มื้อเย็น

รีวิว Der La Jazz : เพื่อนชวนมาม่วนเด้อหล่า เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนสนิทสมัยมัธยมต้นของดิฉันได้มาเลียบเคียง ชักชวนให้ดิฉันไปเที่ยวกินดื่มยามราตรีด้วยกัน หลังจากไม่ได้พบปะกันแบบพร้อมหน้ากัน มานานแสนนาน เพื่อนของดิฉันรับปากว่า ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่รสชาติดี ดนตรีเพราะ มีทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่แอลกอฮอล์ เป็นร้านที่พาครอบครัว พาเด็ก ๆ มาได้ ไม่มีการสูบบุหรี่ในร้าน และราคาไม่แพงเวอร์ รับรองว่าหารออกมาแล้วเสียเงินไม่เกินคนละ 300 - 400 บาท ร้านที่ว่าคือ ร้าน เด้อหล่าแจ๊ส ตั้งอยู่ในซอยหน้าเมือง 25 ถนนหน้าเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18:00 - 00:00 น. ดิฉันตกปากรับคำ มาทานอาหารกับเพื่อน ๆ เพราะไม่ได้เจอกันพร้อมหน้ามานาน และแต่ละคนก็ไม่ได้เจอกันมานาน มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคนยุ่งเหยิงวุ่นวายเต็มไปหมด การได้ระบายให้เพื่อน ๆ รับฟังพร้อมกับทานอาหารรสเลิศ ในสถานที่บรรยากาศดี ๆ และมีดนตรีน่าฟัง ก็น่าจะช่วยทำให้สภาพจิตใจที่บอบช้ำกลับฟื้นคืนมามีกำลังใจ ให้ต่อสู้กับเรื่องหนัก ๆ ที่พวกเขาต้องเจอได้อย่างเข้มแข็งต่อไป ดิฉันนั่งฟังเรื่องราวของเพื่อนแต่ละคน ด้วยความสนใจและเห็นอกเห็นใจ พวกเราหัวเราะเสียงดังไปด้วยกัน โมโหคนร้าย ๆ ในชีวิตเพื่อนไปด้วยกัน เหมือนเมื่อสมัยที่เราสวมคอซองกระโปรงบาน ดิฉันเริ่มเข้าใจว่าทำไมหลาย ๆ คนชอบมาทานอาหารกับเพื่อนนอกบ้าน หรือมาดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เพราะการได้เจอเพื่อน ได้ทานอาหารรสชาติถูกปาก ได้ฟังดนตรีดี ๆ ล้วนเป็นองค์ประกอบของความสุขใจ ที่คนทั่วไปตามหา ฉะนั้นเด้อหล่าแจ๊ส จึงทำให้ภาพของพวกเรา ที่กำลังนั่งคุยกันที่ม้าหิน กินขนมถุงเดียวกัน พร้อมกับฟังเสียงเพลงจากวงดนตรีของรุ่นพี่ในสมัยมัธยม ชัดเจนขึ้นมาในใจของดิฉันอีกครั้ง บรรยากาศความสุขและเสียงหัวเราะแบบนี้ มันห่างหายไปนานเหลือเกินจากชีวิตของพวกเรา เฟรนฟราย เพื่อนของดิฉันได้สั่งเฟรนช์ฟรายส์มาเป็นเครื่องเคียงประกอบการสนทนา ซึ่งเฟรนช์ฟรายส์กระทะนี้ มาเสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมกับซอสมะเขือเทศหนึ่งถ้วย สนนราคา 90 บาท เมื่อก่อนตอนพวกเราเป็นวัยรุ่น เฟรนช์ฟรายส์ เป็นอาหาราคาแพงในร้านฟาสฟู้ด ซึ่งพวกเรากลุ่มเด็กบ้านฐานะค่อนข้างจะตึงเครียด มักจะไม่ค่อยได้ทานนัก แต่ในวันนี้ เพื่อน ๆ ของดิฉันรวย สวย และฮอตมากค่ะ กว่าพวกเธอจะมีวันที่ทานอาหารได้ โดยไม่ต้องเครียดเรื่องราคามากนัก พวกเธอต้องบากบั่นฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการ กว่าจะได้มายืน ณ จุดที่สวยงามในวันนี้ ดิฉันปลื้มใจและภูมิใจกับความสำเร็จของเพื่อน ๆ มากจริง ๆ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ส่วนดิฉันผู้หิวโหย ได้สั่งกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ราคา 80 บาท มารับประทานเป็นอย่างแรก เพราะเป็นคนชอบทานผัก ซึ่งกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาจานนี้ นอกจากจะมีการจัดเรียงใบกะหล่ำออกมาอย่างสวยงามแล้ว ยังมีรสชาติที่เข้มข้นดีงามอีกด้วยนะคะ ไม่เค็มมาก และมีความมันสูงตามสไตล์ผัดผักแบบจีนแท้ ๆ น่าจะถูกใจพี่น้องเชื้อสายจีนมาก ๆ เลยนะคะ แต่ลูกครึ่งจีนที่เติบโตมาในวัฒนธรรมอีสานแบบดิฉัน นิยมผัดผักแบบน้ำมันน้อย ๆ มากกว่าค่ะ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง จานต่อมายังคงเป็นดิฉัน ผู้รักไก่ผัดเม็ดมะม่วง ไปร้านไหน คิดเมนูอะไรไม่ออกก็ต้องจบที่ไก่ผัดเม็ดมะม่วงทุกที ทางร้านทำไก่ผัดเม็ดมะม่วงได้ถูกใจดิฉันยิ่งนัก เพราะได้นำเนื้อไก่ไปทอดกรอบก่อน แล้วจึงนำมาผัดกับเครื่องไก่ผัดเม็ดมะม่วง ทำให้ได้ไก่ที่กรอบแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ที่เป็นไก่ผัดธรรมดา ๆ ดิฉันประทับใจในจุดนี้มาก ๆ ค่ะ นอกจากนี้รสชาติก็ดีเลิศ แม้ไม่ใส่ผงชูรสก็ยังรสชาติดีงาม มีรสเค็มนำนิดหน่อย เหมาะกับการทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ซึ่งข้าวสวยหอมมะลิ มีราคาเพียงโถละ 50 บาทเท่านั้นนะคะ คุ้มมาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่กินข้าวเยอะแบบดิฉันค่ะ ใครนึกเมนูไม่ออกดิฉันขอนำเสนอไก่ผัดเม็ดมะม่วงนะคะ รสชาติดี ประทับใจ ในราคา 160 บาทค่ะ ลาบทอด จานถัดมาเป็นเมนูที่เพื่อนสาวคนสวยของดิฉันตามมาสั่งเพิ่มเติม ได้แก่ ลาบทอดไส้ชีส ราคาจานละ 140 บาท ดิฉันมีเพื่อนสนิทคนนึง ที่ชอบทานลาบทอดมาก ไม่ว่าจะไปทานอาหารที่ไหน หากมีลาบทอดอยู่ในเมนู เธอจะต้องสั่งมาเสมอ และดิฉันก็จะร่วมรับผิดชอบกับเธอเสมอ แต่ไม่เคยชอบเมนูนี้เลย ซึ่งในครั้งนี้ดิฉันก็ไม่คาดคิดว่า ลาบทอดของเด้อหล่าแจ๊สจะมีอะไรแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ทั่วไป การใส่ไส้ชีสที่ตรงกลางอาจจะยิ่งทำให้ลาบเค็มรึเปล่า แต่ปรากฏว่า... มันดีมากจริง ๆ ค่ะ ตัวลาบเองก็รสชาติดีมาก ๆ แล้วพอมีชีสตรงกลางยิ่งทำให้รสชาติกลมกล่อม รสนวล มาก... ประทับใจมาก จนต้องกากบาทไว้ในใจ ว่าถ้ามาอีกต้องสั่งเมนูนี้ ถ้าหากคุณกำลังจะไปเด้อหล่าแจ๊ส ดิฉันขอฝากเมนูละมุนใจจานนี้ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคุณด้วยนะคะ มันดีมากจริง ๆ ค่ะคุณ... เมื่อพวกเราเริ่มอิ่ม เราก็สั่งเครื่องดื่มม็อกเทลมาดื่มกัน เครื่องดื่มม็อกเทล คือเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบนะคะ ซึ่งพวกเราได้เลือกมาคนละ 1 เมนู เพื่อนำมาสลับกันชิม เพื่อนสาวคนสวยของดิฉัน สั่งเอลเดอร์ ฟลาวเวอร์ฟิซ ราคาแก้วละ 120 บาท เนื่องจากคุณน้องพนักงานเสิร์ฟบอกกับพวกเราว่า " แก้วนี้สวยนะคะพี่ " ด้วยความเป็นคนสวย เธอจึงไม่ลังเลที่จะสั่งเครื่องดื่มแก้วนี้ในทันที และเมื่อเครื่องดื่มมาถึงพวกเราก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง ดังที่คุณน้องพนักงานเสิร์ฟได้บอกเราไว้จริง ๆ ค่ะ ม็อกเทลเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ฟิซ เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ มีรสเปรี้ยวสดชื่นจากมะนาว หอมหวานด้วยไซรัปกลิ่นดอกเอลเดอร์ ซ่าสะใจ ดื่มแล้วสดชื่น สวยงามจริง ๆ ค่ะ ดิฉันขโมยเพื่อนดื่มดูแล้ว แก้วนี้ดีจริง ถ่ายรูปก็สวยด้วยนะคะ แถมปริมาณก็เยอะมาก น่าจะมากกว่าน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งด้วยซ้ำไป ดื่มหมดแก้วมีอิ่มค่ะ เอลเดอร์ฟลาวเวอร์ ม็อกเทล เป็นเครื่องดื่มที่ใช้ไซรัปจากดอกเอลเดอร์ ดอกไม้ที่ปกติแล้วมีพิษ แต่เมื่อนำมาผ่านกระบวนการสกัดที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ได้ไซรัปกลิ่นดอกไม้ หวาน หอม คล้ายกันกับชีวิตของเพื่อนสาวของดิฉัน ที่เมื่อสมัยมัธยมเป็นเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ ไม่ได้เรียนเก่งเลิศ ไม่ได้สวยสะดุดตา ไม่ได้ขาวแบบที่คนทั่วไปนิยม และไม่ได้มีฐานะดี และมักจะถูกเหยียดในภาพลักษณ์ของเธอเสมอ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เธอได้สกัดพิษร้ายจากคำพูดของคนในชีวิตเหล่านั้นออกไป กลายเป็นหญิงสาวที่สวย รวย และมั่นใจ จนทำให้คนที่เคยดูถูกหรือกลั่นแกล้งเธอต้องตกตะลึง เพื่อนสาวอีกคนของดิฉันเลือก สตรอว์เบอร์รี ซิสซี่ ม็อกเทล ราคาแก้วละ 120 บาท เครื่องดื่มที่มีหวานเปรี้ยวนำมาด้วยสตรอว์เบอร์รี ซึ่งถูกตกแต่งให้รสชาติมีความน่าสนใจ ด้วยรสเค็มของบ๊วยและโซดา บ๊วย เป็นของทานเล่นที่เรา ๆ ทราบกันดีว่ามีราคาไม่สูง ไม่มีอะไรน่าสนใจมากมาย ร้านน้ำไหน ๆ ก็คงมีเมนูบ๊วยโซดาจึงเมนูที่ทุก ๆ คนคุ้นเคยดี สตรอว์เบอร์รี เป็นผลไม้ที่คนทั่วไปรักในรสสัมผัสของมัน และให้คุณค่าผลไม้ชนิดนี้ เมื่อนำส่วนผสมสองชนิดนี้มารวมกัน ทำให้เกิดม็อกเทลที่ หวาน หอม เปรี้ยว เค็ม ซ่า คล้ายกับกำลังทานสตรอว์เบอร์รีจิ้มบ๊วย ของทานเล่นที่ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นกันเอง จากรสชาติของบ๊วยและความน่าตื่นเต้นของสตรอว์เบอร์รี สองสองส่วนช่วยกันสงเสริมเติมเต็มกันและกันได้เป็นอย่างดี เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยสบายใจแก่ผู้ดื่มเป็นอย่างดี ม็อกเทลสตรอว์เบอร์รี ซิสซี่ แก้วนี้ เอาจริง ๆ แล้วเหมือนเพื่อนของดิฉันผู้สั่งเครื่องดื่มแก้วนี้จริง ๆ ค่ะ เมื่อก่อนเธอเองก็เปรียบเป็นเหมือนบ๊วย เป็นแค่เด็กผู้หญิงสีผิวเข้ม หน้าตาธรรมดา ๆ ฐานะทางบ้านไม่ได้ดีเลิศอะไร ไปไหนมาไหนด้วยรถสองแถว และการเดิน แต่เธอเปลี่ยนอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ให้เป็นสตรอว์เบอร์รี ที่เพิ่มเข้ามาทำให้เธอเจิดจรัส ฉายประกายความงาม และมีฐานะที่ดีอย่างในปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นเธอยังเปลี่ยนพายุที่โหมกระน่ำชีวิตเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ให้กลายเป็นโซดา เพิ่มความแสบซ่าสดใส ให้กับชีวิตของเธอ ทุกอย่างที่เลวร้ายในชีวิตของเธอ เติมเต็มให้เธอครบสมบูรณ์ในแบบที่เธอวาดฝันเอาไว้ได้อย่างงดงามค่ะ ดิฉันเลือกเลม่อนพลัมฟิซ ม็อกเทล ราคาแก้วละ 120 บาท เช่นกัน ในตอนแรกเพื่อนสาวของดิฉันต้องการจะสั่งเครื่องดื่มแก้วนี้ เพราะเธอเคยดื่มแล้วถูกใจในรสชาติค่ะ แต่หลังจากดิฉันอ่านเมนูกลับไปกลับมา และตัดสินใจไม่ได้ว่าจะดื่มอะไร เพื่อนดิฉันเลยสละเมนูนี้ให้ แล้วไปดื่มสตรอว์เบอร์รี ซิสซี่แทน ที่ดิฉันเลือกเครื่องดื่มแก้วนี้ เพราะส่วนผสมเป็นอะไรที่ดิฉันคุ้นเคย ได้แก่ เลม่อน บ๊วย และโซดา ดิฉันคิดว่าดื่มแล้วน่าจะไม่ผิดหวัง เพราะเพื่อนสาวก็ได้การันตีก่อนแล้วว่า แก้วนี้รสชาติดีแน่นอน เพราะดิฉันชอบเครื่องดื่มรสเปรี้ยว และดิฉันชอบบ๊วยโซดา เมื่อนำบ๊วย มะนาว และโซดา มาผสมกัน จึงได้เครื่องดื่มรสชาติเค็ม เปรี้ยว ซ่า ดื่มแล้วสดชื่น เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติปลอดภัย ใครที่อ่านส่วนผสมก็คงจะรู้สึกแบบนั้น ว่าเราจะสามารถคาดเดาได้ว่ารสชาติน่าจะออกมาเป็นแนวไหน ดิฉันก็เป็นเช่นนั้น ที่เลือกเครื่องดื่มแก้วนี้ ก็เพราะไม่เคยดื่มม็อกเทลมาก่อน หากดื่มเครื่องดื่มที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคยก็กลัวว่าจะต้องผิดหวัง และต้องทนดื่มจนหมดแก้ว เพราะความเสียดาย ซึ่งดิฉันก็ไม่ผิดหวังกับรสชาติของเลม่อนพลัมฟิซจริง ๆ ค่ะ แต่ดิฉันกลับชอบรสชาติของเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ฟิซของเพื่อนมากกว่า การเลือกเครื่องดื่มก็สะท้อนตัวตนของคนแต่ละคนได้ดีนะคะ ดิฉันเองก็เป็นคนที่ชอบอยู่ในกรอบ ไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ ๆ เพราะกลัวว่าจะต้องผิดหวัง เหมือนกับการเลือกดำเนินชีวิตของดิฉัน ที่เมื่อตัดสินใจอะไรแล้ว ก็เลือกที่จะเดินบนเส้นทางนั้นไปจนสุดทาง ไม่เปลี่ยนแปลงหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ แม้ว่าจะมีอะไรที่ดีกว่า ก็จะซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองได้เลือกแล้ว และยอมรับในการตัดสินใจของตนเอง ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม การออกมาทานอาหารมื้อค่ำกับเพื่อนในครั้งนี้ ทำให้ดิฉันได้เข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิตของคนอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะมีความทุกข์ใจ หรือมีความสุขใจจากความสำเร็จใด ๆ ที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความพยายาม ดิฉันภูมิใจในตัวของพวกเขามาก ที่สามารถผ่านพ้นการถูกรังแกจากสังคมในโรงเรียนแล้วเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผีเสื้อที่แสนงดงามได้ ในฐานะที่ดิฉันอยู่ในวงการการศึกษา พบเจอกับปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยอยู่เป็นประจำ จึงอยากให้กำลังใจแก่ทุก ๆ คนที่ถูกรังแก ให้เปลี่ยนความทุกข์ใจนั้นเป็นพลังในการพัฒนาตัวเอง ในวันหนึ่งคุณเองก็จะกลายเป็นผีเสื้อที่งดงาม ไม่ต่างกับเพื่อน ๆ ทั้งสองคน หรืออีกหลาย ๆ คนของดิฉัน ส่วนดิฉันยังคงพร้อมที่จะเป็นที่ปลอดภัยให้เพื่อน ๆ ได้มาแบ่งปันความปวดร้าวและความสุขใจเสมอ ๆ ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน เหมือนที่ เด้อหล่าแจ๊ส คอยมอบความสุขความสบายใจให้กับแขกผู้มาเยือนตลอดเรื่อยมาค่ะ #อร่อยนี้ที่ขอนแก่น #รีวิวสายเงียบ

  • 5
  • 0
20/02/02

Other Reviews

ร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง