วันวาเลนไทน์ทั้งที เราต้องเลือกร้านอาหารให้เหมาะกับเทศกาลแบบนี้ เลยลองหาร้านโอมากาเสะสักร้านที่เหมาะสมกับงบที่เรามีอยู่ และนึกได้ว่าเคยมีคนแนะนำร้านนี้ นั่นก็คือร้าน UMI นั่นเอง สำหรับร้านที่จะมาเทสเป็นสาขาในโครงการพิมาน 49 จอดรถได้ในโครงการ แต่จะหาที่จอดยากสักหน่อยถ้ามาช้า ชั่วโมงละ 40 บาท ถ้าสแตมป์บัตรจะลดได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งไม่ช่วยสักเท่าไรหากมาทานโอมากาเสะที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน อย่างน้อยก็ 2 ชั่วโมงขึ้นไป ตัวร้านอยู่ที่ชั้น 3 มีทางเข้าเล็กๆ แอบอยู่ต้องสังเกตดีๆหน่อยครับ เมื่อเข้าไปเป็นก่อนเวลาไม่นาน พนักงานก็เชิญมานั่งที่โต๊ะ เสิร์ฟผ้าเย็นและเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ทันที ซึ่งผมเลือกเป็นชาเขียวร้อนโดยเสิร์ฟมาในแก้วใสแบบสองชั้น ทำให้จับได้สบายๆ ไม่ร้อนมือครับ มื้อนี้สนนราคาอยู่ที่ 5800++ บาท รวมแล้วคนละประมาณ 6000 กว่าบาทครับ (สามารถขอใบกำกับภาษีได้) โดยราคานี้จะเฉพาะเทศกาลพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีอะไรพิเศษเพิ่มเติมให้แน่นอน เริ่มต้นด้วยเซตซาซิมิเพื่อเปิดต่อมรับรสชาติอาหาร ก็จะมี - หอยกาบญี่ปุ่น เนื้อจะดูใหญ่เป็นพิเศษ มีความกระด้างหน่อย อาจจะไม่ประทับใจถ้าทานแบบไม่จิ้มซอส แต่ลองจิ้มกับพอนซึและท๊อปด้วยวาซาบิจะรู้สึกดีขึ้นเยอะ เสิร์ฟมาคู่กับสาหร่ายวากาเมะและสาหร่ายพวงองุ่น - ปลาหน้าวัว เสิร์ฟมาในจานเดิม ทานคู่กับวาซาบิและจิ้มพอนสึที่ใส่ตับปลาอังโกะบดเพื่อเพิ่มความเข้มข้น เนื้อจะมีความเบาๆ ลีนๆ พอเจอกับพอนสึที่ใส่ตับปลาอังโกะแล้ว จะให้ความรู้สึกอีกอย่างเลยครับ อร่อยแบบบอกไม่ถูก - เมจิมากุโระ คือทูน่าไซส์เล็กที่นำไป aging ในซอสสโมคไวน์แดง เสิร์ฟคู่กับหอมเจียวและบีบมะนาวก่อนเสิร์ฟ สิ่งที่รู้สึกได้ก่อนทานเลยคือกลิ่นสโมคบางๆ ที่มีความพิเศษ ไม่ฉุน รวมทั้งเมื่อเข้าปากช่วยขับ Texture ของเนื้อปลาได้ชัดขึ้น เนื้อจะเสิร์ฟทั้งสามแบบคือ อากามิ ชูโทโร่ และโอโทโร่ ตั้งแต่เบาแต่เข้มข้น ไปจนถึงมันและหนักแน่น ส่วนหอมเจียวมีความอมน้ำมันอยู่ ไม่ใส่ในเนื้อปลาก็ไม่มีผลเท่าไรครับ - Uni ทอดและ Kani ครีมสอดไส้ไข่ปลาเมนไทโกะ เป็นครั้งแรกที่ได้ทานอูนิทอดซึ่งทางร้านเลือกบะฟุนมาทำ รสชาติดีแต่รู้สึกไม่ว้าวเท่าไร ออกจะแปลกๆ ด้วยซ้ำ ส่วนคานิทอดนั้นทำออกมาดี รสชาติจะหนักหวานและได้ความมันจากไข่ปลาที่เข้ากันได้ดี เวลาทานต้องทานอูนิทอดที่รสชาติเบาๆ ก่อนแล้วจึงตามด้วยคานิทอดครับ - ไข่ตุ๋นชาวามูชิ จะมีใส่ Scallop ชิ้นเล็กๆ ลงไปในเนื้อไข่ เนื้อไข่เนียน หอยเชลล์ก็ดีเช่นกัน รสชาติจะแปลกๆ หน่อย เหมือนจงใจเน้นความเป็นทะเลเป็นหลักครับ - ชิราโกะกับคาเวียร์ โดยตัวชิราโกะหรือท่อนำของปลาคอดจะนำไปย่างในกระทะให้มีกลิ่นหอมก่อน แล้วท๊อปด้วยคาเวียร์ ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างอมน้ำมันหน่อยๆ ถ้าเบิร์นอย่างเดียวน่าจะดีกว่า ส่วนคาเวียร์รสชาติชัดใช้ได้เลยทีเดียว - ตับปลาอังโกะ เสิร์ฟ 2 แบบ โดยแบบแรกจะเป็นต้มหวานใส่พอนสึ ทานคู่กับน้ำเต้าญี่ปุ่นดอง และอีกถ้วยเป็นต้มกับดาชิและพอนสึเช่นกัน เนื้อสัมผัสดี ออกจะไปทางละลายแบบเป็นเม็ดๆ ในปากมากกว่า มีความเด้งใช้ได้ ถ้าเทียบกันแล้ว ส่วนตัวจะชอบแบบที่สองมากกว่า แต่แบบแรกก็ดีเช่นกัน - เป๋าฮื้อ เป็นข้าวกับเป๋าฮื้อไซส์เล็กที่คลุกซอส และเสิร์ฟคู่กับซอสตับหอย รวมทั้งที่พิเศษกว่ามื้อปกติคือมีอูนิทั้งกล่องมาให้ครับ สามารถนำอูนิมาท๊อปลงในข้าวแล้วคลุกให้พร้อมกันทีเดียวหมดเลย หรือจะเก็บอูนิไว้ทานคู่กับเมนูอื่นด้วยก็ได้เช่นกัน ตัวข้าวทำมาดี เป๋าฮื้อเนื้อนุ่มมีความได้เคี้ยวเพลินๆ ไม่กระด้าง ซอสทำออกมาใช้ได้แต่ติดอย่างเดียวคือรู้สึกคาวเบาๆ ส่วนอูนิช่วยทำให้มีความอูมามิมากขึ้นครับ - ซุปหอยตลับ เสิร์ฟมาเพื่อล้างปากครับ จะมีความมันๆ กลิ่นและรสชาติหอยค่อนข้างที่จะชัด - ปูขน เสิร์ฟมาคู่กับซอสเยลลี่ที่ทำจากซุปปลาแห้ง มีความเปรี้ยวๆ เฟรชๆ และเค็มแบบลงตัว เนื้อปูดีและอร่อย ไม่มีคาว หมดเซตซาซิมิแล้ว มาต่อกันที่ซูชิต่อที่มีอยู่ด้วยกัน 7 คำหลักๆ ซึ่งสามารถ request ขิงดองเพื่อล้างปากได้ตลอดครับ - อิชิคากิได เป็นปลาในตระกูลปลากระพง ผ่านการ aging 1 สัปดาห์กับสาหร่ายคอมบุ เนื้อปลาสีจะออกชมพูๆ มีความมันๆ ไม่เน้นความหวาน เริ่มต้นได้ดีทีเดียว - ซากุระมัตสึ หรือปลาเทร้าต์ที่สีของเนื้อปลาจะเป็นสีส้มเหมือนแซลมอน สั่งตรงมาจากอาโอโมริ เนื้อลายสวย ดูแน่นและลีนไร้ไขมัน แต่พอทานแล้วรู้สึกได้ถึงความชัดของเนื้อ อร่อยมากครับ - ปลาหมึกหอม หรืออาโอริอิกะ เนื้อขาวเนียน เชฟแนะนำว่าให้เคี้ยวนานๆ รสชาติจะยิ่งชัดขึ้น รสสัมผัสจะออกมันๆ หยุ่นๆ หวานแบบธรรมชาติ เคี้ยวได้นานและไม่ได้เหนียวเลยครับ - ซาบะดอง เมนูซิกเนเจอร์ที่ตัวข้าวจะคลุกกับงาและใบโอบะ แล้วนำมาทำซูชิในเมนูนี้โดยเฉพาะ กลิ่น รส ของปลาซาบะชัดมาก มันๆ เค็มๆ เข้มข้นกว่าอีก 3 เมนูก่อนหน้า - อากามิซึเกะ ทูน่าที่ทางเชฟโชว์ให้ดูตั้งแต่แรกๆ ที่ผ่านการ aging มาอย่างเข้มข้น สีเนื้อจะดูแดงออกดำน่าทานมากๆ รสชาติเข้มข้น นุ่ม ซอสค่อนข้างชัด ท๊อปด้วยมัสตาร์ดเพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป - ชิโมกุริ เป็นส่วนท้องของทูน่าที่อยู่ระหว่างโอโทโร่และชูโทโร่ หมักกับซอสสึเกะไวน์ขาว จะให้ Texture ที่เบากว่าอากามิ แต่ไปเน้นที่ความหวานและความอร่อยจากตัววัตถุดิบเองมากกว่า สิ่งที่รู้สึกได้เลยคือดีกว่าโอโทโร่มากครับ - ชิมาเอบิ คือกุ้งหวานสีแดงที่เราจะเห็นได้ในซองข้าวเกรียบยี่ห้อดังจากญี่ปุ่น ซึ่งยี่ห้อนี้จะเลียนแบบกลิ่นมาจากกุ้งตัวนี้นั่นเอง เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่กุ้งเม็ดเล็กๆ สีน้ำตาล ที่ขูดออกจากตัวกุ้งสดๆ ตรงนั้น เนื้อจะมีความคล้ายกับอิกะที่ทานไปก่อนหน้า แต่จะเด้งและเคี้ยวง่ายกว่า มัน หวานเบาๆ แบบธรรมชาติ ตัวนี้อร่อยจริงครับ - โนริโทโร่ ข้าวห่อสาหร่ายที่นำทูน่ามาสับคลุกกับข้าว ปรุงรสชาตินิดหน่อย ต้นหอมซอย และพิเศษกว่ามื้ออื่นๆ คือขูดทรัฟเฟิลทั้งลูกแบบจัดเต็มก่อนที่จะคลุกให้เข้ากัน เนื้อปลาดี รู้สึกได้ชัดมาก และตัวสาหร่ายที่นำไปย่างบนเตาก่อนที่จะมาห่อ ช่วยขับรสชาติโดยรวมได้ดี - บะฟุนอูนิ เสิร์ฟพร้อมกับไข่ปลาแซลมอน สิ่งที่ดีงามคือใส่อูนิมาแบบไม่กั๊ก รสชาติเต็มๆ เข้มข้นและมันตามสไตล์ของบะฟุน เย็นๆ อูมามิ ก่อนจบมื้อจะมีซุปอีกตัวซึ่งจะเบากว่าซุปหอย แต่รสชาติมิโซะจะชัดกว่า เน้นความเข้มข้นของน้ำสต๊อกได้ดี รวมทั้งปิดชุดของคาวด้วยไข่หวาน ที่ทำเตรียมไว้แล้ว รสชาติใช้ได้ เนื้อไข่ดีและเนียนใช้ได้ ความหวานคือจากไข่จริงๆ ตามด้วยของหวานที่เป็นไอศกรีมชาโคลรสชาติดี ออกหวานมัน และไอศกรีมอีกตัวที่เดาว่าน่าจะเลียนแบบครีมบูเล่ ด้านบนจะเป็นแผ่นแข็งๆ และด้านล่างเป็นไอศกรีมวานิลลารสชาติดีเช่นกัน หวานเบาๆ ความอร่อยโดยรวมคือดีครับ วัตถุดิบหลายตัวทำออกมาได้ดีโดยเฉพาะประทับใจที่ทูน่าทุกแบบเลยครับ ส่วนอูนิใช้ได้แต่รู้สึกว่ายังไม่สุดเท่าไรครับ และอื่นๆ ก็มีจุดตินิดหน่อยครับ การบริการดีตามสไตล์มาตรฐานร้านโอมากาเสะอยู่แล้วครับ เพียงแต่รู้สึกได้ว่าความเป็นกันเองจะน้อยกว่าที่เคยทานมาครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha #Rettyกรุงเทพ