ร้านอาหารแนวบ้านๆ ที่ได้รางวัลทั้ง User Choice’s และ Micheline ในเขาใหญ่ เข้าใจว่าเดิมน่าจะเป็นคาเฟ่มาก่อน แล้วเพิ่งมาทำเป็นร้านอาหารด้วยทีหลัง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีกว่ามาก การเดินทางมาร้านนี้ไม่ยาก ตาม Google Map เข้ามาในเขาใหญ่ได้เลย ส่วนที่จอดรถเยอะ ถ้าเต็มก็จอดหน้าร้านได้อีก การมาร้านนี้ต้องโทรมาจองก่อน ซึ่งเราจะต้องดูเมนูเลยว่าอยากจะทานอะไร แล้วแจ้งตอนจองทีเดียว จากนั้นก็โอนเงินค่ามัดจำอีก 1 พันบาท แล้วทางร้านจะหักออกจากค่าอาหารให้อีกทีนึง แต่ถ้าใคร Walk in ต้องถามกับพนักงานอีกทีว่ายังมีวัตถุดิบเหลืออยู่มั้ย ถ้ามีทางร้านจะทำให้ (แต่สั่งได้ครั้งเดียว) เมื่อมาถึงร้าน รออาหารไม่นาน ก็จะเสิร์ฟมาแบบรัวๆ เลย แนะนำให้ไปก่อนเวลานัดเล็กน้อย เพื่อที่จะได้เดินชมรอบร้านสักหน่อย เมนูอาหารร้านนี้จะเน้นไปที่เมนูพื้นบ้านกึ่งๆ อาหารในครัวที่หลายๆ บ้านทำได้ แต่ก็จะมีเมนูแปลกๆ อีกหลายอย่างเช่นกัน สำหรับเมนูที่ทานวันนี้ก็จะมี - ฟักทองญี่ปุ่นทอดกรอบคลุกไข่เค็ม ราคา 300 บาท เมนูซิกเนเจอร์ที่อยู่เมนูหน้าแรกและเสิร์ฟเป็นจานแรก หน้าตาดูดี รสชาติจะมีความนัวๆ ผสมกันระหว่างตัวฟักทองที่ทอดกรอบ และไข่เค็มที่เอาไปยีและผสมกับน้ำตาลจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน โดยรวมถือว่าดีมาก - ทอดมันข้าวโพด ราคา 300 บาท สำหรับคนรักของทอดไม่ควรพลาดสิ่งนี้ ทางร้านทอดแบบสีออกน้ำตาลเริ่มจะเกรียมหน่อยๆ รสชาติกลางๆ ไม่จืดและก็ไม่เค็มอย่างที่คิด แต่ทานเยอะๆ ก็มีเลี่ยนเหมือนกัน - วุ้นเส้นผัด เนื้อปู ราคา 350 บาท หน้าตาดูดี รสชาติจืด วุ้นเส้นผัดแบบมีกลิ่นกระทะจีนติดแบบชัดเจนสุดๆ เนื้อปูแค่ลงไปคั่วไม่ได้เอาไปผัด เลยยังเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ ส่วนตัวชอบจานนี้เช่นเดียวกับตัวฟักทอง - ไข่ฟูปู ราคา 350 บาท หน้าตากลมบ๊อกสวยงาม ยอมใจในราคาเพราะการทำให้ได้ทรงกระบอกแบบนี้ต้องใช้เวลานานพอสมควร ไข่มีความหอมๆ กลิ่นปูค่อนข้างชัดเจน เนื้อปูก็มาแบบเต็มๆ เหมือนเมนูอื่นๆ กินกับซอสพริกสูตรของทางร้านที่จะออกเปรี้ยวเผ็ดหน่อยๆ - มะเขือยาวย่างราดกะเพราหมูสับ ราคา 300 บาท ตัวมะเขือยาวเหมือนผ่านการลวกมาอย่างเดียวไม่ได้ย่าง เพราะกลิ่นไม่ค่อยออกเท่าไร ส่วนกะเพราหมูสับติดหวานมาก ทานแล้วเลยไปทางเดียวกันหมดคือหวานอย่างเดียว - หมูต้มบ๊วย ราคา 300 บาท ตอนแรกหวังกับเมนูนี้ไว้มากว่าจะต้องกลมกล่อม แต่สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือความหวานระดับเกือบตัดขา มันทำให้รสชาติโดยรวมไม่ดีเท่าที่ควร รวมทั้งบ๊วยเองก็ใส่มาเยอะ ทำให้เค็มกับหวานตีกันจนกินเมนูอื่นไม่ลงเลย หมูสับยังพอทานได้อยู่นะ - ปูนิ่มผัดพริกเกลือ ราคา 650 บาท จานนี้ถือว่าเยอะใช้ได้เลย ทางร้านใช้ไซส์ที่ค่อนข้างใหญ่ เนื้อมาเต็มๆ กรอบนอกนุ่มใน พริกเกลือไม่ได้เผ็ดอย่างที่คิด รสชาติค่อนข้างนัว กินกับข้าวสวยคือดี อาจะเป็นจานที่ทางร้านทำดีที่สุดแล้วรองจากฟักทองญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็มีเค้กที่สั่งมาชิม จะมี - เค้กมะตูม ราคา 150 บาท เมนูนี้หากินยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรสชาติของมะตูมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านการเชื่อมหวานมาอีก คนที่ชอบก็น้อยลง สำหรับจานนี้รสชาติหนักหวานมากไปสักหน่อย ทั้งเนื้อเค้กและมะตูมเชื่อม ยังดีที่ได้ texture กรอบๆ แนะนำให้สั่งเครื่องดื่มชาร้อนมาตัดเพิ่ม หรือถ้าใครซื้อกลับ ควรหาชามาทานคู่กัน - มะตูมชีสเค้ก ราคา 180 บาท ต่างจากเค้กมะตูมตรงที่ยังมีชีสมาตัดกับความหวานของเค้กมะตูม ที่หวานทั้งตัวมะตูมเชื่อมและเนื้อเค้กมะตูม ส่วนตัวคิดว่าอันนี้น่าสนใจกว่าจานแรก - Premium Carrot ราคา 160 บาท หน้าตามาแบบแน่นๆ ชีสด้านบนมีความเค็มๆ นวลๆ ส่วนเนื้อเค้กจะออกหนึบๆ กลิ่นและรสของชินนามอนแรงเกินไปหน่อย ดีที่ชีสดี ไม่งั้นเฟลแน่นอน - คาราเมลคัสตาร์ดมะพร้าวอ่อน ราคา 120 บาท หลังจากชิมแล้ว จะแนะนำว่าอย่าสั่งเมนูนี้ ตัวคัสตาร์ดด้านบนเนื้ออร่อยมาก เนียนนุ่ม แต่ที่เสียคือคาราเมลด้านล่าง อันนี้ชิมแล้ว ขมมาก เหมือนน้ำตาลไหม้มากกว่า พอกินกับคัสตาร์ดกลายเป็นพังเลย สำหรับร้านนี้ รสชาติหลักคือหวาน และหวานมาก ขาดความกลมกล่อมในหลายๆ เมนู เมนูของหวานนี่ไม่กล้าแนะนำเมนูอะไรเลย แต่เมนูซิกเนเจอร์ของร้านอันนี้ยังทำได้ดีอยู่ อาจจะเป็นโชคร้ายของเราที่สั่งเมนูที่ทางร้านไม่ถนัดเอง การบริการทั่วๆไป พนักงานที่หน้าร้านมีน้อย แต่โต๊ะเต็ม ลูกค้าแน่น แถมเปิดแค่วันหยุดเท่านั้น ร้านนี้ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์