Lunch

ร้าน KOKO หรือ ภาษาไทย อ่านว่า โกโกะ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปืดมา 1 ปีกว่าๆแล้ว (เพิ่งฉลองครบรอบ 1 ปีไปเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา) ซึ่งอาหารญี่ปุ่นที่นี่จะเน้นความสดใหม่ และความเป็นพรีเมี่ยม ซึ่งมีคอร์สโอมากาเสะน่าสนใจที่วันนี้เราจะได้มาลองทานกันค่ะ เส้นทางร้าน จะอยู่ในอาคารหะรินธร หน้าซอย สาทร 4 ใครนำรถส่วนตัวมา สามารถมาจอดรถในตึกหะรินธร ซึ่งจอดฟรี 3 ชั่วโมงค่ะ Omakase Course จะมี 2 ราคา *Full Course 2,199++ มีทั้งหมด 20 คอร์ส *Premium Course 2,999++ มีทั้งหมด 20 คอร์สเช่นกัน แต่จะมีความเป็นพรีเมี่ยมมากกว่าค่ะ โปรโมชั่นช่วงนี้ ถ้าใครจองบวกมัดจำล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน รับส่วนลดอีก 200 บาททันทีเลยค่ะ เริ่มแรกเลย เชฟก็จะถามก่อนว่า เราไม่กินอะไร หรือแพ้อะไร ซึ่งเพื่อนก็รีบชี้เราว่าคนนี้ทานได้ทุกอย่าง 55 ครั้งนี้เรามาแบบคอร์ส Omakase 2,199++ ทยอยเสิร์ฟทั้งหมด 20 คอร์ส มาตามต่อกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง 1.Chawan Kani Mushi เริ่มด้วยความนุ่มละมุน เป็นไข่ตุ๋นออร์แกนิค เนื้อนุ่มๆละมุนมากๆ ในน้ำซุปอังคาเกะ (Ankake) (ทางร้านใช้หอยเป๋าฮื้อเคี่ยว 3 วัน จนเป็นน้ำซุปใส) ผสมเนื้อปูหิมะ ซึ่งเป็นปูที่มีแต่เนื้อสีขาวทั้งตัว พอได้ทานคู่ไข่ตุ๋น คือมีความหอมละมุนมากค่ะ ท็อปด้านบนด้วยไข่ปลา เพิ่มรส เค็มๆมันๆให้เมนูนี้ลงตัว 2.Yasai Nimono สลัดผักญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟมา 2 คำในซอสงาขาว คำแรกทานที่โรยด้วยปลาแห้งก่อน จะได้รสเค็มๆหอมๆ คำต่อมาท็อปด้วย Uni หรือไข่หอยเม่น ซึ่งได้ความสดชื่นมากๆ กับน้ำสลัดที่เข้มข้นหอมๆดี 3.Sashimi (Shiromi) ปลาฮามาจิซาชิมิ โรยด้วยคาราสุมิ(ไข่ปลากระบอก) เสิร์ฟมา 2 ชิ้น เชฟแนะนำให้เราทาน 2 แบบ แบบแรกทานเปล่าๆคู่วาซาบิ ได้ความสดอร่อยมีรสเค็มๆหอมๆจากไข่ปลาที่โรยมา ส่วนอีกคำให้จิ้มโชยุ ซึ่งก็จะได้ความสดของปลาแต่จะไม่ได้ความเค็มๆหอมๆเท่าคำแรก เลย รู้สึกชอบทานเปล่าๆมากกว่า คือคำแรกฟินมากค่ะ *เชฟบอกว่า ไข่ปลากระบอก เป็นอาหารทะเลขึ้นชื่อของจังหวัดนางาซากิ มักเป็นของฝากที่คนนิยมซื้อกลับมา ซึ่งจะมีการดองเกลือ ล้างเกลือออกแล้วตากแดดให้แห้ง เพื่อให้คงอยู่ได้นาน ใครไปจังหวัดนี้ก็ซื้อมาฝากเราได้นะ เพราะเราทานแล้วชอบจัง 4.Madai ซูชิปลามาได ซึ่งเป็นปลาเนื้อขาว ซึ่งเชฟจะเริ่มเสิร์ฟคำที่มันน้อยๆก่อนแล้วค่อยๆไล่ระดับขึ้นไป ซูชิคำนี้มีความพิเศษที่โรยแค่เกลือและมะนาว ไม่ได้ราดซอส มีใส่ใบโอบะด้านใน ซึ่งพอได้ลองทาน ชอบข้าวที่นี่ค่ะ มีความนุ่มหนุบ ปลานุ่มๆดี ใบโอบะจะเพิ่มความหอมให้คำนี้ดีค่ะ ซึ่งคำนี้เราไม่ได้รสขมนะ เป็นรสชาติลงตัวพอดีค่ะ *การทานซูชิ เชฟบอกว่า สามารถใช้มือหยิบทานได้เลย ซึ่งเชฟจะปรุงรสแต่ละคำมาให้พร้อม การเข้าปาก เชฟบอกว่าให้เราคว่ำซูชิ เพื่อให้ลิ้นของเราสัมผัสปลาก่อนที่จะโดนข้าว เพื่อรับรสความอร่อยมันของปลาก่อนแล้วค่อยตามด้วยรสข้าวที่มีความเปรี่ยวหน่อยๆเพื่อให้ได้ ความลงตัวของคำนั้นๆที่เราทาน ฟินไปอี๊ก 5.Hirame ปลาฮิระมะตะ เป็นปลาตาเดียวชั้นสูงที่มีไขมันแทรกน้อย ท้อปด้วยยูสุสด(สีเหลือง) กับยูสุที่ดองกับพริกไทย(สีเขียว) คำนี้จึงได้รสที่เข้มข้นขึ้น มีความหอมยูสุดีค่ะ 6.Kinmedai ปลาคินเมะได เป็นปลากะพงแดงน้ำลึก ซึ่งเป็นปลาที่เริ่มมีความมันนิดๆ คำนี้เชฟจะเบิร์นส่วนของหนังปลาที่เป็นสีแดงเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความหอมมันมากยิ่งขึ้นค่ะ 7.Hotate yaki เมนูนี้มีที่มานิดหน่อยค่ะกว่าจะเสิร์ฟมาให้เราทาน เชฟบอกว่าเริ่มจากการ - แกะหอยเซลล์โฮตาเตะออกมา ซึ่งจะมีน้ำใสๆ ทางร้านจะเก็บน้ำนั้นไว้เพื่อใช้เป็นน้ำสต๊อกค่ะ - นำหอยที่แกะแล้วไปต้มสะดุ้งในน้ำ 100 องศา แล้วนำมาแช่ในน้ำสต๊อก 3 วัน ซึ่งแช่ทั้งชิ้นค่ะ - ย่างบนเตาถ่านพอสุก ซึ่งเราก็จะได้ความหอมๆตรงหน้าเรา - สาหร่ายแผ่นก็มีการย่างเพิ่มความกรอบเช่นกัน - ระหว่างรอทุกอย่างย่าง ก็มาทำข้าว ซึ่งจะคลุกด้วยไข่หอยเม่น - พอทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็นำสาหร่ายมาห่อข้าวและหอย เสิร์ฟให้เราทาน ซึ่งเชฟจะเสิร์ฟจากมือให้เราเลยค่ะ บอกเลยว่าเป็นรสชาติที่ลงตัวมากค่ะ ข้าวจะมันๆ เนื้อหอยหนุบๆนุ่มๆ และมีความกรอบๆหอมๆของสาหร่าย จนอยากจะบอกเชฟว่าไม่มีเบิ้ลเหรอ 55 ซึ่งคำนี้ควรรีบทานเพื่อคงความกรอบของสาหร่ายค่ะ 8.Amaebi อะไมบิ หรือกุ้งหวานที่เสิร์ฟพร้อมข้าวคลุกมันปู มาในแก้วสวยๆ ซึ่งเชฟจะฉีดทองคำเปลว(แบบฟู๊ดเกรด) ให้เราได้ถ่ายรูปทองปลิวฟุ้งๆสวยงามค่ะ โดยการทาน เราก็ตักทานทุกอย่างรวมกัน จะได้ความหอมหวานมันและสดชื่นจากตัวกุ้งค่ะ 9.Uni ซูชิโรล ที่ท๊อปด้วยอูนิหรือไข่หอยเม่น คำนี้ทานแล้วสดชื่นมากๆ ไข่หอยเม่นมีความสดไม่มีรสคาวเลย คือดีต่อใจจริงๆค่ะ ชอบๆ 10.Ikura ซูชิโรลอีกคำ คำนี้ท๊อปด้วยไข่ปลาแซลมอน ที่มีสีส้มใสดูชุ่มฉ่ำ ได้รสเค็มๆมันๆ ที่ไม่มีความคาวและไม่เค็มเกินไป คือถูกใจมากอีกคำค่ะ (เพื่อนไม่ทานไข่ปลาแซลมอน เชพจึงเสิร์ฟซูชิปลาชูโทโร่แทน ซึ่งเป็นปลาที่มีความมันระดับ 2 ค่ะ) *ระดับ 1 คือ Akami (อากะมิ) ระดับ 2 คือ Chutoro (ชูโทโร่) และ ระดับ 3 คือ Otoro (โอโทโร่) 11.Zuwai Ankake คั่นด้วยซุปหอมๆ เป็นซุปขาปูซูไว หรือขาปูแมงมุม ใส่ไชเท้าหวาน ใส่น้ำซุปอังคาเกะ มีความหวานหอมละมุนกับเนื้อปุนุ่มๆอร่อยดีค่ะ ไชเท้าก็นุ่มๆหวานหอมดีมาก เชฟมีใส่ใบซันโช หรือพริกไทยญี่ปุ่น เพิ่มรสเผ็ดซ่านิดๆให้เมนูนี้มีหลายรสมากขึ้นค่ะ 12.Akami ปลาชูโทโร่ เป็นปลาที่มีไขมันระดับ 2 ท็อปด้วยไข่ปลาสเตอร์เจียนหรือไข่ปลาคาเวียร์ และทองคำเปลวเพิ่มความสวยงาม ซึ่งคำนี้มีความนุ่มหนุบอร่อยดีมาก 16.Otoro Inaniwa เส้นอินะงิวะ หรือเส้นอุด้งที่มีความนุ่มหนุบ ทานคู่กับโอโทโร่สับ ที่มีไขมันระดับ 3 เพิ่มเติมรสให้ลงตัวด้วยไข่ปลาแซลมอน อร่อยสดชื่นดีค่ะเมนูนี้ 13.Unagi snow ข้าวหน้าปลาไหลที่ไม่ธรรมดา ด้วยการโรยไข่ต้มด้านบนเพิ่มความครีมมี่ ทางร้านใช้ไข่ออร์แกนิคไปต้มและนำมาฝานเป็นผงๆ ให้ดูเหมือนเป็นหิมะที่โปรยปรายลงมาบนปลาไหล ซึ่งเชฟแนะนำว่าควรทานทั้งในคำเดียว เพื่อให้ได้รสที่ลงตัว คือจะได้ความนุ่มของปลา ความหวาน จากซอส และความมันจากไข่ มีความลงตัวอร่อยฟินค่ะ (เพื่อนไม่ทานปลาไหล เลยได้ซูชิปลาบุรีแทน ซึ่งเพื่อนบอกว่าฟินเช่นกันค่ะ) 14.Matsuzaka Dry Suki มาแบบร้อนๆเดือดๆกันบ้าง สุกี้เนื้อมัตสึซากะค่ะ ทางร้านใช้น้ำซุปที่ทำจากไขกระดูกสันหลังเนื้อ แล้วนำเนื้อดิบลงไปแกว่งให้สุกประมาณ 70% ตักใส่จาน ราดน้ำซุปลงไปเพิ่มพอให้ขลุกขลิก เสิร์ฟพร้อมไข่ดิบและต้นหอม ก่อนทานก็คนรวมๆกัน ซึ่งเนื้อมีความนุ่มหนุบ ได้ความ หวานจากน้ำซุป อร่อยๆชอบค่ะ (เพื่อนไม่ทานเนื้อ ก็จะได้เป็นหมูคุโรบุตะแทนค่ะ) 15.Foie Gras Sandwich แซนวิชฟัวกราส์ แป้งแซนวิชที่มีความกรอบนิดๆ ทานคู่กับฟัวกราส์ที่มีความนุ่มชุ่มฉ่ำ มีซอสทงคัสซึแบบเปรี้ยวที่มีส่วนผสมของอินะงิวะ เมนูนี้ใช้ซอสแบบเปรี้ยวเพื่อไม่ให้คำนี้เลี่ยนไป ทำให้ทานรวมกันหมดอร่อยลงตัวมากค่ะ ยังมีไข่ปลาแซลมอนมาเพิ่มความอร่อยบวกๆเข้าไป อีก 17.Tamogo bate ไข่หวาน ที่ทางร้านไม่ได้ผสมแป้งเลยค่ะ พอกัดทานเข้าไป จะได้ความนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่มีความคาวเลย คืออร่อยมาก แนะนำว่าคุณจะลืมไข่หวานแบบเดิมๆไปเลยค่ะ 18.Hirame Osuimono ซุปท้องปลาบุรี เป็นซุปใส ที่ได้ความหวานหอมเค็มที่ลงตัว เป็นคำที่จบของคาวได้ดี เพื่อเตรียมรอของหวานคำต่อไปค่ะ 2 คอร์สสุดท้าย จะเป็นของหวานที่เสิร์ฟมาพร้อมกันค่ะ 19.Desserts ไอศกรีมรสวานิลลา ที่มีความหวานหอมพอดีค่ะ 20.Melon เมลอน ที่มีความหวานชุ่มฉ่ำมากๆ สดชื่นจบคำพร้อมรอยยิ้มเลยค่ะ เครื่องดื่ม เราสั่งเป็นชาเขียวเย็น 60 บาท ซึ่งจะไม่รวมในคอร์สโอมากาเสะค่ะ โดยรวม เป็นโอมากาเสะที่จบครบสมบูรณ์แบบดีค่ะ มีหลายรสชาติ มีความลงตัวในแต่ละคำ เชฟก็บริการดี ยิ้มแย้ม ใจเย็น ให้ความรู้ดีมากๆ ซึ่งแต่ละวันอาจมีการปรับเปลี่ยนบางคอร์สตามวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาล แต่ยังคงความฟินแน่นอนค่ะ นอกจากคอร์สโอมากาเสะ ทางร้านก็มีแบบ A La Carte และยังมี Lunch Set ที่น่าสนใจเช่นกันค่ะ เวลาเปิดปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11:00 - 14:00 น. และ 17:00 - 22:00 น. *Omakase เปิดทุกวัน วันละ 4 รอบ คือ เวลา 12:00, 16:00, 18:00 และ 20:00 น. (แนะนำว่าควรโทรจองก่อนจะดีกว่าค่ะ) ซึ่งทางร้านรับบัตรเครดิต ไม่มีชาร์จเพิ่มค่ะ สนใจสำรองที่นั่ง หรือ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ โทรศัพท์: 02-115-7628 หรือ 088-627-8264 LINE ID: @kokojapanese (มี@ข้างหน้าด้วย) หรือคลิกที่ลิงค์ http://nav.cx/t44LWd Instagram: kokojapaneserestaurant

  • 15
  • 1
20/01/06

Other Reviews