โอมากาเสะเปิดใหม่ ณ ถนนสาทร ตัวร้านจะอยู่ติดกับร้าน Tenryu Grand โดยเป็นร้านโอมากาเสะในเครือ Tenryu นั่นเอง สามารถจอดรถได้ที่ร้านเลยครับ มีที่จอดอยู่เยอะ แต่อาจจะต้องจอดซ้อนคันเวลาที่มีลูกค้าเยอะมากๆ ครับ ประตูด้านหน้าร้านจะมีปุ่มอยู่ 1 อัน กดเข้าไปแล้วประตูจะเปิดออกครับ เมื่อเข้าไปจะมีโซฟาให้นั่งรออยู่ และพนักงานก็จะเข้ามาต้อนรับครับ ในโซนนี้แจ้งได้เลยครับว่าซื้อดีลหรือสำรองที่นั่งแล้วกับพนักงานได้เลยครับ สำหรับดีลนี้ซื้อผ่านจาก Wongnai เป็นคอร์สโอมากาเสะ 17 คำ ราคา 3299++ บาทครับ นอกจากนี้ยังมีดีล 5200++ เป็น 20 คำครับ โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้เลยครับ แนะนำว่าถ้าจะไปทานวันไหนให้โทรเช็คกับทางร้านก่อน แล้วค่อยซื้อดีลครับ ระหว่างรอเข้าไปรับประทานอาหารทางร้านก็มีเสิร์ฟชาร้อนให้ทานครับ เป็น Refill ราคา 80++ บาท ตัวชารสชาติดีเลยครับ จะทานแบบร้อนหรือเย็นเองก็ดีเช่นกันครับ เมื่อได้เข้าไปนั่งที่แล้ว ก็จะพบกับเชฟที่ยืนต้อนรับลูกค้าทุกท่านเลยครับ โดยวันนี้มีเชฟหลักอยู่ 2 ท่านซึ่งจะสลับกันทำแต่ละเมนูครับ ด้านหลังจะเป็นครัวที่เห็นเตาถ่านที่ไฟกำลังลุกโชนอยู่ ถ้าปรับเรื่องควันได้จะดีมากครับ เพราะกลิ่นควันคลุ้งไปทั้งร้านเลยทีเดียว ทางเชฟเองก็มีดอกกุหลาบมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์และมีคุกกี้อบมอบให้ด้วยครับ สำหรับเมนูอาหารที่วันนี้ก็จะมี 1. ไข่มุกหอยนางรม (Kaki Sphere): ตัวนี้ทางร้านใช้ยอดบัวฮากิตะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่คนญี่ปุ่นจะทานในช่วงนี้ครับ หน้าตาจะเป็นแท่งใสๆ ยาวๆ หั่นแบบพอดีคำ ให้ Texture ความกรุบกรอบ ท๊อปด้วยอูนิและยูซู รสชาติออกเปรี้ยวสดชื่น และได้ความมันจากอูนิ รสชาติอูมามิมาเต็มๆคำ เสิร์ฟมาในถ้วยแก้ว ซดให้หมดในคำเดียว 2. กุ้งหวานซอสทรัฟเฟิล (Shiro Ebi with Truffle Sauce): กุ้งฝอยตัวจิ๋วจากโตยาม่า ท๊อปด้วยไอศกรีมทรัฟเฟิลนำเข้าจากอิตาเลียน คำเล็กๆ และขูดทรัฟเฟิลตกแต่งหน้าอีกทีครับ และราดซอสเค็มๆลงไปนิดหน่อย ให้ทานรวมกันในคำเดียวครับ รสชาติหวานมันเค็มและหอมทรัฟเฟิล ได้ความกรุบๆจากตัวกุ้งฝอย 3. โอตารุ อิกะ: ตัวนี้ทางร้านเปลี่ยนจากตับปลา Ankimo เป็นหมึกตัวจิ๋ว ด้านในไข่เต็มตัวแน่นๆ ได้กลิ่นหมึกย่างเบาๆ มีด้วยกัน 3 ตัว ได้ความมันๆจากตัวไข่ เคี้ยวง่ายไม่เหนียวเลยครับ 4. ซาซิมิมะไดและอูนิ ราดอูนิซอสหวานมัน: ปลากระพงแดงญี่ปุ่น ราดด้วยซอสอูนิ ท๊อปด้วยมิ้นต์ญี่ปุ่นและวาซาบิ เวลาทานให้ทานพร้อมกับซอสอูนิด้านล่าง รสชาติจะออกมันๆ ปลาได้ความเบาๆ นุ่ม ตัวซอสให้รสชาติที่เด่นกว่าจนกลบรสชาติปลาไปเยอะครับ ตัวมิ้นต์ให้ความเฟรชๆ รสชาติคล้ายๆ ผักรสแรงของบ้านเราแต่เบากว่ามาก 5. ซูชิชิมะอาจิ: ผ่านการ Aging 2 วันกับสาหร่ายทะเล เสิร์ฟบนข้าวโฮชิฮิคาริที่หุงด้วยน้ำแร่และน้ำส้มสายชูสีแดง นากาสึ โรยหน้าด้วยไข่ปลาคาราซึมิหรือไข่ปลาทองคำ คำนี้รู้สึกว่ารสวาซาบิจะแรงไปสักหน่อย ตัวข้าวรสชาติดีเปรี้ยวติดลิ้นนิดๆ ไข่ให้ความมันและปลารสชาติเบาๆ 6. ซูชิโนโดกุโระ: ผ่านการย่างด้วยถ่านไม้ญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มความหอม ไขมันปลาจะแทรกตามเนื้อ ทาซอสและบีบมะนาวซึดาจิที่ราคาลูกละ 100 บาท รสชาติดีเลยครับ หอมถ่านไม้ ตัวปลาจะออกมันๆ และใช้ข้าวเดียวกับชิมะอาจิ 7. ซูชิคินเมได: ตัวนี้ย่างถ่านด้วยเช่นกัน โดยจะย่างส่วนหนังให้กรอบ เนื้อมีความนุ่มมัน ย่างได้กำลังดี ทานแล้วรู้สึกว่าละลายในปากได้ และมีซอสพอนสึที่ท๊อปด้านบนเพื่อเปิดต่อมรับรสชาติอาหาร 8. ซูชิอะกามิ: ผ่านการ Aging 1 วันเพื่อให้เอนไซม์แตกตัว ชุบซอสโชยุประมาณ 10 นาทีก่อนปั้น รสชาติดี มีความละลายในปาก และตัวพอนสึนำ 9. ซูชิโอโทโร่: โอโทโร่จากธรรมชาติ จับที่อาโอโมริ ผ่านการ Aging 7 วันด้วยกัน โดยจะนำไปย่างเพื่อให้ไขมันแตกตัว โดยไขมันนี้เป็นไขมันที่ปลาได้จากธรรมชาติจริงๆ ทานแล้วจะมีความเป็น Layer อยู่ครับ รสชาติออกมันๆจากไขมันปลา ตัวนี้ทำออกมาได้ดีเลยครับ กินกับข้าวปั้นแล้วเข้ากันได้ดีที่สุดครับ 10. อูนิ: ห่อข้าวกับสาหร่าย แล้วท็อปด้วยอูนิแบบเต็มๆคำ ตัวสาหร่ายจะนำไปย่างบนเตาเล็กๆ ให้กรอบก่อนครับ เวลาทานให้ทานเข้าไปทั้งคำครับ รสชาติอูนิมาเต็มๆ ออกมันๆ ได้ความอูมามินิดๆ อร่อยดีครับ 11. Hotate Yaki: หอยเชลล์ฮาโกดาเตะตัวเบ้งๆที่ผ่านการย่าง ก่อนนำมาผ่าออกครึ่งนึงแล้วยัดไส้ด้วยอูนิแบบล้นๆ ห่อด้วยสาหร่ายที่ผ่านการย่างเช่นกัน Texture หอยแน่นมาก ไม่คาว และได้ความอูมามิจากหอยเบาๆ ส่วนสาหร่ายและอูนิช่วยขับรสชาติของหอยได้ดีเลยทีเดียว 12. Awabi Mushi: ข้าวหน้าเป๋าฮื้อ เสิร์ฟพร้อมกับซอสตับและข้าวตัวเดียวกับที่นำมาทำซูชิ โดยตัวหอยผ่านการนึง 5 ชั่วโมง ท๊อปด้วยไข่ปลาแซลมอนและใบมิ้นต์ และราดซอสหวานที่เหนียวๆ ตัวซอสอร่อยดีครับ ได้ความมันแบบธรรมชาติ ส่วนหอยให้ความหนึบหนับ จิ้มกับซอสแล้วเข้ากันได้ดี อูมามินิดๆ 13. ทาชิคุโอะ: เป็นซูชิหน้าปลาดาบที่ปลานำไปย่าง ก่อนนำมาปั้นและ Smoke ด้วยกัน เสิร์ฟมาในกล่องไม้ที่ด้านในวางแผ่นเกลือหิมาลายันไว้ ก่อนทานเชฟจะบีบมะนาวซึดาจิให้ รสชาติจะออกเปรี้ยว มันๆ และหวานนิดๆจากแผ่นเกลือที่เรานำปลาไปถู หนังกรอบ เนื้อจะออกเละๆแต่ว่ากำลังดี (เป็น Texture ของปลานี้อยู่แล้วเวลาทำสุก) 14. ข้าวหน้าเนื้อวัวคาโกชิมะ: วัวจากคาโกชิมะที่ได้เกรด A5 และการันตีรางวัลจากการแข่งขันประกวดเนื้อที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ทางร้านจะย่างให้ด้านนอกเกรียมเพื่อเพิ่มความกรอบ ทานกับข้าวตัวเดิม ท๊อปด้วยไข่ไก่ดิบจากญี่ปุ่นที่สีออกส้มแดงสวย ราดซอสและโรยเกลือแบบเท่ๆจากเชฟ คลุกให้เข้ากันแล้วทาน รสชาติดีมากครับ ตัวเนื้อสามารถทานเปล่าๆหรือจะจิ้มกับไข่ก็ได้ เนื้อค่อนข้างนุ่มอร่อย ออกมันไม่เหนียว และด้านนอกกรอบมาก ส่วนไข่ไม่คาวและหวานแบบธรรมชาติมาก แทบอยากจะซื้อไข่กลับบ้านมากินเลยทีเดียว ทานรวมๆกันแล้วเป็นจานที่ดีที่สุดของวันนี้ครับ 15. ซูชิอะนาโกะ: ปลาไหลทะเลผ่านการผ่านและเสิร์ฟพร้อมกับข้าว ราดซอสเหนียวๆ ลงไป รสชาติดีเลยครับ เนื้อปลาให้ Texture ที่นุ่มๆ ไม่เละ มีความเผ็ดปลายลิ้นนิดๆ 16. ซุปใส: ต้มจากกระดูกปลาตระกูลมะไดในน้ำแร่ 10 ชั่วโมง มีการบีบมะนาวซึดาจิและฝอยด้วยยูซุนิดนึง รสชาติหวานแบบธรรมชาติ ซุปมีความเหนียวเบาๆ ลื่นคอ เวลาทานให้ซดครับ จะได้ความร้อนที่เข้าจมูกแล้วทำให้จานนี้รสชาติดีขึ้นไปอีก ถ้าตักทานรู้สึกไม่ฟินเท่า นอกจากนี้จะมีเนื้อปลาอิมิได นุ่มๆ ให้ทานด้วยครับ 17. ไอศกรีมส้มยูซึ: คนละตัวกับส้มยูซุนะครับ ให้รสชาติเปรี้ยวหวาน ผสมกับนมแล้วรสชาติดีเลยทีเดียว สีจะเหมือนไอศกรีมมะม่วง ถ้าอยากทานอีกสามารถขอเพิ่มได้ เป็นจานที่ปิดท้ายมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี สำหรับโดยรวมแล้ว รสชาติอาหารถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่ติเรื่องวัตถุดิบครับ แต่เรื่องที่อยากแนะนำคือการใช้ข้าว โดยทางร้านใช้ข้าวที่ต้มในน้ำส้มสายชูสีแดงกับทุกเมนู โดยทานแล้วรู้สึกว่าลิ้นแตก ยิ่งทานยิ่งไม่รู้สึกถึงรสชาติของเนื้อปลา นอกจากปลาตัวนั้นรสชาติจะแน่นจริงๆ เลยได้แต่ความมันแต่ความหวานของปลาไม่ได้ครับ และนอกจากนี้ที่ร้านใช้มะนาวและยูสุเยอะจริงๆครับ หลังจากทานเสร็จรู้สึกว่าลิ้นแตกอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว ถ้าลดตรงนี้ลงได้จะดีมากครับ ส่วนการบริการดีครับ พนักงาน Service ไวและให้บริการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ขอบคุณสำหรับมื้ออาหารพิเศษๆ จากทางร้านด้วยครับ 😊