Dinner

ขึ้นชื่อว่าร้านอาหารอีสานที่เราจะเห็นได้ตามริมทาง แต่ถ้าจะยกระดับให้อินเตอร์ขึ้น แต่ยังคงความเป็นร้านข้างทางอยู่ได้นั้น น่าจะมีแค่ร้านนี้อย่าง อีหล่า อีสานกายะ ร้านอาหารอีสานสไตล์ญี่ปุ่น ที่เกิดจากความต้องการอยากจะทำอาหารอีสาน แต่ใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อยกระดับให้แพงขึ้นในรสชาติที่ยังคงความเป็นอีสานอยู่เต็มกระบอกสูบ ดังนั้นใครต้องการความแปลกใหม่ แนะนำให้มาลองร้านนี้กัน ตำแหน่งร้านอยู่ริมถนนราชพฤกษ์ ในโครงการเดียวกับมังกรฟ้า ที่จอดรถมีล้นเหลือ โดยเปิดให้บริการในช่วงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ส่วนใหญ่แล้วก็มานั่ง Hang out กันชิวๆ เน้นจิบเครื่องดื่มรสขมกับเครื่องแกล้มต่างๆ ในแบบอีสาน ใครคิดว่าบรรยากาศร้านจะต้องเป็นแนวริมทางโต๊ะสแตนเลสเก่าๆ กับเก้าอี้ใกล้จะพัง เตาถ่านดินเผา ร้านนี้จะไม่ใช่แบบนั้น ออกแนวอีสาน โต๊ะไม้ไผ่ ไฟสว่างๆ ผสมกับความเป็นญี่ปุ่นนิดๆ เมนูอาหาร ก็จะเป็นอีสานผสมกับกรรมวิธีการทำอาหารแบบญี่ปุ่น จะเห็นได้จากเมนูปิ้งย่าง ก็จะเหมือนกับแนวอิซากายะที่เสียบไม้หรือจะเสิร์ฟแบบเป็นจานสเต๊ก นอกจากนี้ก็จะมีพวกเมนูยำต่างๆ ส้มตำ ลาบ สารพัด แบบว่าไม่สามารถสั่งได้ทุกเมนูในครั้งเดียวได้แน่ๆ เริ่มต้นกันด้วยเมนูปิ้งย่างกันก่อน อย่างเช่น ตับไก่ปิ้ง ชิ้นใหญ่ในราคา 25 บาท หน้าตาดูใหญ่กว่าตับไก่ทั่วๆไป ที่ปกติเสิร์ฟเป็นชิ้น แต่อันนี้เหมือนเอามาบดแล้วปั้นเป็นชิ้นยาวๆ อีกที ให้ Texture เหมือนทานมันเผาที่ด้านนอกกัดแล้วมีความกรอบแต่ด้านในนุ่ม ไม่มีกลิ่นอีกด้วย อีกอย่างที่ให้รสสัมผัสใกล้ๆ กันเลยคือ ไส้กรอกอีสาน ราคา 27 บาท ไม่เปรี้ยว แต่มีความกลมกล่อม อยากสั่งเพิ่มแต่กลัวอิ่มก่อน และทีเด็ด คือปลาดุกย่าง สไตล์อุนางิ ราคา 99 บาท เสิร์ฟเป็นท่อนนึงของปลาดุกที่อาจจะไม่ได้เยอะมาก เนื้อฉ่ำไม่แห้งกระด้าง มีความหวานจากซอสที่ทาระหว่างย่าง อร่อยสุดคือหนัง หวานกลมกล่อมและไม่เหนียวหรือแห้ง ลืมอีกอย่างคือไม่มีก้างเลย อันนี้ประทับใจ ลองเปลี่ยนมาทานปิ้งย่างแบบจานๆ กันบ้าง เริ่มต้นกันด้วย เสือร้องไห้ ราคา 169 บาท ใช้เนื้อไทยเฟรนช์ คัดส่วนติดไขมันพิเศษ ให้ความนุ่มแบบที่ยังได้เคี้ยว จิ้มกับแจ่วตัวไหนของทางร้านก็ดี ส่วนคนชอบเปรี้ยวต้องสั่ง แหนมหมูชินคันเซ็น ราคา 50 บาท มีความกรุบนิดๆ ติดเปรี้ยวปานกลาง หอมใบเตยที่ห่อระหว่างย่าง ถ้าชอบที่สุด คงยกให้ลิ้นวัวย่าง ราคา 209 บาท คัดส่วนโคนลิ้นที่นุ่ม ย่างกำลังดี เสิร์ฟคู่กับวาซาบิดอง ขึ้นจมูกดี มีความกรึบนิดๆ ผสมกับนุ่มเป็นบางชิ้น ด้วยความที่ผ่านการย่างเพียงอย่างเดียว จึงแนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะได้รสสัมผัสที่ดีกว่า เมนูอีสานที่คุ้นเคยกันดีอย่าง ก้อยเนื้อคั่วสุก ราคา 99 บาท อันที่จริงที่ร้านก็มีเนื้อดิบด้วย แต่คัดสรรเป็นอย่างดี ปลอดภัย แต่ถ้ากลัว ก็สั่งเป็นแบบสุกอย่างเมนูนี้ก็ได้ รสชาติมีความขมนิดๆ เผ็ดจัดจ้าน ตัดเลี่ยนด้วยกระเทียมและพริกสด หรือซุปหน่อไม้ ราคา 89 บาท ที่ทางร้านจะใช้หน่อไม้ดองผ่านการยำแบบจัดเต็ม รสชาติเผ็ดไม่แพ้กัน เน้นความกรุบกรอบจากหน่อไม้ แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่น อาจจะไม่ถูกใจ และส้มตำปลาร้า ราคา 69 บาท เมนูนี้สามารถ Add on เพิ่มได้ตามความชอบ เช่น เลือกไซส์ปู เติมเครื่องอย่างอื่น เส้นเป็นแบบใช้มีดสับ กรุบกรอบ รสชาติน้ำดี เน้นความหอมของปูและปลาร้าต้มสุก ปิดท้ายด้วยเมนูแจ่วฮ้อนหมู ราคา 299 บาท เสิร์ฟเนื้อหมูสองแบบ สันนอก และสันคอ พร้อมกับผักและวุ้นเส้น จะต้มแบบชาบู หรือจะเทลงไปทั้งหมดแล้วทานทีเดียวก็ยังได้ เพราะที่ร้านใช้เตาแก๊สและหม้อทองเหลือง อาจจะไม่ได้ให้ความหอมแบบหม้อดินเผา แต่ชดเชยด้วยรสชาติที่จัดจ้านและหวานเป็นพิเศษตอนที่ใส่ผักลงไปต้ม นอกจากของคาวแล้ว ของหวานร้านนี้จะเน้นเป็นหวานเย็น อย่างเมนู De Chez pop Strawberry ราคา 35 บาท ไอศกรีมแท่งรสชาติหวานแบบสตรอเบอร์รี่สุดๆ ล้างปากและปิดท้ายมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากจะเป็นร้านที่มาทานครั้งแรกแล้วประทับในรสชาติอาหาร อาจจะเผ็ดจัดจ้านเกินไปสำหรับคนไม่ทานเผ็ด และเราก็ไม่สามารถลดความเผ็ดลงได้ ปริมาณอาจจะน้อยไปนิด แต่ถ้าเทียบกับกรรมวิธีก็พอจะหยวนๆ กันได้ การบริการรวดเร็วดี ไม่มีเสิร์ฟมั่ว ทุกอย่างสามารถกดสั่งผ่าน QR Code ที่เสียบไว้แต่ละโต๊ะ แต่ถ้าต้องการอะไรเป็นพิเศษก็แจ้งพนักงานได้ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์

  • 4
  • 1
23/04/29