COCA หรือ โคคา ร้านสุกี้เก่าแก่ที่เปิดทำการมาไม่ต่ำกว่า 65 ปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 โดยผู้ก่อตั้ง 2 ท่านได้แก่ คุณศรีชัย และคุณปัทมา พันธ์เพ็ญโสภณ ปัจจุบันเข้าสู่ใน Generation ที่ 3 แล้ว พร้อมกับการขยายสาขาไปถึง 8 สาขารอบกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถหาทานได้ง่าย ทั้งในห้างสรรพสินค้า หรือ Community Mall ต่างๆ แต่ถ้าหากอยากทานรสชาติออริจินัลแท้ๆ ก็ต้องมาที่สาขาสุรวงศ์นั่นเอง ตำแหน่งร้านของสาขาสุรวงศ์จะอยู่ในซอยทานตะวัน ซึ่งสามารถขับเข้ามาจากถนนสุรวงศ์ก็ได้ หรือจะเข้าจากถนนสีลม แล้วเลี้ยวเข้าซอยสีลม 6 อีกที ที่ร้านมีที่จอดรถพอสมควร แต่ถ้าหากที่จอดเต็ม สามารถฝากรถยนต์ไว้กับทางร้าน แล้วทางร้านจะนำไปจอดให้อีกทีได้เช่นกัน ภายในร้านจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชั้น เป็น indoor ทั้งหมด โดยมีห้องส่วนตัวให้บริการด้วยเช่นกัน ถ้าหากมาทานกันหลายคน แนะนำว่าควรโทรมาจองล่วงหน้าก่อนจะได้ไม่เสียเวลา เมนูอาหารจะเป็น a la carte ที่มีให้เลือกหลากหลายมาก ตั้งแต่สุกี้ ที่เป็นเมนูอาหารออริจินัล เมนูอาหารจีนต่างๆ ทั้ง ผัด ต้ม ทอด นึ่ง ย่าง สารพัดมีให้เลือกสั่งได้ตามใจชอบ แนวอาหารจะเป็นอาหารจีนจากหลายภูมิภาค ซึ่งทำให้เหมาะกับการกลับมาทานได้หลายครั้งโดยไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด นอกจากนี้ในช่วงนี้ทางร้านเองก็มีบริการบุฟเฟ่ในราคา 699 บาท ซึ่งจะเป็นเมนูเนื้อวัวสไลด์ส่วนต่างๆ และมีเนื้อวากิวด้วยเช่นกัน เนื่องจากวันนี้ทานหลายเมนูมากๆ เลยจะแบ่งเป็นประเภทต่างๆ เพื่อให้ได้อรรถรสเหมือนมานั่งทานที่ร้านเอง เริ่มต้นกันด้วยเมนูกับข้าว ก็จะมี - แมงกะพรุนน้ำมันงา ราคา 188 บาท: ปกติแล้วเวลาไปทานเมนูนี้ ร้านไหนๆ ก็จะมีสูตรเฉพาะตัว เปรี้ยวบ้าง เผ็ดบ้าง หรือไม่ก็ไม่ใส่น้ำมันงา แต่ของร้านนี้คือแมงกะพรุน ที่นำไปคลุกกับน้ำมันงาจริงๆ เติมความเผ็ดนิดๆ และโรยด้วยงาขาว รสชาติหอมน้ำมันงา แมงกะพรุนเด้งกรอบกำลังดี จานนี้เหมาะกับเป็นออเดิร์ฟ ทานได้เรื่อยๆ ระหว่างรออาหาร - เต้าหู้พริกเกลือ ราคา 118 บาท: ตัวเต้าหู้จะนำไปห่อด้วยแป้งปาท่องโก๋ ก่อนนำไปทอดให้เหลืองอร่าม ราดด้วยกระเทียมเจียวที่คั่วกับพริกและเกลือจนหอม แป้งด้านนอกกรอบอร่อยมีความหอม ส่วนเต้าหู้ด้านในเป็นเต้าหู้แบบนิ่ม เข้ากับตัวแป้งด้านนอกได้ดี โดยไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่มเติมให้เสียเวลา - ไก่ห่อโคคา ราคา 68 บาท: เมนูนี้ตอนเสิร์ฟมาหน้าตาจะดูแปลกๆ หน่อย เพราะมากับห่อกระดาษที่ไม่สามารถทานได้ เนื้อไก่ด้านในผ่านการหมักและผัดกับซอสสูตรลับเฉพาะของทางร้าน กลิ่นและรสชาติออกไปทางบาร์บิคิวที่เค็มๆ และไม่เผ็ด แต่รสชาติเป็นเอกลักษณ์มากเช่นกัน - เต้าหู้คุณยายปัทมา ราคา 118 บาท: ผัดเต้าหู้สไตล์เสฉวน มาพร้อมกับวัตถุดิบหลากหลาย ทั้ง หมูสับ พริก ต้นหอม และเห็ดหอม รสชาติจะออกเปรี้ยวที่แปลกลิ้นสักหน่อย ออกไปทางเผ็ดร้อนแบบไม่มาก - กระเพาะปลาน้ำแดงเนื้อปู ราคา 2800 บาท: เมนูนี้ราคาอาจจะสูงกว่าร้านอื่นๆ เป็นเพราะทางร้านใช้กระเพาะปลาสดๆ มาทำนั่นเอง เสิร์ฟมาในรูปแบบของซุปเหนียวๆ ที่มีใส่เห็ดหอม และเนื้อปูฝอยๆ เต็มไปหมด รสชาติออกหวานและกลมกล่อมกำลังดี ตัวกระเพาะปลาใช้ของปลากระพง ซึ่งมูลค่าอาจจะไม่ได้สูงมาก แต่การทำความสะอาดและการดับกลิ่นทำได้ยากกว่าที่คิด จึงไม่ค่อยมีใครนำมาทำเป็นเมนูพิเศษสักเท่าไร แต่ถ้าให้ดี เลือกกระเพาะปลาของปลาไซส์ใหญ่มาทำก็น่าจะเพิ่มมูลค่าจานนี้ได้อีก - ชุดบาร์บิคิวใหญ่ ราคา 498 บาท: ประกอบด้วย 3 อย่าง ได้แก่ หมูแดง หมูกรอบ และเป็ดย่าง มาพร้อมกับผักกวางตุ้งลวก มัสตาร์ด และซีอิ้วดำปรุงรส ตัวหมูแดงมีความนุ่มอร่อย ไม่แห้งกระด้างแต่อย่างใด หมูกรอบคัดเฉพาะส่วนตรงกลางที่สัดส่วนของไขมันและโปรตีนพอดี ทอดหนังได้กรอบ จิ้มกับมัสตาร์ดนิดหน่อยคือดี และเป็ดย่างหนังกรอบๆ ทุกชิ้นมีหนังติดมาหมด เนื้อนุ่มแบบออกแรงเคี้ยวนิดๆ ในส่วนต่อมาจะเป็นเมนูจานหลักของทางร้าน นั่นก็คือ สุกี้ นั่นเอง - ชุดสุกี้หมูหมู ราคา 558 บาท: ชุดสุกี้หมูล้วนสุดคุ้มของทางร้าน ประกอบด้วยหมูสามชั้น สันคอ หมูนุ่ม ลูกชิ้นหมู และชุดผักอีกจำนวนหนึ่ง วัตถุดิบโดยรวมถือว่าดีเลยครับ ที่อร่อยจนต้องสั่งเพิ่มเลยคือลูกชิ้นหมู อัตราส่วนของเนื้อสัตว์ที่ผสมเป็นลูกชิ้นนั้นเยอะกว่าแป้งมากๆ ทานแล้วได้ความกรุบกรอบและเด้งๆ ในปาก และไม่มีรสชาติแปลกๆ เหมือนลูกชิ้นหมูทั่วๆไป - น้ำซุปไก่มะพร้าวอ่อน ราคา 128 บาท: ซุปสูตรลับของทางร้านที่ต้มจากน้ำสต็อกไก่ และใส่น้ำมะพร้าวพร้อมกับเนื้อมะพร้าวลงไปด้วย บางคนอาจจะคิดว่ามันดูไม่เข้า แต่จริงๆ แล้วทำให้รสชาติมีความกลมกล่อมมากขึ้น เนื้อมะพร้าวเองก็ทานได้เช่นกัน พอใส่เนื้อสัตว์และเครื่องต่างๆ ลงไปเยอะๆ ก็ทำให้รสชาติซุปหวานมากขึ้นเหมือนกับซุปผัก - น้ำซุปผัก ราคา 50 บาท: เป็นซุปใสที่ใส่เพียงแค่ ผักกาดขาว และแครอท ทานตอนแรกๆ รสชาติยังไม่หวานมาก แต่ถ้าต้มเยอะๆ จะออกหวานเจี๊ยบทันที อันนี้เหมาะกับอยากทานคลีนๆ ไม่เน้นหนักมาก - หมูสันคอสไลด์ ราคา 108 บาท: ปริมาณ 100 กรัม เสิร์ฟมาในถาดไม้พร้อมกับรองใบตองด้านล่างอย่างดี เวลาต้มอย่าต้มนานเพราะจะกลายเป็นหมูแข็งทันที สไลด์บางๆ ทานแล้วมีความได้เคี้ยวนิดๆ กำลังดี - หมูสามชั้นสไลด์ ราคา 108 บาท: ปริมาณ 100 กรัมในถาดไม้ สไลด์มาได้บางเฉียบ เวลาต้มจะสุกเร็วเป็นพิเศษ ดังนั้นควรลงไปจุ่มไม่นาน หากเป็นสีขาวแล้วควรนำขึ้นมารับประทาน จิ้มกับน้ำจิ้มสุกี้สูตรเฉพาะของทางร้านเข้ากันได้ดีเช่นกัน - ตับหมู ราคา 68 บาท: เหมาะกับการสั่งมาต้มเพื่อเพิ่มความหวานให้กับน้ำซุป เวลาต้มควรจะลวกจนสุกพอประมาณ อย่าลวกนานจนเกินไปเพราะจะเหนียวแห้งกระด้าง - ลูกชิ้นชีส ราคา 78 บาท: มีด้วยกัน 5 ลูก ต้มไว้ก่อนเลยถ้ายังไม่ทานเพราะใช้เวลาสุกค่อนข้างนาน โดยเมื่อสุกแล้วจะพองเป็นลูกชิ้นไซส์ใหญ่เลย ซึ่งเวลาทานควรจะระมัดระวังสักหน่อย ด้านนอกเป็นเนื้อปลาผสมกับแป้ง แน่นๆ กำลังดี ส่วนชีสจะให้ความหอมมัน ตัดกับ Texture ของเนื้อปลาได้ดี - บะหมี่ ราคา 48 บาท: มีด้วยกัน 4 สีให้เลือกในราคาเพียง 48 บาทต่อจาน กับ สี่วัตถุดิบจากธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ บีทรูท หมึกดำ และใบเตยหรือบะหมี่หยก ตัวเส้นจะออกนุ่มๆ ขาดความหนึบๆ ไปนิดหน่อย ถ้าต้มนานเกินไปก็จะเละ แต่ละเส้นไม่ได้มีรสชาติอะไร ออกจะจืดๆ เหมือนทางร้านจงใจให้เป็นกิมมิค ที่ไม่เหมือนร้านไหนดี - เต้าหู้แผ่นญี่ปุ่น ราคา 78 บาท: ฟองเต้าหู้สด ที่หน้าตาเป็นแท่งๆ คล้ายขนมตังเม แต่จะนิ่มๆ ต้มให้ลอยพอประมาณแล้วตักทาน จะออกนุ่มๆ มันนิดๆ หากต้มนานไปจะเปื่อยและละลายไปกับน้ำซุปจนหมด ในส่วนของเครื่องดื่มที่อยากแนะนำวันนี้ ก็จะมี - เก็กฮวย + ชาเขียวสกัดเย็น ราคา 176 บาท: เมื่อก่อนทางร้านจะผสม 2 เมนูนี้เข้าด้วยกัน และขายในเมนูเดียว แต่ปัจจุบันได้แยกเป็น 2 อย่าง หากอยากจะทานแบบผสม ก็ต้องสั่งแยก 2 ขวด โดยตัวเก็กฮวยจะออกหวานๆ ส่วนชาเขียวจะออกจืดๆ มีความหอมชานิดๆ เวลาผสมให้ผสมอย่างละครึ่ง รสชาติจะมีความหอมของชาเขียวและความหวานจากเก็กฮวยที่มาตัดกันได้ค่อนข้างดีเลย ที่สำคัญไม่ควรใส่น้ำแข็งเยอะเพราะจะทำให้จืดเกินไป - ชาทิกวนอิม ราคา 128 บาท: ราคาจะคิดเป็นรายหัว ซึ่งสามารถเติมได้เรื่อยๆ ไม่มีจำกัด เสิร์ฟมาในกาใสพร้อมกับเตากระเบื้องอุ่นชาให้ร้อนตลอดเวลา ข้อดีของร้านนี้คือ ตัวชาจะเสิร์ฟมาเฉพาะน้ำเท่านั้น ไม่ได้ใส่ซองมาด้วย และเวลาเติมแต่ละครั้ง ก็จะเป็นชาชงใหม่ รสชาติหอมเข้มข้นทุกถ้วยที่ทาน และเมนูสุดท้ายก่อนปิดมื้ออาหารที่ควรสั่งเป็นอย่างยิ่ง คือ ปาท่องโก๋ ราคา 69 บาท เสิร์ฟมาพร้อมกับนมข้น และสังขยาทำเองของทางร้าน ตอนแรกคิดว่าตัวจะเล็กๆ แต่เสิร์ฟมาเป็นชิ้นใหญ่ยาวๆ ที่หั่นเป็นชิ้นๆ ให้เรียบร้อย ตักทานได้ง่าย ตัวแป้งมีความนุ่มและฟู ด้านนอกกรอบกำลังดี ทานกับสังขยาหรือนมข้นเข้ากันได้ดี ความอร่อยโดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดี ในส่วนของสุกี้ วัตถุดิบสดใหม่ทั้งหมด เนื้อหมูค่อนข้างโอเคร ส่วนกับข้าวต่างๆ แต่ละจานปริมาณถือว่าเยอะกว่าที่คิด ที่น้อยสุดคือกระเพาะปลา แต่ข้อดีคือจานนี้ใช้กระเพาะปลาสดมาทำ และการปรุงรสชาติซุปทำออกมาได้ดีเช่นกัน ส่วนที่อร่อยไม่แพ้อย่างอื่นเลย ต้องยกให้เก็กฮวยผสมชาเขียวสกัดเย็นแบบครึ่งต่อครึ่ง ที่ปัจจุบันนี้อาจจะต้องผสมเอง ในส่วนของการบริการ ถือว่า Service ค่อนข้างรวดเร็วแม้พนักงานจะน้อยกว่าปริมาณลูกค้าก็ตาม 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี