มื้อกลางวัน

📌 พิกัดร้านจะอยู่ในบริเวณบ้านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี โดยเราจะต้องเดินอ้อมตัวบ้านไปทางด้านซ้าย คาเฟ่จะอยู่ด้านนอกตัวบ้าน 🚘 ที่จอดรถต้องหาจอดเอาตามข้างทาง แต่ถ้ามาวันธรรมดา น่าจะแน่นๆ พอสมควร แนะนำไปจอดที่วัดโสมฯ แล้วเดินมาที่ร้านน่าจะดีกว่า (ระยะทางประมาณ 700 เมตร) ที่นั่งมีทั้ง indoor (ติดแอร์) & outdoor แต่ถ้าเป็นช่วงที่ลูกค้าไม่เยอะมาก ที่นั่งโซน indoor ก็จะยังไม่เปิดให้บริการนะคะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นั่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำแต่อากาศก็ถ่ายเทดีค่ะ ไม่ร้อนมากเท่าไหร่ จากที่ได้ส่องดูรายการเครื่องดื่มที่ร้าน ก็ดูมีความคิดสร้างสรรค์ดี อย่างเมนูน้ำเสาวรสของร้านนี้ก็ไม่ธรรมดา แต่จะมีชิลลี่ผสมลงไปด้วยนอกจากสมุนไพรอย่างใบสะระแหน่และโซดา เครื่องดื่มรายการนี้ (Passion Chilli: 80 B.) เหมาะกับอากาศร้อนๆ ของเมืองไทย ดื่มแล้วสดชื่นดีมาก โดยรสเผ็ดของพริกจะเป็นรสชาติแบบ after taste ตอนดื่มไม่รู้สึกเผ็ดเท่าไหร่ แต่รสเผ็ดจะมาในลำคอในภายหลัง ส่วนเมล็ดกาแฟที่ร้านใช้ก็เป็นเมล็ดกาแฟที่ปลูกในเมืองไทย โดยเลือกใช้จากพาร์ตเนอร์ที่ช่วยชาวบ้านพัฒนาคุณภาพชีวิตไปด้วยนอกเหนือจากการลงพื้นที่ไปดูแลกาแฟของตัวเอง คือ ทางร้านไม่ได้สนใจแค่รสชาติของกาแฟเพียงอย่างเดียว 👍 แม้แต่เครื่องดื่มที่สกัดมาจากผลไม้สด ก็ใช้วัตถุดิบที่ได้มาจากสวนของตัวเอง ครบวงจรจริงๆ คอนเซ็ปท์อย่างนึงที่เรายังไม่เห็นที่ร้านไหนในเมืองไทย คือ กระดาน “suspended beverages” เป็นคอนเซ็ปท์ที่ทางร้านนำมาใช้จากที่ New York โดยใครก็ได้สามารถที่จะจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มเมนูที่เราทานเผื่อไว้ให้คนอื่นๆ ที่จะเข้ามาใช้บริการในภายหลัง เช่น เราสั่งลาเต้มาทาน 1 แก้ว แทนที่จะจ่ายในราคา 1 แก้ว เราก็จ่ายเผื่อไป 2 แก้ว ทางร้านก็จะเขียนเมนูนี้ขึ้นไว้บนกระดาน โดยคนที่จะมาใช้สิทธิ์ทานเครื่องดื่มบนกระดานนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนยากไร้หรือคนเร่ร่อน คือ ใครก็ได้ที่เดินเข้ามาใช้บริการ เราชอบคอนเซ็ปท์นี้มากๆ น่ารักดีค่ะ “เป็นการส่งต่อความสุขให้คนอื่นๆ แบบที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ แค่ได้ให้ก็มีความสุขแล้ว” แม้ว่าช่วงนี้ทางร้านจะมีขายแต่เมนูเครื่องดื่ม แต่ในอนาคตเข้าใจว่าทางร้านจะมีขายเมนูอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ โดยยังคงคอนเซ็ปท์ของร้านตามเดิม ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นหรือผลผลิตที่ได้จากแปลงผักของตัวเอง

  • 8
  • 0
19/10/09

Other Reviews