เมนูเนื้อย่าง อาจจะเป็น 1 ในเมนูที่ใครหลายๆ คนตั้งตารอคอยเพื่อที่จะทานในโอกาสพิเศษต่างๆ แน่นอนว่าโอกาสพิเศษทั้งที ก็ควรจะได้ทานในสิ่งที่ดีที่สุด และคุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป จึงอยากมาแนะนำร้านที่ใครหลายๆ คนอาจจะรู้จักอยู่แล้ว และอาจจะเป็นร้านเนื้อที่ดีที่สุดร้านนึงในกรุงเทพเลยก็ว่าได้ กับร้าน “Tokyoxxx” Premium นั่นเอง ร้านปิ้งย่างร้านนี้ปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 สาขา ได้แก่ สาขาอารีย์ และสาขาสุขุมวิท โดยวันนี้ได้มาทานที่สาขาอารีย์ ซึ่งจะอยู่ในโครงการ What The Duck ซอยกิ่งชำนาญอักษร ที่สามารถเข้าได้ทั้งจากอารีย์ หรือประดิพัทธ์ ที่จอดรถ สามารถไปจอดได้ที่แฟลตสีส้มที่อยู่ห่างจากร้านแค่ 20 เมตร หรือสังเกตง่ายๆ จะมีห้องทึบๆหรือร้าน Flat Marble อยู่ด้านหน้า และด้านหลังจะเป็นที่จอดรถทั้งหมดครับ ราคาอยู่ที่ชั่วโมงละ 20 บาท ความพิเศษของร้านนี้เริ่มต้นตั้งแต่ทางเข้าของร้าน ที่จะเป็นประตูหินหลอกๆ เราจะต้องกดกริ่ง และรอให้พนักงานมาเปิด ซึ่งพนักงานจะเปิดกำแพงหลอกๆ มาต้อนรับเราอีกที เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจมากครับ เมื่อเข้าไปในร้านจะพบว่าที่นั่งมีอยู่ค่อนข้างน้อยประมาณ 6 โต๊ะเท่านั้น ที่นั่งจะเป็นหลุมลงไป ซึ่งเราจะต้องถอดรองเท้าและเก็บในตู้ข้างโต๊ะที่เรานั่งอีกที เมนูอาหารร้านนี้จะเน้นไปที่เนื้อวัวเป็นส่วนใหญ่ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะทานอะไรเป็นพิเศษ ลองเลือกแบบเป็น Set ก็ได้ แต่ถ้าอยากจะทานเป็นส่วนๆ ที่ร้านนี้มีให้เลือกหลากหลายมาก นอกจากนี้ยังมีเสิร์ฟเครื่องใน ทั้งแบบย่าง หรือแบบยุกเกะ ก็มีให้ลองเช่นเดียวกัน ถ้ารู้สึกว่ามีแต่เนื้อแล้วจะแน่นเกินไป ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ทั้งข้าวและซุปให้สั่งด้วย แอบเสียดายนิด คือเมนู Set ที่มีให้เลือก ปกติจะมีอูนิด้วย แต่เนื่องจากช่วงที่ผู้เขียนมาทานนั้นราคาอูนิแพงขึ้นไปเกือบ 3 เท่าเลยทีเดียว ทางร้านเลยจำเป็นต้องตัดเมนูที่มีอูนิออกไป ระหว่างรออาหารจะมีสแน็กกรอบๆ ที่ใส่อยู่ในถ้วยแก้วเป็นพุ่มๆ ซึ่งเราสามารถหยิบมาทานแก้หิวไปได้พลางๆ เมื่อพนักงานนำเตาถ่านมาตั้งและเปิดพัดลมดูดควัน จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ถึงเวลามื้ออาหารสุดพิเศษนี้แล้ว ก่อนจะมารีวิวอาหาร อยากจะแนะนำน้ำจิ้มของทางร้าน ซึ่งเสิร์ฟมาด้วยกัน 4 อย่าง - มิโซะทาเระ: น้ำจิ้มสีส้มที่ทำจากมิโซะ ออกไปทางเค็ม เหมาะกับการจิ้มกับหมู - โชยุทาเระ: น้ำจิ้มสีดำที่ส่วนประกอบหลักเป็นโชยุ ให้ความหวานนำ เหมาะกับจิ้มเนื้อ - ชิโอะทาเระ: น้ำจิ้มสีใสที่ใส่ น้ำมันงา เกลือ พริกไทย เป็นตัวชูโรง เน้นการชูรสชาติของวัตถุดิบให้ออกมาเข้มข้นมากที่สุด เหมาะกับการจิ้มเนื้อส่วนลิ้นวัวมากที่สุด - ซึเกะทาเระ: น้ำจิ้มสีดำสูตรลับประจำร้าน จะไม่ได้โดดไปทางหวานหรือเค็ม ออกจะกลมกล่อมมากกว่า ทานได้ทั้งหมูและเนื้อ เริ่มต้นกันด้วยเซ็ตพรีเมี่ยมสุดพิเศษกับ TKX All Star Premium ราคา 1950 บาท ประกอบด้วยเนื้อพรีเมี่ยมที่สุดในวันนั้นๆ 5 อย่าง ก็จะมี - คุราชิตะ (ฮาเนชิตะ): เนื้อสันคอส่วนบน ซึ่งเนื้อจะออกแดงและไขมันน้อยที่สุด ควรย่างเป็น Rare ค่อนมาทาง Medium Rare รสชาติจะเข้มข้นและเคี้ยวได้เพลินที่สุด - รัมปุ: เนื้อส่วนถัดจากสันใน ไขมันมากกว่าคุราชิตะแต่ก็ยังไม่เยอะเท่ากับอีก 3 ส่วนที่เหลือ ถ้าย่างดีๆ จะนุ่มอร่อยและไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเยอะมาก - ไคโนมิ: เนื้อส่วนปลายท้องส่วนบนติดสันใจ หรือ Short Rib ที่มาของชื่อมาจากเวลาแล่ส่วนนี้ออกมาแล้วจะเป็นรูปหอย ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า ไค นั่นเอง ไขมันแทรกมากขึ้นกว่า 2 ชิ้นก่อนหน้าและลายสวย มีความนุ่มอร่อย ค่อนข้างไปทางเกือบจะละลายในปาก ย่างแบบ Medium Rare จะอร่อยที่สุดครับ - อิจิโบ (โกคุโจโรสุ) : เป็นส่วนที่อยู่ระหว่างสะโพกและสันใน ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งเนื้อสันเลยก็ว่าได้ ให้ Texture เกือบจะเหมือนเท็นไคชิคือละลายในปากและแทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยว ไขมันแทรกกับเนื้อแดงแบบกำลังดี - เท็นไคชิ: เนื้อส่วนที่ดีที่สุดของวากิวเลยก็ว่าได้ เป็นส่วน Chunk Rib ที่ลายสวยที่สุด อัตราส่วนของไขมันจะเยอะกว่าส่วนเนื้อแดง ทำให้เนื้อสีออกมาเป็นชมพู แปะแผ่นทองเพื่อเพิ่มความพรีเมี่ยม รสชาติดีมาก แค่ย่างให้เกือบ Medium Well และทานจะละลายในปากทันที แนะนำว่าไม่ควรทานหลายชิ้นเพราะจะเลี่ยนมากๆ นอกจากส่วนของเนื้อที่พรีเมี่ยมสุดๆ ของร้านแล้ว ยังมีส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โทคุโจชินทัง ราคา 450 บาท: ลิ้นวัวที่คัดเฉพาะส่วนที่นุ่มที่สุดมาเสิร์ฟเท่านั้น มาพร้อมกับเกลือและน้ำมะนาว เวลาย่างให้ย่างแบบ Medium Rare ออกชมพูๆ จะกรึบๆ และเคี้ยวได้เพลินที่สุดครับ ตัวมะนาวจะช่วยชูรสชาติให้เข้มข้นยิ่งขึ้นไปอีกครับ ฮารามิ ราคา 300 บาท: ส่วนของกล้ามเนื้อกระบังลม ซึ่งจะมีส่วนของเนื้อแดงมากกว่าไขมันมากๆ เหมาะกับคนที่ชอบความเข้มข้นของเนื้อและได้เคี้ยวนานๆ การย่างควรจะย่างให้ออกไปทาง Rare มากกว่า Medium Rare ซึ่งจะได้ทั้งความเข้มข้นและรสสัมผัสที่ไม่เหนียวจนเกินไป หมดจากเมนูเนื้อๆ ไปแล้ว ก็ยังมีเมนูข้าวและซุปที่อยากจะมาแนะนำเช่นกัน ก็จะมี อิชิยากิบิบินบะ ราคา 330 บาท: ข้าวยำสไตล์เกาหลีในหม้อหินร้อนๆ นั่นเอง โดยเครื่องที่ใส่ไม่ได้มีความแตกต่างจากบิบิมบับของเกาหลีเลยครับ โดยวันนี้เลือกใส่เป็นหมูแทนเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูที่ทาน รสชาติออกไปทางเผ็ดจัดจ้านจากตัวซอสโคชูจังที่ใส่ลงไป ได้ความกรุบๆ จากข้าวที่ติดก้นหม้อด้วยครับ ส่วนตัวชอบทิ้งไว้จนเริ่มไม่มีเสียง แล้วค่อยคลุกจะได้ความกรอบมากที่สุดครับ ทามาโกะซุป ราคา 120 บาท: เนื่องจากทานเนื้อเยอะๆ แล้วก็จะรู้สึกคอแห้งหน่อยๆ เลยสั่งซุปไข่มาทานให้ชุ่มคอ รสชาติกลมกล่อมมีความอุมามิเล็กๆ ซดได้เพลิน โดยที่ไม่รู้สึกหนักท้องแต่อย่างใด โปรโมชั่นพิเศษในช่วงนี้ หากทานครบ 2000 บาทและรูดโดยใช้บัตรเครดิตกรุงศรี จะมี Buta bara เสิร์ฟให้ด้วยครับ เป็นเนื้อส่วนสามชั้นของหมูคุโรบุตะที่สไลด์มาค่อนข้างบาง ทำให้เวลาย่างสุกเร็วและนุ่มอร่อยไม่แพ้ทานเนื้อวัวแต่อย่างใด ส่วนของเครื่องดื่มที่ได้ทานวันนี้เป็นชาเขียวร้อน ราคา 50 บาท สามารถ Refill ได้เรื่อยๆ ครับ รสชาติใช้ได้ออกขมนิดๆ ไว้ทานแก้เลี่ยนเนื้อได้ดีทีเดียว ความอร่อยโดยรวมต้องยกนิ้วให้ร้านนี้ครับ เนื้อทุกส่วนคัดสรรมาแล้วว่าจะต้องดีที่สุด เทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ ปริมาณอาหารดูเหมือนไม่ค่อยเยอะ แต่พอทานเสร็จก็รู้สึกจุกพอสมควรเลยทีเดียว การบริการเน้นความเป็นกันเอง พนักงาน Service รวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขนาดร้านที่เล็กด้วยทำให้การบริการมีความทั่วถึง ร้านนี้จะมีคิด Service Charge และ VAT ต่างหาก เป็น 1 ในร้านที่คนรักเนื้อไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี