มื้อกลางวัน

จากเมนูที่ทำกินกันเองในบ้าน สู่การเปิดเป็นร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดแบบจุกๆ การันตีด้วยรางวัล Michilin Bib Gourmand 4 ปีซ้อน ยิ่งกว่าการันตีคือลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมาต่อคิวกันแน่น ตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด จนร้านจะปิดยังต่อแถวกันยาวไม่ท้อถอย จะเป็นร้านอะไรไม่ได้อีก นอกจากร้าน เฮียให้ (Here-Hai) สุดยอดร้านข้าวผัดโคตรปูแน่นจุกๆ กับสโลแกน “ผมอยากทำข้าวผัดปูที่ดีที่สุด” ร้านขนาด 1 คูหาซ่อนตัวอยู่ใจกลางย่านเอกมัยที่แสนวุ่นวาย ตกแต่งด้วยบรรยากาศแนวสตรีทฟู้ด แม้กระทั่งกระทะที่ผ่านการใช้งานก็นำมาตกแต่ง เสียดายตรงที่ลูกค้าแน่นร้านเลยไม่มีโอกาสได้ถ่ายบรรยากาศร้านให้ได้ชมกันเยอะกว่านี้ จะเป็นแนวเน้นทานไม่เน้นนั่งยาว การเดินทางมาร้านนี้ แนะนำว่าให้นั่งรถโดยสารจะสะดวกที่สุด แต่ถ้าจำเป็นต้องนำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถขับไปจอดที่ Big C เอกมัย หรือ Donki Mall แล้วเดินมาที่ร้านอีกที หรือถ้าไม่อยากมาต่อแถวให้เสียเวลา สั่งผ่าน Delivery ทั้ง Line Man Grab และ Robinhood ได้เหมือนกัน เมื่อมาถึงร้านแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเลยคือ การรีบไปจองคิว โดยทางร้าจะมีให้ลงชื่อในสมุด จากนั้นก็ไปเดินเล่นแล้วกะเวลากลับมาร้านอีกทีก็ได้ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะยอมยืนต่อแถวมากกว่า เพราะหลังจากที่ทางร้านเรียกชื่อแล้วไม่อยู่ เค้าจะข้ามไปคิวถัดไปเลย สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมสักเล็กน้อย เมื่อเทียบกับที่เคยสั่งไปทานที่บ้าน น่าจะเป็นเรื่องของวัตถุดิบบางอย่างที่หายไป อย่างวันที่ไปทานนั้นจะไม่มีหมึก และหอยเชลล์ ซึ่งเป็น Signature Menu ของทางร้านเหมือนกัน อย่างไรก็ดี ปูม้า กุ้ง และกั้ง สามวัตถุดิบหลักของร้านขายอยู่ตามปกติ นอกจากนี้ก็มีเนื้อวัวให้บริการเช่นกัน ประเภทอาหารของร้านส่วนใหญ่จะเน้นไปที่กับข้าวเป็นหลัก แต่หากอยากทานแบบราดข้าว ก็มีเช่นกัน มาร้านนี้แล้ว เมนูแรกที่แนะนำให้สั่งเลย คือ ข้าวผัดโคตรกรรเชียง ไซส์ L ราคา 950 บาท จานนี้ทางร้านจะ Recommend ว่าเหมาะกับ 3 ท่าน แต่ถ้าอยากทานเมนูอื่นด้วย และมากันประมาณ 7-8 คน สั่งไซส์นี้ก็พอ แค่กรรเชียงปูอย่างเดียวก็น่าจะเกือบครึ่งกิโลกรัมได้ ไหนจะข้าวที่มาแบบพูนๆ อีก การผัดของร้านนี้จะเน้นให้ติดกระทะ ไฟแรงๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำปรุงสูตรลับที่ร้านเก่าแก่ถึง 30 ปี และนำกรรเชียงปูเนื้ออวบอ้วน มาโรยให้ท่วมๆ เมื่อมาเสิร์ฟแล้วเราควรตักทานทันที กลิ่นหอม รสชาติจะออกเค็มนิดๆ มีความแห้งร่วนตามสไตล์จีนๆ เนื้อปูดี สดอร่อย หวานนิดๆ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ ของร้าน บอกได้เลยว่านี่คือข้าวผัดที่ดีที่สุดจานนึงที่เคยทานมาเลยทีเดียว ถ้าอยากได้ความหวานของเนื้อปูเพิ่มเติม ควรสั่งเป็นข้าวผัดโคตรปู ที่จะมีผสมเนื้อก้ามปูม้าด้วยนั่นเอง ต่อกันด้วยของทอด 2 เมนูรัวๆ กับ ขลุ่ยปู ราคา 160 บาท และแฮกึ๊น จ้อกุ้งทอด ราคา 320 บาท เมนูของทอดที่เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆ ตัวขลุ่ยปูสอดไส้เนื้อปูตลอดทั้งชิ้น มีความกรุบกรอบกำลังดี จิ้มน้ำจิ้มบ๊วยก็ดี ส่วนจ้อกุ้ง จะมีความหนึบแน่นของเนื้อกุ้งที่ผสมกับเนื้อปลาอีกที ทอดได้กรอบกลางๆ ทานตอนร้อนๆ จะอร่อยกว่า เคล็ดลับความอร่อยอีกอย่างคือการใช้น้ำมันหมูมาผัดอาหาร ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่จากการทำน้ำมันหมู คือกากหมู เลยกลายมาเป็นเมนู กะหล่ำ กากหมูพริกเกลือ ราคา 150 บาท เทคนิคการผัดแบบเดียวกับข้าวผัดปู เพียงแต่รสชาติจะเค็มกว่ามากจากตัวน้ำปลาที่ใส่ลงไป โรยด้วยกากหมู และพริกที่ผ่านการคั่วให้ร้อนและดึงกลิ่น รส ออกมาให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนำมาคลุกเคล้ากับกะหล่ำปลีอีกที เป็นจานที่อร่อยในแบบบ้านๆ กากหมูคือ the best พอทานไปสักพักแล้วจะเริ่มรู้สึกคอแห้ง สิ่งที่ช่วยได้คือน้ำซุป เลยอยากแนะนำให้สั่งต้มยำกุ้ง ราคา 420 บาท มาทานด้วยกันเลย เป็นสไตล์น้ำใสเสิร์ฟมาเป็นถ้วยที่เก็บความร้อนได้ดี รสชาติเน้นเปรี้ยวเฟรชๆ เครื่องสมุนไพรแน่น มีใส่เห็ดมาด้วย ส่วนกุ้งที่เป็นวัตถุดิบหลักของจานนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เนื้อเด้งกรอบ ไม่แข็งกระด้าง ตัวใหญ่ใช้ได้เลยทีเดียว อีก 1 เมนูที่ไม่ได้ตั้งใจสั่ง แต่เห็นโต๊ะข้างๆ สั่งแล้วอดใจไม่ไหว กับ กุ้งยักษ์เผา ราคา 690 บาท เป็นไซส์ 3 ตัวโล ขนาดก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว แต่มันกุ้งคือเยอะกว่า เวลาทานแนะนำให้ตัดเนื้อกุ้งเป็นชิ้นๆ ส่วนมันกุ้ง ให้นำมาใส่ข้าวสักช้อน ตักเข้าปาก จากนั้นให้กินน้ำจิ้มซีฟู้ดตามจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง และค่อยทานเนื้อกุ้งอีกที ตัวมันกุ้งจะมีความหืนๆ สักหน่อยถ้าทานเพียวๆ เนื้อกุ้งมีความเด้ง ไม่เหม็นแต่อย่างใด ทานได้ทั้งตัวยกเว้นเปลือก และสุดท้ายกับเมนูอาหารคาวกับ กั้งพริกเกลือ ราคา 420 บาท ทางร้านใช้กั้งหวานไซส์ใหญ่สุดแล้ว ผ่านการแกะเปลือก ลวกน้ำร้อน และนำไปคั่วในกระทะกับกระเทียมและพริกสด ทานเปล่าๆ จะรู้สึกแห้งนิดหน่อย แต่ถ้าราดน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยจะฟินขึ้นมาทันที เนื้อมีความฉ่ำอยู่ เด้งนิดๆ แต่ไม่เท่ากุ้งแม่น้ำ ของดีอีกอย่างคือกระเทียมที่นำไปคั่ว เอามาราดข้าวผัดแล้วทานคือดีเว่อร์จนอยากให้ลองทำตาม นอกจากเมนูของคาวจัดเต็มกันไปแล้ว สิ่งที่อยากให้ลองสั่ง คือน้ำส้ม ราคา 30 บาท ทานเปล่าๆ จะอร่อยกว่าใส่น้ำแข็ง รสชาติจะเน้นหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ไม่มีคำว่าขม และอีกเมนูคือ ชาไทย ขวดละ 60 บาท ตอนแรกลองเทใส่น้ำแข็งรู้สึกเลยว่ารสชาติค่อนข้างจะจืด เลยทานเพียว สุโค่ยฝุดๆ รสชาติหนักไปทางชา เน้นความเข้มข้นของชาก็จริง แต่เรื่องความนุ่มของนมก็ดีไม่แพ้กันเลย เฮียให้ เป็นร้านอาหารสตรีทฟู้ดที่เน้นขายความพรีเมี่ยมของอาหารมากกว่า จัดเต็มทั้งปริมาณ และคุณภาพของวัตถุดิบ รสชาติที่คงเส้นคงวาตามสูตรของเฮียให้ ในเรื่องของบริการเราก็หวังอะไรไม่ได้มาก พนักงานก็น้อยแต่ลูกค้าคือแน่นร้านตลอด แต่พนักงานเองก็พยายาม Service ให้ดีที่สุด ซึ่งอันนี้ต้องขอชมจากใจเลย ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมร้านนี้ถึงได้รางวัลการันตีความอร่อยจากมิชลินถึง 4 ปีซ้อน แม้เมนูจะให้เลือกสั่งน้อย แต่ทุกจานก็มีเรื่องราวในตัวของมันเอง สมกับสโลแกนของร้านนี้จริงๆ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี

  • 2
  • 0
23/01/14

Other Reviews

ร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง