมือเสือเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งจะให้ความกรอบๆแบบฟูๆ ในปาก ส่วนซอสจะใส่เนื้อปูซูไว รสชาติคล้ายๆ น้ำเกรวี่เลยแต่จะมีความอ่อนๆ และกลมกล่อมกว่า ออกหวานๆมันๆ จากเนื้อปู เนื้อกุ้งและปลา Cook ได้กำลังดี ไม่แห้งอย่างที่คิด - หอยเชลล์เทมปุระไส้อูนิ: หอยเชลล์ที่ห่อด้วย สาหร่ายและนำไปทอด ก่อนที่จะนำมาผ่าครึ่งและยัดอูนิเข้าไป โรยเกลือหิมาลายันเพื่อชูรสชาติวัตถุดิบให้ชัดขึ้น และหยอดด้วยมะนาวซึดาจิ ให้รสชาติออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ แบบเฟรชๆ เนื้อหอยเด้งมากไม่แห้งแต่อย่างใด ส่วนสาหร่ายจะมีความกรอบๆ และให้ความอูมามิที่ชัดมาก ต่อไปจะเป็นเมนูซูชิ เริ่มต้นจากเบาๆ ไปจนถึงหนักที่สุด - ซูมิอิกะ: ปลาหมึกกระดอง ที่ให้รสชาติอ่อนๆ เนื้อมีความหนึบและมันมากๆ ให้ความรู้สึกที่ดีทีเดียว ตัวข้าวมีความเป็นเม็ดๆ แต่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยติดกันเท่าที่ควร - โบตันเอบิ: กุ้งหวานจาก north pacific เนื้อมีความหวานมันสมกับชื่อกุ้งหวาน ออกนุ่มๆ ไม่เปื่อยยุ่ย - อิชิคากิได: ปลานกแก้วนั่นเอง เนื้อสีจะออกขาวและชมพูแทรกไว้ เนื้อมีความหนึบในหลายๆเลเยอร์ แนะนำว่าให้เคี้ยวนานๆ จะได้รสชาติที่หลากหลายมากๆ รสชาติกลางๆ ไม่เข้มข้นมาก ทานแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด - ซาวาระ: ปลาอินทรีญี่ปุ่นที่ผ่านการ Smoke ด้วยไม้ซากุระ กลิ่นรมควันหอมมากไม่ฉุนแต่อย่างใด ให้รสชาติขมปลายๆ นิดๆจากเนื้อปลาเอง มีความเด้ง และออกลีนไม่เข้มข้นมากเหมือนอิชิคากิได - โนโดคุระ: ปลาคอดำหรือปลาในตระกูลปลากระพงที่อยู่ในน้ำลึก เนื้อจะออกลีนๆ นุ่มๆ มีความมันจากไขมันในทตัวและผ่านการเบิร์นโดยเชฟก่อนเสิร์ฟ - ชิมาอาจิ: ปลาแมคเคอเรล หรือปลาในตระกูลผิวเงิน เนื้อจะมีความเข้มข้นขึ้นกว่าตัวอื่นๆ แต่ยังไม่หนักมาก ให้ความเด้งๆไปทางกรอบๆ ให้รสสัมผัสที่แตกต่างจากตัวอื่นๆ โดยสิ้นเชิง - ซาบะ: ไล่ระดับความเข้มข้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับชิมาอาจิ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวหุงน้ำส้มสีแดง รวมทั้งห่อสาหร่ายที่ผ่านการย่างเพื่อเพิ่มความอูมามิ รสชาติโดยรวมดี เข้ม หวานมัน และไม่คาว - อากามิสึเกะ: บลูฟินทูน่าส่วนเนื้อล้วนไม่มีไขมันแทรกจากสเปน ทานพร้อมกับข้าวหุงน้ำส้มสสีแดงเช่นเดียวกันซาบะ ผ่านการ Aging ในซอสโชยุประมาณ 1 นาทีเพื่อดึงความเข้มข้นและรสชาติในเนื้อปลาออกมาให้ได้มากที่สุด รสสัมผัสออกจะนุ่มกว่าตัวอื่น แต่รู้สึกมีความสากๆ อย่างบอกไม่ถูก รสชาติดี - ชูโทโระ: บลูฟินทูน่าจากสเปนเช่นเดียวกันเพียงแต่เป็นอีกส่วนที่ไขมันเยอะกว่า ผ่านการ Aging 7 วันก่อนเสิร์ฟ ตอนแรกที่เชฟปั้นเสร็จและเสิร์ฟจะเห็นเป็นเส้นไขมันระหว่างเนื้อปลาเลยทีเดียว แค่เข้าปากก็ละลาย รสชาติเข้มข้นที่สุดในมื้อนี้เลย - บะฟุนอูนิ: อูนิจากฮอกไกโดที่รสชาติเข้มข้นที่สุด ด้วยความที่ข้าวเริ่มไม่เกาะตัวและใส่อูนิเยอะมากๆ ทางเชฟเลยเสิร์ฟใส่มาในช้อนและให้ทานในรูปแบบนี้แทน ซึ่งความอร่อยคงเทียบกับทานบนฝ่ามือไม่ได้ แต่ตัวอูนิก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ให้ทั้งความเข้มข้นแบบใต้ทะเลจริงๆ - เนกิโทโระ: เนื้อทูน่าที่ผ่านการสับและนำมาห่อสาหร่าย รสชาติให้ความหลากหลาย ทั้งเค็มและมัน ความรู้สึกใกล้เคียงกับทานทูน่าที่เป็นคำๆ เลยทีเดียว ก่อนจะปิดท้ายอาหารมื้อนี้ จะต้องทานซุปมิโซะล้างปากก่อน ซึ่งเป็นมิโซะทั่วๆไป เพียงแต่มีวัตถุดิบพิเศษอย่างชิโระโนริ หรือสาหร่ายเส้นผมที่ทำออกมาเป็นสีขาว ให้ความหวานนำและเค็มนิดๆ ส่วนตัวซุปรสชาติเข้มข้นออกไปทางเค็มเกินไปหน่อยครับ อาจจะต้องลดความเค็มลง ส่วนอีกเมนูที่ใช้ล้างปากแต่อร่อยไม่แพ้ใครอย่าง ไข่หวาน โดยส่วนผสมหลักจะมีมันมือเสือ ไข่ และเนื้อปลา ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ไม่เหมือนใครเพราะปกติเราจะใช้เนื้อกุ้งผสมเพื่อให้เกิดกลิ่นแบบเนื้อสัตว์ ซึ่งเนื้อปลาอาจจะไม่ได้ให้กลิ่นแบบนั้นที่ชัดมาก แต่ก็สามารถทำให้คนแพ้กุ้งทานได้นั่นเอง ซึ่งพอชิมแล้วแทบไม่ต่างนอกจากกลิ่นที่เหมือนปลามากกว่า แต่รสชาติและสัมผัสดีจริงๆ เหมือนทานเค้กคัสตาร์ดที่ออกเด้งๆ ซึ่งเคยทานแบบนี้แค่ครั้งเดียวจากอีกร้าน และมาเจอร้านนี้ที่ทำได้อร่อยไม่แพ้กันเลยครับ ระหว่างทาน ทางร้านจะมีขิงดองที่ออกหวานเข้มๆ เปรี้ยวนิดๆ และไช้เท้าดองที่ให้ความกรุบกรอบและรสชาติหวานนิดๆ ไว้ทานตัดเลี่ยนแต่ละคำ ซึ่งช่วยได้มากเพราะแต่ละเมนูมีความหนักพอสมควรเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วยของหวานอีก 2 เมนู ก็จะมีไอศกรีมยูซุ ที่ออกไปทางเฟรชๆ คล้ายๆน้ำแข็งไสแต่เกล็ดน้ำแข็งละเอียดว่า และเมนูพิเศษที่ต้อง Request ทางร้านต่างหากด้วยโอกาสพิเศษ คือพายยูซุ ซึ่งทางร้านก็ทำเองเช่นกัน แป้งพายคือดีมาก มีความกรอบ ส่วนครีมที่อยู่ตรงกลางก็จะออกเปรี้ยวๆ แบบยูซุ รสชาติกลมกล่อมไม่แพ้กันเลยครับ โดยรวมแล้วรสชาติอาหารทำออกมาได้ดีสมกับเป็นร้านโอมากาเสะ ราคาถือว่าไม่แพงแต่ปริมาณและคุณภาพที่ได้ สูสีกับร้านแพงๆ เลยครับ อาจจะไม่ได้ทานเมนูตัวท๊อปอย่างโอโทโระก็ไม่เสียดายครับ และบรรยากาศที่เน้นไปความสบายๆ กันเองไม่จริงจังมาก ทำให้ร้านนี้อาจตอบโจทย์คนที่อยากทานแต่ไม่ต้องการความจริงจังได้เป็นอย่างดี การบริการค่อนข้างดีหากเข้าไปในห้องอาหารแล้ว แต่ตอนรอรู้สึกเหมือนเคว้งหน่อยๆ เพราะไม่มีพนักงานมาดูแลแต่อย่างใดเลย 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี #Happynov2021

  • 10
  • 3
21/11/07

Other Reviews