ร้านอาหารไทยที่ได้มิชลินสตาร์ถึง 4 ปีซ้อนด้วยกันตั้งแต่ปี 2019 แต่เพิ่งมีโอกาสได้มาชิมในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ตัวร้านจะอยู่ในซอยสุขาประชาสรรค์ 2 ซอย 9 หรือรู้จักกันดีในชื่อซอยวัดกู้ย่านปากเกร็ดนั่นเอง การขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปที่ร้านจะสะดวกกว่านั่งรถแท๊กซี่เข้ามาครับ ทางเข้าร้านจะเป็นถนนที่ปูด้วยอิฐอีกที หากตรงเข้าไปเกือบสุดทางจะเจอร้านอยู่ด้านขวามือ และฝั่งซ้ายมือเป็นที่จอดรถที่มีที่บังแดดเป็นอย่างดี ภายในร้านก็จะตกแต่งเป็นแนวแบบบ้านไทยโบราณล้อไปกับอาคารต่างๆ รวมทั้งซุ้มศาลาที่เป็นไม้ๆ เช่นเดียวกัน ที่นั่งทานอาหารจะกระจัดกระจายกันไปตามจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกแออัด หากอยากนั่งตรงไหนสามารถ Request กับพนักงานได้ เช่นเดียวกับบริเวณริมแม่น้ำ แต่ส่วนตัวแนะนำนั่งในอาคารหลักจะบรรยากาศดีกว่าริมแม่น้ำที่เห็นแต่แพหญ้าครับ เมนูอาหารจะมีให้เลือกเยอะพอสมควร และเมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยจ๋ามากๆ เลยทีเดียว อันนี้เหมาะกับคนชอบอาหารไทยมากสำหรับร้านนี้ หรือจะเชิญเพื่อนต่างชาติทานอาหารไทย ก็ไม่ควรพลาดร้านนี้เป็นอย่างยิ่ง เริ่มต้นกันด้วยสำรับของคาวที่มีอยู่ด้วยกัน 4 เมนู - ทอดมันหน่อกะลา ราคา 255 บาท: หากมาปากเกร็ดแล้วไม่ได้ทานเมนูนี้ก็กระไรอยู่ครับ มีด้วยกัน 6 ชิ้นหน้าตาดูแน่นๆ ดี ด้านในไม่กลวงและเนื้อแน่นมากๆ มีรสชาติของหน่อกะลาที่ค่อนข้างชัดเลยทีเดียว เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มหวานที่ใส่ถั่วและแตงกวาที่ทานพร้อมกันได้ครับ - แกงคั่วใบชะพลูหมูย่าง ราคา 260 บาท: หน้าตาดูเรียบง่ายเสิร์ฟมาพร้อมกับปลาซิวตัวเล็กๆ ที่ทอดกรอบ ด้านในมีหมูเยอะมากและตัวหมูเองก็นุ่มมากเช่นกัน ส่วนใบชะพลูสามารถทานพร้อมกับเนื้อหมูได้เลย รสชาติมีความเผ็ดกลางๆ ไม่ได้เผ็ดมากอย่างที่คิด ทานกับข้าวสวยอร่อยที่สุดครับ ส่วนปลาทอดนั้น แนะนำให้ทานหลังจากชิมซุป 1 คำ จะได้ความอร่อยอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว - ส้มตำไหลบัว ราคา 250 บาท: ปริมาณดูน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับราคา เสิร์ฟมาพร้อมกับกะหล่ำปลี รสชาติออกเปรี้ยวหวานและเผ็ดกลางๆ แก้เลี่ยนเมนูอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนไหลบัวกรอบมากครับ - ปลากะพงยำมะม่วง ราคา 335 บาท: ทางร้านจะแล่ปลาเป็นชิ้นๆ ชุบเกล็ดขนมปังก่อนไปทอด เสิร์ฟมาพร้อมกับยำมะม่วงที่รสชาติออกเปรี้ยวหวานเผ็ดจัดจ้าน ตัวปลาทอดได้กรอบและอร่อย ไม่เหมือนเมนูปลากะพงทอดน้ำปลาร้านอื่นๆ แต่อย่างใด มีความฉ่ำของเนื้อปลาพอสมควร แสดงว่าใช้ปลาสดๆ มาทำเลยครับ ทานเข้ากับน้ำยำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ด้วยความที่ยังไม่อิ่มแต่ไม่อยากทานของคาวแล้ว เลยเปลี่ยนมาทานของหวานกันบ้างถึง 4 เมนูด้วยกัน - กล้วยเชื่อม ราคา 95 บาท: หน้าตาดูดี มีด้วยกัน 3 ชิ้นเสิร์ฟพร้อมกับกะทิที่ปรุงรสเสร็จสรรพ ตัวกล้วยรสชาติออกหวานพอเจอกับกะทิที่ออกเค็มๆ ทำให้รสชาติมีความสมดุล เนื้อสัมผัสก็ดีมีความหอมๆ ใช้ได้เลยครับ - ข้าวเหนียวเปียกลำไย ราคา 135 บาท: ปกติจะเป็นข้าวเหนียวดำเปียก แต่ด้วยเทศกาลเดือนกุมภาพันธ์อย่างวาเลนไทน์ ทางร้านเลยใช้ข้าวสีชมพูแทน รสชาติจะออกหวานๆ แบบลำไย แต่ไม่ได้หวานมากจนรู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด ลำไยอร่อยดีออกหวานๆ ส่วนข้าวรู้สึกว่านิ่มและเละไป ถ้าเป็นข้าวเหนียวดำที่ยังมีความแข็งๆ หน่อยจะให้รสสัมผัสที่เข้ากับลำไยมากกว่านี้ครับ - ลูกตาลลอยแก้ว ราคา 135 บาท: หน้าตาดูใสๆ ตามสไตล์ลูกตาลที่ออกขาวๆ อยู่แล้ว โปะด้วยน้ำแข็งอีกที ก่อนทานก็ทุบๆ ให้น้ำแข็งผสมกับลูกตาลสักหน่อย รสชาติดีเลยครับ ตัวลูกตาลนิ่มเป็นส่วนใหญ่ เจอแข็งๆ บ้างแต่ก็ยังเคี้ยวและทานได้สบายๆ เลยครับ อันนี้ดี - ข้าวต้มน้ำวุ้น ราคา 95 บาท: เมนูนี้ง่ายๆ เลยคือเมนูหวานเย็นแบบไทยๆ นั่นเอง จะมีทับทิมกรอบ ขนุน ข้าวเหนียวสามเหลี่ยมและราดด้วยน้ำเชื่อมและโปะด้วยน้ำแข็งอีกที รสชาติก็ทั่วๆไป ไม่ได้อร่อยเท่ากับ 3 เมนูก่อนหน้าครับ โดยรวมแล้ว รสชาติอาหารในส่วนของคาวถือว่าทำออกมาได้จัดจ้าน อร่อย มีแค่เรื่องปริมาณที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กับราคาสักเท่าไร ส่วนของหวานส่วนตัวคิดว่ายังไม่ให้ผ่านแบบ 100% โดยเฉพาะเมนูข้าวต้มน้ำวุ้นกับข้าวเหนียวเปียกลำไย ส่วนการบริการอันนี้ดีครับ Service ไว เร็ว มีแค่รออาหารคาวที่นานหน่อยครับ และพอมาทีก็มารวดเดียวจนตั้งตัวกันไม่ทันเลยครับ ร้านนี้มีคิด VAT ต่างหาก 7% ไม่มี Service Charge แต่อย่างใด 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี #Rettyfeb2022