มื้อกลางวัน

#Dec2018 Kobe Steakhouse – ร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2521 นี้จัดว่าเป็นร้านเทปันยากิร้านแรกของย่านสยามสแควร์ หลังจากที่ได้ย้ายไปอยู่ที่ถนนเพชรบุรีอยู่หลายปี ในที่สุดก็ได้มาเปิดสาขาเพิ่มในถิ่นเก่า โดยครั้งนี้มาเปิดที่ชั้นใต้ดินตึกสยามกิตต์ แม้จะมีการเปลี่ยนเจ้าของไป เมนูอาหารก็ปรับเปลี่ยนไปบ้าง แต่ในภาพรวมก็ยังคง concept แบบเดิมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านไว้ได้เป็นอย่างดี เลยต้องแวะไปลองซะหน่อยค่ะ ****-บรรยากาศ-**** ร้านใหม่ ภาพลักษณ์ก็ดูจะทันสมัยขึ้น ตัวร้านกว้างขวาง แบ่งที่นั่งเป็นหลายโซน จะเลือกนั่งด้านนอกที่เป็นโต๊ะ-เก้าอี้โซฟาแบบสากลก็ได้ หรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวกับฟีลแบบญี่ปุ่นๆ ก็มีมุมห้อง Private กับโต๊ะเตี้ย ปูเบาะรองนั่ง มีประตูเลื่อนกั้นเป็นสัดส่วน ดูน่าสบายดีใช้ได้เลย ****-เมนูที่สั่ง-**** ● ชุดสเต็กหมูคุโรบูตะ (ราคา 229 บาท) – สำหรับเราที่ไม่ทานเนื้อวัวแต่มาร้านที่เชี่ยวชาญด้านสเต็ก ทริคส่วนตัวคือมักจะเลือกสั่งเป็นสเต็กหมู เพราะเป็นเนื้อแดงเหมือนกัน ทั้งวิธีปรุงและอุณหภูมิที่ใช้ใกล้เคียงเนื้อวัวที่สุด เลยคิดเอาเองว่าถ้าร้านทำเนื้อวัวเก่ง สเต็กหมูก็ควรต้องดีด้วยเช่นกัน (จำได้ว่าเมื่อก่อนร้านนี้มีสเต็กเนื้อนกกระจอกเทศด้วย ซึ่งเราว่ารสชาติจะใกล้เคียงเนื้อวัวมากเลย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะค่ะ) ในเซ็ทนี้ประกอบไปด้วย... - ซุป Miso + ข้าว - สลัด – ผักสดกรอบดี น้ำสลัดเป็นสลัดครีมเนื้อเบาๆสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ - สเต็กหมูคุโรบูตะ – ดีงามได้ดั่งใจ หมูคุโรบุตะเนื้อนุ๊มนุ่ม ติดมันแต่พองาม ย่างมากำลังได้ที่ ผิวนอกกรอบนิดๆ หอมกลิ่นย่าง เนื้อในสุกทั่วถึง นุ่มฉ่ำ ไม่กระด้าง สมฝีมือร้านเทปันยากิรุ่นเก๋าจริงๆ ผัดผักที่เคียงมาก็ผัดได้อร่อย เค็มนิดๆ หอมไฟ ชอบเลยยย... - น้ำจิ้ม – มี 3 แบบคือน้ำจิ้มใส่เต้าหู้ยี้ผสมงา / น้ำจิ้มมายองเนส / และต้นหอมซอยราดโชยุ จิ้มสลับๆกันไปมาได้ไม่เบื่อดีล่ะ - เครื่องดื่ม – สามารถขอให้มาเสิร์ฟพร้อมอาหารได้เลย จะได้ไม่ต้องสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอีก เราเลือกเป็นชานม รสออกแนวเข้มข้นหวานมันใช้ได้อยู่นะ - ผลไม้ – ได้เป็นสับปะรดกับแตงโมที่คัดมาสุกฉ่ำหวานเชี้ยบ ชื่นใจดีทีเดียว ● แซลมอนอาบุริซูชิ (ราคา 300 บาท) – เป็นซูชิที่ปั้นมาแบบข้าวน้อยๆ ให้ชิ้นปลาดูคลุมทั่วข้าว ชิ้นก็เลยผอมๆยาวๆนิดนึง เนื้อสัมผัสและรสชาติของข้าวที่ใช้อาจยังสู้ร้านซูชิโดยเฉพาะไม่ได้ และใส่ซอสกับมายองเนสเยอะไปนิดจนกลบรสปลา แต่เนื้อปลาก็สดดี และมีจุดแข็งที่การเบิร์นไฟที่ผิวนอกของชิ้นปลานั้นทำออกมาได้หอมกลิ่นไฟชัดเจนดีมากๆ จัดว่าโอเคอยู่ค่ะ ● ถั่วแดงร้อน (ราคา 50 บาท) – ถั่วแดงร้อนเคี่ยวมาด้วยระดับความข้นกำลังดี ไม่จ๋องแจ๋ง และยังมีเม็ดถั่วแดงนุ่มๆให้เคี้ยว ใส่ชิ้นโมจิย่างนุ่มๆหอมๆ ..เป็นเมนูที่รอนานหน่อยแต่ก็อร่อยถูกใจนะ ถ้าว่ากันถึงรสชาติ-ราคา-คุณภาพแล้ว ก็ถือว่าดีใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูสเต็กที่เป็นพระเอกของที่นี่ แต่สิ่งที่ทำให้ร้านนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว นอกเหนือจากรสชาติแล้วก็คือเรื่องของบรรยากาศแวดล้อมที่สะท้อนถึงความผูกพันที่สั่งสมข้ามผ่านกาลเวลามา ลูกค้าหลายๆคนเคยมาร้านนี้ตั้งแต่สมัยที่ร้านแรกร้านเดิมยังคงอยู่ บางคนก็ทักทายกับพนักงานเสิร์ฟที่ก็อายุราวกลางคนกันซะส่วนใหญ่ กิริยามารยาทบ่งบอกว่าสั่งสมประสบการณ์อยู่คู่กับร้านมานานปี (เจ้าของเปลี่ยน – พนักงานไม่เปลี่ยนจ้ะ) พอเจอลูกค้าที่บอกว่าเคยมาทานเมื่อสมัยโน้น พนักงานก็ทำท่าดีใจ แม้ไม่ใช่คนรู้จักก็รู้สึกเหมือนได้เจอคนรู้จักที่ไม่ได้พบกันมานาน แอบได้ยินพนักงานบอกแขกท่านนั้นให้มาอีกบ่อยๆ สัมผัสได้เลาๆถึงความรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนคนที่จากบ้านไปนานแล้วได้หวนกลับมาสู่ถิ่นเก่าที่คุ้นเคย เรื่องรสชาติและวัตถุดิบนั้นเดี๋ยวนี้ก็มีร้านใหม่ๆที่ทำได้ดีมาเป็นคู่แข่งอยู่มากมาย แต่กับความรู้สึกผูกพันที่อวลอยู่ในชั้นบรรยากาศนี่ลอกเลียนกันไม่ได้ มีแต่จะต้องแวะมาที่นี่ให้หายคิดถึงเท่านั้นล่ะค่ะ

  • 16
  • 0
18/12/06

Other Reviews