วันนี้มาลองทานอาหารแบบ Chef's Table ที่ร้าน Ekamian ซอยสุขุมวิท 49 ระหว่างซอย 17 และ 19 ร้านเป็นตึกสีดำหน้าร้านเป็นกระจกใส ภายในร้านมีโต๊ะใหญ่เพียงโต๊ะเดียว ร้านดูอาร์ทดีมากๆ เก๋มีเอกลักษณ์โดดเด่นเหมือนเชฟของเราในวันนี้เลยดูติสและมีสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจนมากๆ อาหาร 7 Course ราคาต่อคนประมาณ 1,800+++ บาท เริ่มต้นด้วย จานแรก Tofu , Bluecrab Cucumber จานแรกก็แปลกตามันช่างแตกต่างจากชื่อเมนูมากมายเลย หน้าตาเหมือนซุปครีมใส่เนื้อปูก้อน ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสะดุดตาน่าทานดีมากๆ ส่วนรสชาตินั้นให้ 100 คะแนนเต็มแค่จานแรกก็ประทับใจในรสชาติแล้วค่ะ ไม่รู้สึกถึงรสของเต้าหู้เลย เหมือนทานครีมมันปูหรือมันกุ้งเพราะเนื้อเนียนละเอียดนุ่มอร่อยเย็นๆ ทานแล้วสดชื่นจากน้ำแตงกวาที่ราดลงบนตัวเต้าหู้รสกลมกล่อมลงตัวอร่อยชอบ Tofu , Bluecrab Cucumber ถ้วยนี้ฝุดฝุด จานที่ 2 เป็นเมนู Rock fish, Leaf and sour จานต่อมาเป็นปลาหมักหรือดองเค็มนิดๆ คล้ายๆ ปลาแดดเดียวตกแต่งสวยงามด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด อาทิเช่น ใบมะตูมแขก ผักชีลาวสายพันธ์ออสเตรเลีย ใบชะคราม ดอกดาวกระจายอินโด รสชาติออกสดชื่นอมเปรี้ยวนิดๆ เพิ่มความหอมให้อาหารจานนี้มีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น ก่อนทานบีบมะนาวลงบนเนื้อปลาและทานแกล้มกับไชท้าวบด อร่อยจี๊ดจ๊าดดีมากๆ เรียกน้ำย่อยให้มีความอยากอาหารมากขึ้นเลยค่ะ จานที่ 3 Wild Santol, red legged banana prawn and tamarind เป็นอีกจานที่ตาลุกวาวนอกจากตดแต่งสวยงาม กลิ่นหอมน่าทาน แถมยังอร่อยอย่างที่คาดไม่ถึงอีกด้วย ความลงตัวของกุ้งแชบ๊วยตัวโตกริลมาเล็กน้อยเนื้อกรอบอร่อยผสมผสานกับยำกระท้อนรสอมเปรี้ยวเรียกความสดชื่นจี๊ดจ๊าดทีเด็ดอยู่ที่ถั่วตัดคาราเมลที่มาชูรสให้อาหารจานนี้มีความโดดเด่นอร่อยเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก แบบพอทานไปคำแรกคือ อร่อยง่ะ ฟินเฟ่อร์ เป็นอีกจานที่ชอบที่สุดรสอร่อยลงตัวเลิฟเลย จานที่ 4 Oxtail, sweet potato and tibetan chili จานหลักเป็นหางวัวตุ๋นกับมันหวานบด ท๊อปด้วยมันฝรั่งทอดกรอบโรยด้วยผงพริกจากทิเบตด้านบนตกแต่งด้วยดอกกระเทียมและเข็มอินเดีย รอบๆ ราดด้วยซอสคาราเมลขิง ใครไม่ทานเนื้อวัวจะเสิร์ฟเป็นซี่โครงหมูฉีกเป็นเส้นๆ เปื่อยพร้อมทานมาแทน ทานทุกอย่างพร้อมกันหมดจะได้รสชาติที่แปลกเข้มข้นจัดจ้านแต่อร่อยแบบบอกไม่ถูก แต่มันอร่อยลงตัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง ทานเพลินมากหมดไวในพริบตา สวยและอร่อยมันเป็นแบบนี้นี่เอง เป็นอีกจานที่ดีงามลงตัวมากๆ จานที่ 5 Duck , mushroom rice จานหลักอีกจานของวันนี้ เป็นเนื้อเป็ดไล่ทุ่งที่นำไปซูวีถึง 6 ชม.ก่อนนำมาทำาหารจานนี้ เป็ดชิ้นหนาเนื้อแน่น สุกมากไปนิดทำให้เนื้อเหนียวนิดหน่อยแต่รสชาติดีมากๆ ไม่สาปเลยหนังเป็ดบางกรอบนิดๆ ไม่มากถ้ากรอบมากกว่านี้น่าจะอร่อยมากขึ้นเสิร์ฟพร้อมรีซอสโต้ข้าวญี่ปุ่นที่นำมาปลูกในไทย รสชาติคล้ายข้าวธัญพืชหุงนิ่มๆ มากกว่ารีซอสโต้ ในข้าวจะมีเห็ดผสมอยู่ด้วยเห็ดชิ้นใหญ่ดีอร่อยชอบเข้ากับรีซอสโต้ได้ดีมากๆ ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งของจานตกแต่งด้วยใบแว่นแก้วและใบเมเปิ้ลชวา ชอบรสชาติของใบเมเปิ้ลที่ออกเปรี้ยวเมื่อทานคู่กับเนื้อเป็ดและข้าวอร่อยเลย จานที่ 7 Kao Tom Nam Woon ตบท้ายด้วยขนมที่หน้าตาไม่เหมือนชื่อเมนูอีกเช่นเคย แต่เป็นขนมที่แปลกและอร่อยมากๆ มีส่วนประกอบดังนี้ ด้านล่างสุดจะเป็นข้าวเหนียวมูลต่อด้วยทุเรียนทอดกรอบน้ำแข็งใสใบเตยและด้านบนสุดเป็นน้ำตาลดอกมะพร้าวตกแต่งด้วยดอกโหระพา ขนมหวานถ้วยนี้มันละมุนหอมหวานมันอร่อยนุ่มนวลละลายในปากดีมากๆ ชอบ Kao Tom Nam Woon จานนี้ฝุดๆ อยากขอเชฟเพิ่มเลยค่ะ มันดีต่อใจฝุดฝุด ปิดท้ายคอร์นี้ด้วย Garden Tea ชาจากใบมิ้นต์เมนทอลและหญ้าหวาน เลือกหยิบได้ตามชอบใบมิ้นต์เชฟแนะนำให้ตบเบาๆ ก่อนใส่ถ้วย ส่วนหญ้าหวานไม่ต้องตบ ใส่น้ำร้อน 1 ส่วนและน้ำอุณหภูมิห้องอีก 1 ส่วน กลิ่นหอมเย็นๆ ดูสดชื่นน่าทานดีมสกเลย รอจนอุ่นเล็กน้อยจิบเบาเบา โล่งคอดีมากๆ ชอบวิธีคิดเมนูนี้ของเชฟมากๆ เหมาะกับชื่อ Garden Tea ที่สุด อาหารทุกจานเกิดจากความตั้งใจที่จะใส่เรื่องราวและรายละเอียดทุกอย่างแบบมันมีสตอรี่ในทุกๆ จานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ดอกไม้หรือสมุนไพรที่นำมาตกแต่งจาน เพราะอาหารคือความทรงจำ เหมือนกับที่เชฟได้กล่าวไว้จริงๆ