มื้อกลางวัน

ร้านคาเฟ่กลางทุ่งหญ้าและวิวภูเขาสุดลูกหูลูกตา ที่เปลี่ยนพื้นที่หลังบ้านมาเป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่นำวัตถุดิบจากท้องถิ่นมานำเสนอในรูปแบบอาหารและของที่ระลึก โดยจะมีโซนคาเฟ่ และโซนที่พักซึ่งถ้าหากไม่ได้พักที่อยู่แล้ว ก็สามารถถ่ายรูปบริเวณรอบๆ ไปจนถึงด้านหน้าทางเข้าเลยครับ เส้นทางการเดินทางค่อนข้างโหดร้ายอยู่พอสมควร หลุดบ่อมีหลบ มีซ่อน และมีให้เห็นจะๆ ก่อนที่จะหลบไม่ทัน เต็มไปหมด แนะนำว่า ควรมีคนนำทาง 1 คนรวมทั้งเลือกเครือข่ายเน็ตที่ไว้ใจ เพราะเน็ตพร้อมที่จะกลายเป็น Edge ได้ตลอดเวลา และคนขับที่ไม่ต้องชำนาญเส้นทาง แต่สติต้องอยู่กับตัวตลอดเวลา บริเวณร้านจะมีที่นั่งค่อนข้างหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบโซนในสวน โซนชั้นสอง และอีกหลากหลายให้เราจับจอง วันนี้มากันเป็นหมู่คณะเลยจับจองโซนในสวนตรงกลาง ซึ่งจะมีโต๊ะอยู่ประมาณ 3 โต๊ะด้วยกัน บนโต๊ะจะมีเมนูอาหาร เรามีหน้าที่เลือกว่าจะกินอะไร แล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์หลัก ในบริเวณเคาเตอร์ก็จะมีเค้กให้เลือกทานเช่นเดียวกัน ซึ่งบางเมนูก็อาจจะไม่มีในวันนั้น หรืออาจจะเป็นเมนูพิเศษประจำวัน ก็มีเช่นกัน สำหรับเมนูอาหารที่ทานวันนี้มีค่อนข้างหลากหลายเลยครับ เริ่มต้นด้วย ส้มตำปูปลาร้า ราคา 70 บาท ใช้ปลาร้าแบบดิบไม่ได้ต้มสุก กลิ่นยังชัด ส่วนตัวไม่ชอบแต่ถ้าสายกินแบบคนอื่นๆ บอกว่า “นัว” แต่ถ้าไม่ทานปลาร้า ผมก็อยากแนะนำส้มตำข้าวโพดหวานไข่เค็ม ราคา 110 บาท รสชาติเน้นหวานก็จริง แต่พอทานๆ รวมกันแล้วก็อร่อยทีเดียว ต่อกันด้วย ปีกไก่ทอดบ้านนอก ราคา 100 บาท ใน 1 จานจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ชิ้น กรอบนอกนุ่มใน เนื้อมีความ Juicy เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานก็อิ่มเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีผัดหมี่โคราชหมู ราคา 125 บาทซึ่งรสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ตามสไตล์อีสานแถบนี้ครับ ถ้าขี้เกียจซื้อกลับไปทำกินเอง ซื้อกินที่นี่ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน หรือจะลองเปลี่ยนมาทาน มะเขือยาวผัดโหระพาหมูสับ ราคา 120 บาท หน้าตาอาจจะดูแปลกๆ แต่จริงๆ เป็นเมนูพื้นบ้านหรือเมนูประจำครัวของใครหลายๆคน ใครจะไปคิดว่าของสามอย่างสามารถไปด้วยกันได้ รสชาติออกเค็มและเผ็ดนิดๆ มีความบ้านๆ แต่เมื่อกินกับข้าวสวยละก็ โดนใจเลยทีเดียว หากขาดซุปไปแล้ว มื้อนี้อาจไม่สมบูรณ์ เลยสั่ง ต้มแซ่บกระดูกอ่อน ราคา 150 บาท รสชาติจัดจ้าน เข้มข้น หมูนุ่ม อร่อย จบในหม้อเดียว เสียดายเพียงอย่างเดียวคือเย็นเร็วไปสักหน่อย ถ้าได้ทานตอนร้อนๆ กับบรรยากาศลมหนาวที่พัดมาเรื่อยๆ ฟินจ่ะ อาหารคาวอาจจะจบ แต่ของทานเล่นอื่นๆ ก็ยังมีอีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นแหนมเอ็นข้อไก่ทอด ราคา 100 บาท ตัวนี้ทางร้านจะชุบแป้งด้านนอกและทอดให้กรอบ ทำให้ทานได้ง่ายขึ้น ได้เคี้ยวข้อไก่เพลินๆ หรือจะเป็นลาบทอด ราคา 120 บาท ชิ้นจิ๋วแต่อัดแน่นทั้งเครื่องเทศและหมูมาอย่างครบครัน และเมนูยำต้นอ่อนทานตะวันกุ้งสด ราคา 120 บาท ยำแบบซีฟู้ด จัดจ้าน ผักกรอบอร่อย กุ้งเนื้อแน่นใช้ได้ แนะนำเลยครับ ของคาวครบแล้ว ก็ต้องมีข้าวที่ไว้ทานด้วยกัน ร้านนี้จะมีข้าวโถให้เลือกได้อยู่ 2 แบบคือข้าวสวย และข้าวอัญชัน ชอบแบบไหนก็อร่อยเหมือนกันครับ แค่ข้าวอัญชันจะได้สีที่สวยกว่า ถ่ายรูปขึ้นกว่าครับ มาถึงส่วนเครื่องดื่มกันบ้าง วันนี้ผมได้ชิม บ้านนอกลาเต้ ราคา 70 บาท เป็นกาแฟ 2 ช็อตผสมกับนมอัญชัน เสิร์ฟมาแบบแยกชั้น ความเข้มข้นถือว่าพอสมควร ติดความขมอยู่กลางๆ แต่ไม่ได้โดดจนเกินไป ก็ถือว่าดีครับ กินคาวไม่กินหวานนั้นไซร้ ถือว่าไม่จบมื้อ เลยสั่ง เค้กข้าวโพดหวาน ราคา 90 บาท เพียงเพราะว่า ที่อื่นไม่มีเมนูนี้ สิ่งที่จะได้คือ เนื้อเค้กที่เหมือนชิฟฟ่อน แต่ได้ครีมแบบแน่นๆ ที่ซ้อนทับระหว่างชั้นแบบจัดเต็ม ไม่หวงไส้แบบที่เคยกินมาก่อน และยังได้ความหวานละมุนจากท๊อปด้านบนที่เป็นครีมข้าวโพดหวานที่มาทั้งเนื้อ หวานละมุนทั้งชิ้นเลยทีเดียว ความอร่อยโดยรวมดี ทางร้านเสิร์ฟอาหารค่อนข้างเร็วและมาครบค่อนข้างไว ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์เช่นไฟดับบ้าง แต่เมื่อไฟมาแล้ว เมนูเครื่องดื่มก็พร้อมให้บริการต่อได้ทันที ส่วนบรรยากาศร้าน เต็มสิบไม่หัก แนะนำว่า ควรลงเรือไม้ที่ดูผุพัง แล้วจะได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ข้อเสียก็ต้องมีบ้าง เช่นเรื่องการ request ขอช้อนส้อมจาน ที่สุดท้ายก็ไม่ได้และก็ต้องใช้อุปกรณ์เท่าที่มีแบ่งกันทานๆไปครับ แต่ถ้าทางร้านนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมได้ก็จะดีมากครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha

  • 9
  • 2
20/12/02

Other Reviews