มื้อเย็น

หนึ่งในย่านที่ลึกลับ แต่ร้านอาหารเองก็เยอะมากเช่นกันกับ #ท่าเตียน ชุมชนเก่าแก่ย่านมหาราช ที่ประกอบไปด้วยซอยเล็กซอยน้อย ที่ทอดยาวเข้าไปจนสุดติด #ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อเข้าไปในแต่ละซอย ก็จะต้องพบกับร้านอาหาร อย่างน้อย 1 ร้านเป็นอย่างต่ำ สำหรับ #ซอยท่าเรือแดง เอง ก็เป็นแหล่งรวมร้านอาหารดัง ไม่ว่าจะเป็น Tonkin Annam, View ARUN และอื่นๆ แต่ถ้าเป็น #อาหารไทย ณ ช่วงเวลานี้ ไม่มีใครไม่รู้จักร้านสุดลึกลับอย่าง “แสงท่าเตียน” ร้านอาหารไทยสไตล์ #บ้านเพื่อน กับ #รสชาติสุดจัดจ้าน ก่อนที่จะมาทานร้านนี้ได้นั้น ควรต้องทักมาหาร้านทาง FB ของร้านก่อนเพื่อสำรองที่นั่งและสั่งอาหาร โดยทางร้านจะเช็คเวลาและคิวที่ว่างให้ และส่งเมนูอาหารให้เราสั่งเลย เหตุผลก็คือทางร้านจะได้เตรียมวัตถุดิบให้พอสำหรับเสิร์ฟ เป็นการลดขยะไปในตัวด้วยนั่นเอง ชื่อเมนูอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูที่ไม่คุ้นเคยกันเท่าไร มีทั้งร้านตั้งชื่อเอง และเมนูหาทานยากๆ โดยทั้งหมดจะเป็นอาหารไทย หลังจากนั้นเราก็ไปตามเวลาที่จองไว้ การเดินทางมาร้านนี้แนะนำว่าควรเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ แล้วมาลงที่หน้าปากซอย เดินเข้าไปนิดหน่อยก็จะถึงร้านแล้ว หากมาก่อนเวลาก็มีร้านกาแฟให้นั่งแถวๆ นั้นเหมือนกัน แต่ถ้าใครขับรถมา แนะนำว่าไปจอดที่วัดโพธิ์ชั่วโมงละ 20 บาท แต่ถ้าโชคดีก็จอดรถที่หน้าร้านได้เลย แต่ถ้าโชคร้ายสุดๆ ไปจอดรถที่ราชนาวีสโมสร แล้วเดินมาก็ได้เหมือนกัน แต่จะไกลมากๆ ตัวร้านจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะมีโต๊ะอยู่ 2 ตัว รับได้ทั้งกรุ๊ปเล็กและกรุ๊ปใหญ่หลายคน ส่วนด้านบนจะเป็นห้อง Private ที่รองรับลูกค้าได้น้อยกว่า แต่ถ้าโชคดีก็จะได้นั่งในห้องนี้แค่กรุ๊ปเดียวเลย บรรยากาศจะเป็นแบบบ้านเก่าที่นำมา Renovate ใหม่อีกที มีโชว์ของโบราณนิดหน่อยแบบกรุบกริบ สำหรับเมนูอาหารที่ทานในวันนี้ก็จะมี ตำสตรอว์เบอร์รี่กะปิหมูหวาน ราคา 380 บาท เมนูที่ทางร้านแนะนำว่าต้องสั่ง ตอนแรกก็หวั่นใจว่า ทำไมสตรอว์เบอร์รี่มากินกับกะปิได้ แถมยังมีใส่ชะอมและสตอ สุดยอดวัตถุดิบสุดเหม็นของไทย จะทานได้หรือเปล่า พอคลุกทุกอย่างให้เข้ากัน และเวลาทาน ให้กินทั้งหมดในคำเดียว เอ้อ อร่อยแฮะ ตัวกะปิจะเด่นที่สุด ทำหน้าที่กลบกลิ่นของสตอ และชะอมให้เบาลง ส่วนสตรอว์เบอร์รี่มาเพิ่มความหวานและเปรี้ยว ตัดกันได้อย่างลงตัวเฉยเลย สันคอหมูผัดเขียวหวานแห้ง ราคา 280 บาท เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากแกงเขียวหวาน แต่จะทานแบบเป็นแกงมันก็จะหนักเกินไป ทางร้านเลยทำออกมาเป็นแนวขลุกขลิก เนื้อหมูเลือกใช้ส่วนของสันคอหมู มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผัดกับเครื่องสมุนไพร มะเขือ ก่อนที่สุดท้ายจะโรยด้วยพริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด และโหระพา รสชาติเครื่องแกงหนัก มีความเผ็ดจัดจ้าน เข้ากันกับสันคอหมู ควรทานคู่กับข้าวสวยเพื่อลดความจัดจ้านลงซักหน่อย ไข่ตุ๋นสูตรคุณแม่ ราคา 180 บาท เมนูไข่ตุ๋นที่ทุกคนรู้จักกันดี โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาในชามทองเหลืองแบบเกาหลี ด้านล่างจะมีกุ้งแห้งผสมอยู่ เวลาทานให้ตักจากบนลงล่าง ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนกว่าปกติ ความนุ่มๆ ได้กลิ่นและรสชาติของซุปกระดูกหมูที่ผสมอยู่ด้วย ด้านบนจะโรยกระเทียมเจียวเพื่อเพิ่มความหอมและกลบกลิ่นคาว ปกติแล้วเวลาทำไข่ตุ๋นเรามักจะได้กลิ่นคาวของไข่ แต่อันนี้คือไม่มีเลย ไข่พะโล้ต้มยำ ราคา 280 บาท เมนูนี้เบสด้วยน้ำต้มพะโล้ที่จะออกหวานอยู่แล้ว ตักออกมาบางส่วน ปรุงด้วยเครื่องต้มยำสมุนไพร ขิง ข่า ตะไคร้ ต้มจนเดือดแล้ว เติมสีสันด้วยพริกขี้หนู และผักชี ส่วนไข่ใช้ไข่ไก่ รสชาติจะเป็นหวานนำ เปรี้ยวและกลิ่นสมุนไพรแบบต้มยำตามมาติดๆ มีความซดซุปได้นิดๆ แต่แนะนำว่าควรจะราดข้าวดีกว่า ข้าวขยำปู ราคา 550 บาท เมนูง่ายๆ ที่มีเพียงแค่ ข้าว ที่โรยด้วยก้ามปูม้าแน่นๆ หอมแดงซอย พริกขี้หนู ก่อนทานก็คลุกข้าวให้เข้ากันก่อนก็ได้ หรือจะตักแบ่งทาน แล้วราดด้วยพริกน้ำปลาอีกที โดยทางร้านเองก็ไม่แนะนำว่าให้คลุกเคล้าและราดพริกน้ำปลาลงไปเพราะจะทำให้ดูไม่น่ากิน รสชาติจะออกเค็มๆ มีความหอมของเนื้อปูก้อน และรสชาติหวานเบาๆ แบบทะเลมาตัด มีหอมแดงและพริกสดเพิ่มรสชาติและมิติของจานนี้ให้น่านสนใจยิ่งขึ้น กระดูกอ่อนหมูตุ๋นเห็ดหอมพริกไทย ราคา 280 บาท กลิ่นพริกไทยในจานนี้จะนำมาก่อนเพื่อนเลย ซุปจะมีความเหนียวนิดๆ ตัวเนื้อมีติดกระดูกอ่อนมาด้วย โดยทางร้านจะต้มแบบให้ยังมีความกรุบๆ แบบยังเคี้ยวได้ไม่แข็งกระด้าง รสชาติออกเค็มและหวานผสมๆ กันอย่างลงตัว กลิ่นเห็ดหอมมีความเตะจมูกนิดๆ หากใครไม่ทานเผ็ดแบบพริกขี้หนู จานนี้ตอบโจทย์ ผัดผักบุ้งฝอย ราคา 180 บาท เมนูผัดผักบุ้งไทยที่เดี๋ยวนี้หลายๆ เริ่มนำมาทำเป็นเมนูหลักของร้าน โดยการหั่นผักบุ้งให้เป็นเส้นยาวๆ เหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ผัดกับน้ำมันหอยแบบผัดไฟแดง รสชาติค่อนข้างหนักเค็มหน่อยๆ เหมาะกับทานคู่กับข้าวสวย ผักให้ Texture กรุบกรอบ ทานได้เพลินๆ โรตีกรอบกุสินารา ราคา 80 บาท เมนูของหวานที่ทางร้านได้สูตรมาจากวัดไทยในเมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย ที่มีเปิดขายโรตีเมนูนี้ โดยเขียนสูตรห้อยไว้ที่หน้าร้าน ทางร้านเลยจดมาแล้วนำมาดัดแปลงอีกที โดยตัวแป้งที่ใช้จะเรียกว่า แป้งไมด้า เป็นแป้งสาลีที่คนอินเดียนิยมนำมาทำโรตีนั่นเอง ผสมกับน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่า ก่อนจะนำไปทอด หน้าตาจะเป็นรูปสามเหลี่ยมพองๆ ราดนม รสชาติคือโรตีทุกประการ แต่จะมีความบางและกรอบกว่า เมนูนี้ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน ดังนั้นควรสั่งล่วงหน้าไว้ก่อนเพื่อที่ทางร้านจะได้จัดคิวทำอาหารได้ง่าย มะยงชิดลอยแก้ว ราคา 80 บาท อันนี้เป็นเมนูสำเร็จรูปแล้ว ทางร้านเพียงแค่เทออกมาจากกระปุก แล้วก็เสิร์ฟเลย รสชาติก็เป็นมะยงชิดลอยแก้วที่รู้จักกันดี หวานอมเปรี้ยว มีความเสียวฟันนิดๆ เพราะมาเป็นเกล็ดน้ำแข็งเลย รสชาติอาหารโดยรวมแล้ว ถือได้ว่าเป็นรสชาติไทยแท้ๆ มีความจัดจ้านสูง เน้นวัตถุดิบของไทยเป็นหลัก ผสมผสานกับวัตถุดิบอื่นๆ อย่างเช่นผลไม้ ออกมาเป็นเมนูต่างๆ ที่สร้างสรรค์ หน้าตาแต่ละจานอาจจะไม่ได้เป็นแบบ Fine Dining ที่สวยและมีความซับซ้อน ให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งทานข้าวที่บ้านเพื่อนที่ทำอาหารไทยอร่อยมากๆ ร้านนึง สำหรับใครก็ตามหลังจากอ่านรีวิวนี้จบแล้ว อยากจะตามไปกิน กดลิ้ง Facebook ของทางร้าน แล้วไปตำกันได้เลย 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี

  • 10
  • 1
22/09/10

Other Reviews