Restaurant collection you might be interested
เคยซื้อดีลดินเนอร์ Wongnai BRW มาครั้งนึกประทับใจมากมาย ปีนี้เลยลองดีลมื้อกลางวันที่เปิดให้บิรการเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ ราคาถือว่ากรุบกริบมาก สำหรับร้านสไตล์ fine dining แบบนี้ บรรยากาศและงานบริการยังดีเยี่ยมเหมือนเคย แต่รสชาติอาหารดร๊อปไปมากถ้าเทียบกับมื้อดินเนอร์ Welcome drink ดีงาม เซ็ทดีลกลางวันสไตล์ American fine dining ถั่วหวานสลัด | ถั่วอัลมอนด์ วีนิเกรต, หอมแดงดอง และอัลมอนด์ แคนดี้ ข้าวโพด ซอสเอโลเต้ สไตล์เม็กซิกัน | แป้งตอติญ่าทอดกรอบ,พริกฮาลาเปญโญ่ดอง และพาร์เมซาน ชีส เพนเน่พาสต้า | หมูตุ๋นซอสรากู,เห็ดชิเมจิรมควัน และ ชีส เพโคริโน่ เฟรนช์โทส | ไก่ทอด, ซอสแรนช์ สลอว์, ฮอต ซอส
ร้านอาหารสไตล์ Progressive American Cuisine โดย Chef Dan Bark เชฟออปป้าชาวเกาหลี-อเมริกันที่มีดีกรีถึงเชฟมิชลินสตาร์ ร้านสวยมากบรรยากาศกึ่ง fine dining และมีความ casual อยู่ในที อาหารอร่อยทุกจานเลย โดยเฉพาะ Truffle brioche toast บริยอชกรอบนุ่มชีสละลายในปากเลิศมาก สลัดผัก Kale เบค่อน กับ Caesar Salad นี่ก็อร่อยสุดที่เคยกินมา พาสต้ากุ้งลังกูสตีน (Langoustine) เนื้อหวานคล้ายมินิ lobster พาสต้านี่รสนัวสุดๆ Angus Rib-eye Steak ชอบความฉ่ำของเนื้อและซอส au jus ที่มีความเผ็ด spicy ผสมอยู่ ตบท้ายของหวาน Apple Tart & honey milk ice cream กับ New York Cheese cake & Orange หวานน้อยมาก เอ่อ ขนมหวานทำให้หวานน้อยแบบนี้ก็ดีเลยนะ ใครไหว แนะนำสั่ง cocktail/mocktail ซักแก้ว
ป ชวนชิม : Caper by Dan Bark - เดลิเวอรี่กับเมนูของคุณเชฟมิชลิน 1 ดาว เชฟ Dan Bark เพิ่งย้ายมาเปิดร้าน ของตนเองร้านนี้ เดิมคุณเชฟ คว้าดาวมาได้ 1 ดวงจากร้าน Upstairs at Mikkeller ร้านใหม่ของคุณเชฟชื่อ Cadence แบ่งอาหารออกเป็นสอง zone คือ zone fine dining เรียกว่า Cadence และ zone อาหารมาตรฐาน คือ Caper ซึ่งช่วงนี้มีเดลิเวอรี่ด้วย 🎯อาหาร: ♦Caper Signature Caesar Salad (350) - white anchovy, parmesan cheese, bacon & cos ผักคอสร้านนี้เลือกแบบอ่อนๆสดกรอบ แอนโชวี่อย่างเข้ม ชอบพาเมซานขูดมากๆ รสชาติออกเค็มนำสไตล์อิตาเลี่ยน 8/10 ♦Angus ribeye steak (990) - beef steak, scallion kimchee, fried smash potato เนื้อชิ้นหนา grilled ดี มีความชุ่มฉ่ำ ไม่ถึงกับละลายในปากแต่ชอบอะ เครื่องเคียงอร่อยหมด น้ำซอสรสเข้มข้นจัดจ้าน 9/10 ♦Truffle toasts (360) - brioche, truffle cheese, fresh truffle, parmesan cheese จัดว่าโคตรเด็ด ตัวโทสต์กรุบแน่นุ่ม หอมทรัฟเฟิลและพาเมซาน๙ีสขูดฝอยรสเค็มมันเข้มข้น อร่อยโฮก 10/10 ♦Japanese Cheddar biscuit ( แถมฟรี เมื่อสั่งอาหารครบ 1500) มาแบบกล่องใหญ่ สามชิ้นอวบอวบอุ่นๆ สไตล์บิสกิตเนื้อร่วนนุ่มในแต่มันเนย มันเนยแบบไม่เอียนนะ มีซอสน้ำผึ้งและพริกจาลาเปโนดอง แปลกดี 8/10 🎯พิกัด : Caper by Dan Bark 083 783 4867 https://maps.app.goo.gl/QSEDpiyy413A7i8M6 🎯บริการ : สั่งผ่าน line รับ order โปรๆ โอนตังค์ นั่งรอ สั่งครบ 1500 แถม biscuit ครบ 2500 ส่งฟรีอีกตะหาก 9.5/10 🎯Line ร้าน : https://timeline.line.me/user/_dTU0LW1jRJNYElDtiNJg6b6PzU-fZ9H2YlsIgtI 🎯ราคา : สูงกลางๆ ไม่ถือว่าแพงมาก โดยเฉพาะเมนูเนื้อ เนื้อดี ไม่แพงเลย 8.5/10 อิ่มดาวฮ่ะ ป ชวนชิม https://www.facebook.com/359160411107488/
ร้านอาหารสไตล์ New American Casual Dining ที่พิกัดที่ตั้งร้านจะอยู่ที่เดียวกับร้าน Cadence (มิชลิน 1 ดาว ปี 2021) ร้านอาหารแบบ Fine Dining ของ Chef Dan ถึงแม้เมนูที่ร้าน Caper จะไม่ได้มีให้เลือกเยอะ แต่ทุกเมนูที่เราได้ลองชิม ไม่ว่าจะเป็น Mocktail, Snacks, Starters, Main Dishes, และ Desserts ถือว่าปรุงรสชาติออกมาได้น่าประทับใจแบบที่อยากกลับไปลองเมนูอื่นๆ ของที่ร้านเพิ่มเติม อีกทั้งราคาก็เข้าถึงได้ง่ายกว่าร้าน Cadence สำหรับมื้อนี้ เราเริ่มต้นมื้อกันที่ Welcome Drink 🍸 เสริฟเป็น Mocktail ที่มีส่วนผสมหลักคือเลมอนและน้ำมะม่วง รสออกเปรี้ยวๆ หวานๆ เติมความสดชื่นได้ดี ส่วน Snacks แนะนำให้ลอง “Truffle Toast” ตัวโทสต์ใช้เป็นขนมปังบริออช โปะด้านบนด้วย truffle cheese, parmesan, และทรัฟเฟิลสดขูดเป็นเส้นๆ เป็นจานที่ทานเพลินมากทีเดียว Starters เลือกมา 2 เมนู จานแรกคือ “Salmon Crudo” ที่จะนำเนื้อแซลมอลไปหมักกับ beetroot เสริฟคู่กับครีมชีส, แอสพารากัสย่าง, green & coconut vinaigrette เนื้อปลามีความเด้ง ทานคู่กับน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของกะทิ ก็แปลกดี ส่วนอีกจานที่ได้ลอง “Beet Salad & Duck Confit Croquette” Croquette ทำจากเนื้อเป็ดกงฟี ปั้นมาเป็นลูกกลมๆ ทอดมาจนผิวกรอบ ทานคู่กับส่วนประกอบอื่นๆ อย่าง goat cheese, beetroot, และควินัวสลัด แม้จะเป็นรสชาติที่มีความ complex แต่ก็จัดว่าอร่อยลงตัวเมื่อทานทุกส่วนประกอบในคำเดียว ในส่วนของ Main Dishes เราค่อนข้างถูกใจทั้ง 2 เมนูที่เลือกมา ไม่ว่าจะเป็น “Seared Duck Breast” ที่แอบลุ้นในใจตอนแรก เพราะไม่ชอบทานหนังเป็ดดึ๋งๆ ปรากฏหนังและเนื้อเป็ดทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก มีความพิ๊งค์และนุ่มกำลังดี หนังก็ไม่ได้มีชั้นไขมันหนาๆ ทานคู่กับฟักทองเพียวเร่, cranberry รมควัน, ซอสเลมอน, และกะหล่ำแดงตุ๋น ลงตัวสุดๆ ทางฝั่ง “Hokkaido Scallops” ใช้ Scallop เนื้อหนา มีความสดหวาน ปรุงมาแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ เสริฟคู่กับบาร์เลย์ริซอตโต้ที่มีความหนุบกำลังดี, ดอกกะหล่ำย่างและซอสเคเปอร์ อร่อยสมกับที่คาดหวังเอาไว้ จบจากของคาว ขอปิดท้ายมื้อนี้กันด้วยของหวานที่มีรสชาติน่าสนใจอย่าง “Banana Bread & Bacon” ที่ได้ทั้งรสเค็มๆ มันๆ จากเบคอน และความหวานฉ่ำจากขนมปังกล้วยหอม แต่แนะนำว่าต้องทานทุกส่วนประกอบในคำเดียว ไม่งั้นก็อาจจะได้รสเค็มหรือรสหวานที่มากเกินไปซักนิด โดยรวม เราว่าอาหารร้านนี้รสชาติน่าสนใจและมีความแปลกใหม่ ไม่น่าเบื่อ ส่วนการบริการก็ดีเยี่ยม พนักงานแนะนำอาหารและเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดี เพียงแต่เส้นทางมาร้าน อาจจะดูยากซักเล็กน้อยและถึงแม้ที่จอดรถจะมีจำกัด แต่ก็มี valet parking บริการ #Rettyfamily