มื้อเย็น

ปกติแล้วเวลาทานโอมากาเสะราคาไม่แพงหรือพรีเมี่ยมมากๆ รสชาติก็จะทั่วๆไป ไม่ได้แตกต่างจากเวลาไปทานร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วๆไป แต่สำหรับร้านนี้ทำให้รู้สึกว่าราคาไม่แรงก็อร่อยและดูแพงได้เช่นเดียวกัน ตำแหน่งร้านจะอยู่ใน The Circle เกือบลึกสุด แต่ว่าค่อนข้างโดดเด่นกับการตกแต่งด้วยสไตล์ไม้และแสงไฟสีส้มที่จัดมุมได้พอเหมาะ และกระจกทรงกลมที่ทำให้คนจากภายนอกมองเห็นภายในร้านได้เป็นอย่างดีเหมือนกับการโปรโมทร้านไปในตัว สำหรับราคาอาหารมีด้วยกันหลาย level เริ่มต้นตั้งแต่ 999.- Net จนถึง 2500.- Net เลยครับ ซึ่งชอบตรงนี้ที่ไม่ได้มีการบวกอะไรเพิ่มเติมแล้ว แต่พวกค่าน้ำและอื่นๆ ที่ add on เพิ่มเติมยังมีบวก VAT และ Service Charge เข้าไปตามปกติครับ โดยวันนี้เลือกทานเป็นราคา 2500 บาท ในวันวาเลนไทน์ซึ่งจะมีบวกเมนูเพิ่มขึ้นมาทั้งในส่วนของคาว และส่วนของหวานอีกอย่างละ 1 เมนู จาก Standard ที่มีอยู่ 20 เมนูครับ เริ่มต้นกันด้วย Appetizer 3 เมนู - มุซะกุ จุนไซ: สาหร่ายเส้นผมสีขาว ที่ใส่ซอสพอนสึและปรุงรสชาติออกเปรี้ยวๆ สำหรับการเเปิดต่อมรับรสโดยเฉพาะ - หอยนางรมสด: ซอสพอนซึ ออกเค็มๆ จากทะเล มากไปนิด ส่วนหนึ่งน่าเป็นเพราะการปรุงรสชาติที่มีเติมเกลือและซอสเข้าไปอีก แต่ก็จะได้เรื่องของการกลบกลิ่นคาวของหอยนางรม หอยนางรมสดและเต่งมากๆ - ฮามาจิ ซาชิมิ: เนื้อปลาฮามาจิเสิร์ฟแบบซาชิมิ มาพร้อมกับอิคุระ กับ คาเวียร์ ทานได้ 2 แบบโดยแบบนึงอาจจะทานกับไข่ปลาแซลมอน กับอีกแบบทานกับคาเวียร์ และยังมีวาซาบิสดกับวาซาบิดองให้เลือก ซึ่งจะทานแบบไหนก็ได้เช่นกัน ปลาดีผ่านการ Aging ด้วยโชยุนิดหน่อย ตัวไข่ชูความเข้มข้นของเนื้อขึ้นมาได้อีก วาซาบิดีมีความฉุนแต่ไม่แรงจนแสบจมูก ต่อไปจะเป็นส่วนของซูชิ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 11 เมนู - คินเมได: เริ่มต้นด้วยปลาที่มีความเบาที่สุดของวันนี้แล้ว แต่จริงๆ ก็ถือว่าเริ่มหนักนิดๆ อยู่ครับ เนื้อปลามีความหวานนิดๆ ตัดกับพอนสึและเกลือที่รองอยู่ด้านล่างของตัวปลา วาซาบิใส่มาพอดีไม่รู้สึกแย่งซีนกับพอนสึแต่อย่างใด ตัวข้าวหุงกับน้ำส้มสายชูหมักสีแดง แต่ว่าไม่ได้ทำให้รสชาติลิ้นเพี้ยนแต่อย่างใด น่าจะใส่ไม่เยอะเพื่อเน้นสีมากกว่า - ชิมาอาจิ: ราชาแห่งปลาทู โดยเชฟต้องการเน้นความเด้งของเนื้อเป็นหลัก ซึ่งก็เด้งอย่างที่เชฟบอกจริงๆ แต้มด้วยซอสผิวส้มยูซุหมักกับก้านพริกไทยไว้ด้านบนซึ่งมีความเผ็ดแบบพริกไทยฉุนๆ ทำให้กลบรสชาติเนื้อไปนิดนึง - ฮามาจิ: ท็อปด้วยสาหร่ายและ งา 5 สี ซึ่งช่วยในเรื่องของรสชาติปลาให้เข้มข้นขึ้น และยังได้ความกรุบกรอบ เนื้อปลาเป็นแบบเดียวกับที่เสิร์ฟเป็นซาชิมิ แต่ว่ามีความเด้งและเข้มข้นมากกว่า เค็มและหอมซอสมากกว่า 2 เมนูก่อนหน้า - ชิโรมิ: ปลาเนื้อขาวห่อใบโอบะ โดยเสิร์ฟ 2 แบบระหว่าง บีบมะนาวจิ้มเกลือ กับ บ๊วยญี่ปุ่น ตัวปลาและใบโอบะทอดได้กรอบ เนื้อปลามีความนุ่มและได้เคี้ยวหน่อยๆ ไม่เจอก้างเลย ลองทานแล้ว 2 แบบ ส่วนตัวชอบบ๊วยญี่ปุ่นมากกว่าเพราะให้ความหวานเหมือนเรากำลังจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยจริงๆ - กุ้งหวาน: เสิร์ฟมาในชูชิแบบมีหางกุ้งติดอยู่ เนื้อมีความมันเลี่ยนสุดๆ และหวานแบบธรรมชาติ โรยด้วยไข่ปลากระบอกเพื่อเพิ่มความมันเข้าไปอีก อันนี้ดีแต่ส่วนตัวคิดว่าหนักไปนิด น่าจะเสิร์ฟหลังทูน่าน่าจะฟินกว่า - โฮตาเตะ: เสิร์ฟมาในแผ่นสาหร่ายที่ผ่านการย่างไฟอ่อนๆ ด้านล่างเป็นข้าวและวางทับด้วยโฮตาเตะที่มาแบบดิบๆ ไม่มีการย่างแต่อย่างใด ด้านบนโรยด้วยครัมเบิ้ลและงา 5 สีและมีอิคุระปิดท้าย ให้ความรู้สึกคริสปี้กรอบๆ เนื้อหอยเนียนๆ เลี่ยนๆ มันๆ แบบไม่ได้ผ่านความร้อน ซึ่งเป็นมิติใหม่เหมือนกันคล้ายๆ กับกุ้งหวานเพียงแต่ไม่เลี่ยนเท่า สาหร่ายช่วยชูรสชาติของหอยได้ดีขึ้นอีก และมีอิคุระเพิ่มความเค็มปิดท้าย - อากามิ: เสิร์ฟบนหลังมือและพ่นสเปรย์ทองคำให้ดูแพง ท็อปด้วยคาร์เวียร์ แผ่นทองคำ และหยดน้ำมันทรัฟเฟิล รสชาตินั้นหนักไปทางทรัฟเฟิลมากกว่า แอบกลบรสชาติปลาไปนิด เนื้อปลาลีนๆ ไม่เข้มข้นมาก - ชูโทโร: ตัวชูโทโรเองว่ามีความเลี่ยนแล้ว ทางเชฟเลยท็อปด้วยอูนิซะเลย มันๆ มีความอูมามิจากอูนิ เนื้อเนียนและละลายปากเพียงคำเดียว รสชาติถือว่าดีเลยครับ - โอโทโร่: เนื่องจากส่วนนี้ไขมันเยอะ ทางเชฟเลยเบิร์นไฟก่อนเพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป ตามด้วยการหยดน้ำมันทรัฟเฟิล แบล็กทรัฟเฟิลที่ผ่านการขูด พอชิมแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเห็ดทรัฟเฟิลเยอะไปนิดเลยได้กลิ่นหืนๆจากเห็ดอยู่นิดหน่อย เนื้อปลาไม่เลี่ยนอย่างที่เชฟบอกจริงๆ รวมทั้งให้ความรู้สึกละลายในปากเพียงแวบเดียวจริงๆ - อุนางิ: ปลาไหลน้ำจืดที่ผ่านการย่างด้วยซอส ก่อนเสิร์ฟแบบเดียวกับโฮตาเตะ คือห่อด้วยสาหร่าย ข้าว และโรยงา 5 สีเพิ่มความกรุบกรอบ เนื้อปลาย่างได้ดี มีความเนียนๆ นุ่มๆ มีความเค็มๆ จากซอสในเนื้อปลาแบบเข้มข้น ทำให้ไม่รู้สึกว่าแห้งหรือกระด้างแต่อย่าง สาหร่ายเพิ่มความอูมามิและงาเพิ่มความหอมจากการย่างได้ดีเช่นกัน - บะฟุน อูนิ: อูนิหนามสั้น เสิร์ฟกับข้าวคำเล็กๆ ท็อปด้วยวาซาบิและพ่นสเปรย์ทองคำ อูมิมันๆ ไม่หวานหรือมีกลิ่นตุๆ มีวาซาบิเพิ่มความเผ็ดตัดทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยน มาเร็วไปเร็วเช่นเดียวกับโอโทโร่เลยครับ ต่อไปจะเป็นจาน Main Course ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 จาน - ฟัวร์กราส์: อันนี้มาเป็นชิ้นครึ่งซึ่งถือว่าเยอะมากๆ ทานกับข้าวที่คลุกกับซอสอีกที มีการป้ายซอสสีเหลือๆ ซึ่งซอสนี้มีความข้าวโพดนิดๆ ไว้เพื่อทานตัดกับเนื้อฟัวร์กรามัน ๆ โดยเฉพาะ ทำให้ไม่เลี่ยนอย่างที่คิด และไม่มีกลิ่นเหม็นๆเลยครับ มีครัมเบิ้ลกรอบๆและวาซาบิดอง ถ้าหากทานวาซาบิกับฟัวร์กราส์ตรงๆ จะตัดกับฟัวร์กราส์เกินไปจนไม่รู้สึกถึงอะไรเลย ต้องทานฟัวกราก่อนแล้วตามด้วยวาซาบิตาม - มัซซึซากะ: เมนูไฮไลท์ของวันนี้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวหน้าเนื้อ แต่เสิร์ฟคล้ายๆ กับซูชิ โดยเริ่มต้นด้วยข้าวที่ห่อด้วยเนื้อมัซซึซากะ และท๊อปด้วยไข่แดงที่ผ่านการดองในโชยุบนเนื้ออีกที โรยด้วยงา 5 สี เติมเกลือและซอสยูซึหมักก้านพริกไทย ทานในคำเดียว จะได้ความมันๆ จากเนื้อและไข่เต็มๆ เนื้อมีความนุ่มและได้เคี้ยวนิดๆ หรือจะตีไข่ให้แตกก่อนแล้วทานทีละชิ้นก็ได้เช่นกัน แต่ยังไงน่าจะไม่สู้อร่อยเท่ากับคำเดียวครับ และมาถึงเมนูสุดก่อนที่จะไปทานของหวาน เป็นซุปใสสไตล์ญี่ปุ่น ที่เบสเป็นซุปท้องปลาฮามาจิ ใส่สาหร่าย และสาหร่ายเส้นผม เฟรชๆ มีความอูมามินิดๆ รสชาติชุ่มคอ ปิดเมนูของคาวได้เป็นอย่างดี สุดท้ายก็จะเป็นเมนูของหวาน ที่ประกอบไปด้วย - ไข่หวาน: หน้าตาดูฟูๆ มีปั๊มโลโก้ร้าน ให้รสสัมผัสที่นุ่มๆ มีกลิ่นไข่นิดๆ คล้ายๆ ขนมไข่เพียงแต่ไม่กรอบ - เมลอน: หวานกลางๆ ไม่ได้หวานเจี๊ยบ มีเสิร์ฟกับน้ำตาลก้อนและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แนะนำว่าควรทานเมนูนี้ก่อนจะไปทานไอศกรีมไม่อย่างงั้นจะรู้สึกจืดครับ - ไอศกรีมราสเบอร์รี่ มาพร้อมกับครัมเบิ้ลกรอบ ไอศกรีมอร่อยออกเปรี้ยวนิดๆ ตัดกับความกรอบๆ จากครัมเบิ้ลได้เป็นอย่างดี - บราวนี่ชีสเค้ก: เมนูนี้พิเศษเฉพาะวันนี้ครับ เนื้อเค้กมีความหนึบๆ รสชาติไม่หวาน ช็อกโกแลตเข้ม บาลานซ์กับชีสได้ดี โดยรวมแล้ว รสชาติอาหารถือว่าเหมาะสมกับราคาดีครับ ปริมาณเยอะอยู่แล้วกับ 20 กว่าเมนูที่ทานเข้าไปในวันนี้ และทุกเมนูก็เป็นส่วนที่แพงที่สุดของเนื้อสัตว์แต่ละชิ้นเลยก็ว่าได้ ส่วนการบริการถือว่ามีความรวดเร็วครับ เชฟมีความเอ็นเตอร์เทนดี ลูกเล่นเยอะและเน้นใช้ option ทุกอย่างที่มีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารที่เสิร์ฟตรงหน้า เป็นร้านที่ให้ความรู้สึกว่ามาทานได้ทุกวันไม่จำเป็นต้องเป็นวันพิเศษแต่อย่างใด ส่วนบรรยากาศดีแต่ตรงที่นั่งวันนี้แอบมืดไปนิดครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี

  • 8
  • 0
22/02/15

Other Reviews

ร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง