“ถ้าไปพนมเปญให้ see Ankor Wat and die ถ้าไปเชียงใหม่ไป eat ลาบควาย and die” “ในยุคสมัยที่ควายไม่มีความจำเป็นในด้านการเกษตรแล้ว ขอให้ควายเหล่านี้ได้กลายมาเป็นลาบโดยน้ำมือของลุงร้านนี้เถิด” ประโยคข้างต้นนี้ไม่ได้กล่าวเดินจริงไปเลย ถ้าท่านได้มาลองลาบต้นข่อย ดอยสะเก็ด อยู่ไกลจากตัวเมือง 7 ก.ม. ทางไปดอยสะเก็ด รถจอดเต็มหน้าร้าน คนมารอคิวตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ร้านเปิด 11 โมง บ่ายๆของก็เริ่มหมดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่การันตีถึงความอร่อยของร้านนี้ เริ่มต้นที่แกงอ่อมที่ทางร้านเตรียมใส่หม้อใหญ่พร้อมตักเสริฟให้เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยก่อนที่เมนูหลักที่ต้องรอคิวยาวเหยียดจะตามมา เป็นอ่อมขมเนื้อควายติดมัน รสชาติพอดี ซดคล่องตอ ถัดมาเครื่องในสะดุ้ง เครื่องในควายรวมสะดุ้งในนำร้อน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย กระเทียม พริก เครื่องในสะดุ้งมาสุกแบบพอดี รสชาติน้ำมันหอยโดดไปหน่อย ส้าดิบ ร้านนี้ใช้เนื้อติดมันกับย่อดิบ(ผ้าขี้ริ้ว) คลุกกับเพี๊ยะ ดี พริกลาบ ตะไคร้ หอมแดง ต้นหอม ร้านนี่รสชาติกลมกล่อม ไม่หนักกลิ่นสมุนไพร ขมกำลังดี เนื้อติดมันเหนียวพอได้เคี้ยวตัดกับความกรุงของผ้าขี้ริ้ว และสุดท้ายไฮไลท์ ลาบดิบ เนื้อควายสับละเอียดกันจนเป็นก้อนเดียวคลุกกับพริกลาบโรยต้นหอมผักชีกระเทียมเจียว กรรมวิธีดูเหมือนจะง่าย แต่เท่าที่กินมายังไม่มีที่ไหนดึงความหวานของเนื้อควายได้ออกมากเท่าร้านนี้ รสพริกลาบที่พอดี ซึ่งต้องผ่านมือลุงร้านนี้เท่านั้น โดยที่ลุงจะไปเลือกเนื้อควายเองทุกเช้า ซึ่งเนื้อควายแต่ละวันรสจะไม่เหมือนกัน ลุงจะต้องปรับสูตรทุกวันเพื่อให้ลาบรสชาติคงที่เสมอ ร้านนี้จะเสริฟทุกอย่างมาในไซส์ไหว้ตี่จู้เอี๊ยะหมด ราคา 35 บาททุกอย่าง ฉะนั้นถ้าไม่อยากรอนานแนะนำให้เบิ้ลสองไปเลย ร้านปิดทุกวันพระ