Versailles Palace Restaurant

Veerapat Ma 135 Followers

มื้อกลางวัน

หลังจากรอบที่แล้วสั่งแบบ Delivery กลับมาทานที่บ้านแล้วประทับใจรสชาติอาหารโดยเฉพาะตัวซาลาเปาไส้ครีม วันนี้มีโอกาสมาทำธุระแถวร้าน และต้องรอเวลา เลยตัดสินใจเดินมาที่ร้านเพื่อรับประทานอาหารช่วงกลางวันไปพลางๆ ตัวตำแหน่งร้านยังอยู่ที่เดิมโดยจะติดอยู่กับโรงเรียนที่ปัจจุบันปิดทำการไปแล้ว ภายในก็ยังเป็นสภาพเดิม ดูเก่าๆและมีความขลังๆ หน่อย เมนูอาหารเมื่อก่อนจะมีแต่ a la carte แต่ปัจจุบันจะมีส่วนของบุฟเฟ่เพิ่มเข้ามาด้วยครับ ซึ่งจะมีเฉพาะเมนูติ่มซำอย่างเดียวครับ ในราคาสุทธิเพียง 419 บาทเท่านั้น ซึ่งรวมน้ำดื่มอย่างชา/เก๊กฮวย ที่จะสั่งแบบร้อนหรือเย็นก็ได้เช่นกัน และวันนี้ก็เลือกทานแบบติ่มซำที่น่าจะคุ้มที่สุดครับ หากทานแบบ a la carte จะอยู่ที่เข่งละ 60 บาทครับ ซึ่งติ่มซำร้านนี้จะรวมไปถึงของนึ่งและของทอดอื่นๆ ด้วยครับ เริ่มต้นกันด้วยเมนูซุปที่มีให้เลือกได้ 1 อย่างกับซุปเยื่อไผ่ ซึ่งมีทั้งแบบน้ำใส กับแบบน้ำแดง ส่วนตัวให้น้ำใสดีกว่า รสชาติจะออกหวานแบบซุปไก่ แก้เลี่ยนติ่มซำได้ดี ขนาดต่อชามเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก และสั่งได้เรื่อยๆ เช่นเดียวกับติ่มซำ ส่วนน้ำแดงออกจะเค็มไปหน่อย และพอขาดเนื้อสัตว์เลยทำให้รู้สึกเค็มขึ้นไปอีกครับ ต่อไปจะเป็นตระกูลของทอดครับ - ทอดมันกุ้ง: ขนาดไม่ใหญ่มากแบบพอดีคำ ทานแล้วเนื้อแน่นใช้ได้ ด้านนอกกรอบ ส่วนด้านในเป็นเนื้อกุ้งล้วนๆ ถ้าทำชิ้นใหญ่กว่านี้จะเด้งกว่านี้ครับ - หอยเชลล์ทอด: ให้ความรู้สึกเหมือนใช้หอยที่ผสมกับแป้ง ด้านในออกจะแห้งๆ ไปนิด - เผือดทอด: เมนูซิกเนเจอร์ร้านนี้ที่ทำออกมาได้ดีเช่นเดิม กรอบนอก นุ่มใน มีความฟูๆ เวลาทาน ไส้ด้านในจะเป็นหมูแดงผสมกับเนื้อเผือกและปรุงรสออกมาเค็มๆ สามารถทานได้โดยไม่ต้องจิ้มซอสแต่อย่างใด - ถุงทอง: ชิ้นใหญ่มาก โดยไส้ด้านในจะเป็นกุ้งผสมกับหมูสับเหมือนกับขนมจีบ เพียงแต่เปลี่ยนมาห่อด้วยแป้งเกี๊ยวและทอดจนกรอบ ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานเข้ากันได้ดี - ซาลาเปาทอดไส้ครีม: เมนูซาลาเปาที่นำมาทอดให้กรอบจนออกสีน้ำตาลทั้งชิ้น กรอบนอกนุ่มใน ยังรักษารสชาติของไส้ครีมด้านในได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าความอร่อยจะสู้แบบนึ่งไม่ได้ครับ และมาถึงตระกูลของนึ่งกันบ้าง - ขาห่านอบหมี่: ตัวขาห่านทำออกมาได้นิ่มโดยเฉพาะตัวเอ็นและหนัง ทานง่าย ส่วนบะหมี่เละไปหน่อยอาจเป็นเพราะนึ่งนานเกินไป - ขนมจีบกุ้ง/ขนมจีบหมู: หน้าตาต่างกันตรงที่อันนึงจะมีจุดแดง อีกอันจะเป็นหน้าเปล่าๆ พอชิมแล้วเหมือนกันทั้งคู่เลยครับ เพราะใช้เนื้อกุ้งผสมหมูสับเช่นเดียวกัน ปรุงรสชาติออกมาเค็มกลางๆ ได้ความกรอบๆ จากเนื้อกุ้งเช่นกัน - ลูกชิ้นกุ้งโสภณ: ส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างร่วนไปนิด ไม่กรอบออกจะเละๆ ไปหน่อยครับ มีความกรอบของแห้วด้านในอยู่นิดหน่อย - หมูสับไข่เค็ม: หน้าตาดูใช้ได้ ด้านล่างเป็นหมูสับผสมกับกุ้ง แต่ปริมาณกุ้งจะน้อยกว่าเมนูอื่นๆ ส่วนไข่เค็มหอมมากครับ - ซี่โครงหมูผัดซอส: ทางร้านจะปรุงรสตัวซอสด้วยผงบาร์บิคิวและพริกทำให้มีความเผ็ดร้อนและจัดจ้าน เนื้อซี่โครงหลายชิ้นเปื่อย แต่หลายๆ ชิ้นก็ยังไม่ค่อยเปื่อยเท่าไร แทะแล้วมีความติดฟันนิดๆ - ซาลาเปาไส้ครีม: เมนูนี้ที่ควรค่าแก่การทาน ไส้แน่นมากและแป้งบาง ตัวแป้งไม่แห้ง และพอเจอครีมก็ไปด้วยกันได้ดีเช่นเดิม - ฮะเก๋า: สั่งมาเป็นเมนูสุดท้ายและไม่ควรพลาดเช่นกัน ด้านในจะผสมกุ้งเยอะหน่อยทำให้เวลาทานมีความกรุบกรอบ ส่วนแป้งด้านนอกทำออกมาได้ดีเช่นกัน ไม่แตกไม่เละเหมือนร้านอื่นๆ และมีความหนึบๆ ได้เคี้ยวไปพร้อมกับไส้เป็นอย่างดี นอกจากของนึ่งและของทอดแล้ว ยังมีเมนู หมูแดง เสิร์ฟมาพร้อมกับแตงกวาที่นึ่งจนสุก เนื้อไม่เหนียวและชุ่มซอสใช้ได้ รสชาติจะคล้ายๆ กับหมูแดงที่ใส่ในเมนูอื่นๆ เลยครับ รสชาติอาหารโดยรวมแล้วอร่อยกว่าสั่งแบบ Delivery แน่นอนครับ แต่ก็มีหลายๆ อย่างที่อาจจะนึ่งยังไม่นานพอ หรือนึ่งนานไปจนเละก็มีเช่นกัน ส่วนการบริการดีกว่าเมื่อก่อนมากๆ พนักงาน Service เร็วและเติมน้ำชาบ่อยมาก บ่อยจนเกรงใจเลยครับ ร้านนี้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งด้วย และสามารถชำระผ่านโครงการนี้ได้เช่นเดียวกัน โดยรวมถือว่าคุ้มมากครับ แต่ถ้าไม่ทานเยอะ หรืออยากทานเมนูอื่นๆ ด้วย ทางร้านก็มีให้สั่งตามปกติเช่นกัน 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี #Rettyfeb2022