มื้อเย็น

The Old Man x แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ . งานนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าต้องขอกราบงามๆ ให้กับ GM บ้านแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ที่ได้จับมือบาร์อันดับหนึ่งแห่งเอเชียอย่าง The Old Man บินตรงจากย่าน SoHo ฮ่องกง มาเปิดให้บริการในรูปแบบของ Pop Up Bar ที่บริเวณล็อบบี้โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาถึง 3 เดือนเต็ม ตั้งแต่ 1 มิถุนายน -31 สิงหาคม 2562 . ที่เราและนักดื่มหลายๆ คนตื่นเต้นและรอคอยกับการมาของ The Old Man ไม่ใช่เพียงเพราะบาร์นี้ยืนหนึ่งใน Asia’s 50 Best Barประจำปี 2019 ทว่าเราตื่นเต้นกับแนวคิดสุดล้ำในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มของบาร์เทนเดอร์ทั้ง 3 หนุ่ม (ที่ไม่ได้แก่อย่างชื่อนะ) ได้แก่ อังกุง ปราโบโว (Agung Prabowo), เจมส์ ทามัง (James Tamang) และโรแมน กาเล (Roman Ghale) ซึ่งต้องเรียกว่าใจกล้ามากที่เปิดบาร์เล็กๆ ขนาดหนึ่งห้องกลางย่านที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในฮ่องกง . หลังจากที่ The Old Man เปิดตัวในปี 2017 ปี 2018 ก็สามารถคว้าท็อป 5 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย และติดท็อป 10 บาร์ดีระดับโลกในปีเดียวกัน ซึ่งความโดดเด่นอย่างหนึ่งของ The Old Man นั้นคือเขาไม่ใช่ชายแก่คร่ำครึ แต่เป็นชายแก่ที่แสวงหาเทคโนโลยี เทคนิคใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนแวดวงค็อกเทลไปยังโลกอนาคต เช่นการนำเครื่อง Roto-Vap มาสกัดกลิ่นรสของสปิริตต่างๆ รวมทั้งวัตถุดิบให้มีความละมุนลุ่มลึกยิ่งขึ้น บอกเลยว่านี่เป็นบาร์แรกๆ ที่นำเครื่องตัวนี้มาใช้ และนั่นก็คือให้บลัดดี้แมรี่ของที่นี่ (A Moveable Feast #1964) เป็นสีใส และมีความซับซ้อนด้านรสชาติขั้นสุด เสิร์ฟพร้อมกับใบออสเตอร์เป็นความแปลกใหม่ในรสชาติมากๆ . ส่วนที่มาของชื่อ The Old Man นั้นมาจากการผจญภัยของเฒ่าทะเล The Old Man and the Sea โดยนักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมชาวอเมริกัน ‘เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์’ (Ernest Hemingway) ชีวิตด้านหนึ่งของเฮมิงเวย์นั้น เขาคือนักดื่มผู้รื่นรมย์กับการออกไปเสาะแสวงหาบาร์และค็อกเทลชั้นยอด และแน่นอนว่าค็อกเทลชั้นยอดแบบฉบับเฮมิงเวย์ก็มาถึงเมืองไทยแล้วโดยไม่ต้องตีตั๋วไปรอคิวที่ฮ่องกงแต่อย่างใด . สำหรับบรรยากาศของ The Old Man แบบฉบับป๊อบอัพบาร์ที่ไทยนั้นบอกเลยว่ากว้างขวางกว่าที่ฮ่องกงสัก 2 เท่าตัวเห็นจะได้ ทว่าการตกแต่งยังคงยึดตามแบบฉบับฮ่องกงเป๊ะ มีบาร์เทนเดอร์หลักจากฮ่องกงหมุนเวียนมาตลอด 3 เดือน และสำหรับเมนูเครื่องดื่มนั้น แทบจะยกจากที่ฮ่องกงมาครบ . ที่เราได้ลองและตกหลุมรักในทันทีคือ Death in the Afternoon #1932 บอกเลย “เฮ้! นี่มันยาพิษชัดๆ” เพราะกลิ่นรสหอมหวานเหมือนขนม ดื่มง่ายได้เรื่อยๆ แต่เนื้อในคือแอปซินที่มีดีกรีแรง และแรงจริงๆ สาวๆ โปรดดื่มด้วยความระมัดระวัง . เช่นเดียวกับ The Snows of Kilimanjaro #1936 ที่นำจินที่อินฟิวกับมาร์ชเมลโล่ ผสมกับราสป์เบอร์รีแลคโต โรยด้วยชีสกรูแยร์ ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มชาชีสสยามที่ดื่มได้เรื่อยๆ แต่ความแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ส่วนสายคลาสสิคต้อง Little Wax Puffy นำเบอร์เบิ้นไปอินฟิวกับขี้ผึ้ง ผสมน้ำผึ้งและบิตเตอร์ แก้วเดียวอยู่ . The Old Man (Pop-upExperience) ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ ของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ / วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เปิดให้บริการ เวลา 19.00 น. - 2.00 น. / วันศุกร์ – วันเสาร์ เวลา 19:00 น. – 3:00 น. โทร 0-2659-9000

  • 12
  • 2
19/06/08

    ร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง