อยู่บ้านเบื่อ ๆ สั่ง Delivery ร้านอาหารอินเดีย ที่ไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ ก็เจอร้านนี้ Indian Food S1 ตรงจรัญสนิทวงศ์ ค่าส่งไม่แพง อาหารไม่แพง เฉลี่ยแกงละ 150.- ของดีห้ามพลาดก็ต้อง Butter chicken แหละ นวล หอม อร่อยมาก แต่ Chicken masala ออกเค็มจัด ๆ เลยต้องเลือกแต่เนื้อไก่ทาน กับซอส bitter chicken Chicken Korma เมนูนี้ก็ดีงามมาก ๆ เนื้อเนียน นวล หอม เข้มข้นดี Pani puri เครื่องมาเยอะเลยเฉลี่ยลูกละ 10 บาท
เห็นโพสต์ในกลุ่มอาหารอินเดียไปเรื่อยว่าร้าน Tandoori House ที่อยู่แถวจรัญจะไปออกบู้ทที่เดอะมอลล์ ท่าพระ เราก็ไปเดอะมอลล์ ท่าพระพอดี เลยแวะไปโฉบ ซื้อมาลองชิมซักหน่อย อาหารมีไม่เลือกไม่มาก ประมาณ 4-5 อย่าง + ชามาซาล่า และ Lassi วันที่ไปเสียดายไม่มีแป้งนาน ก็เลยลองซื้ออาหารมาชิม 1 อย่างกับชามาซาล่า 1 ขวด - ข้าวอินเดีย+แกงบัตเตอร์ชิกเก้น 160 บ. ข้าวเม็ดยาวเรียว หุงมากำลังดีไม่นิ่มไม่แข็งจนเกินไป แกงหอมเครื่องเทศรสกลาง ๆ ไม่จัดมาก ไก่ใส่มาพอประมาณ นิ่มดีไม่แข็ง - ชามาซาล่า 80 บ. เป็นชานมอินเดียใส่เครื่องเทศ มีความเย็น ๆ หอมสดชื่น ชาเข้ม หวานน้อย กินได้ทั้งแบบร้อนและเย็น แต่ส่วนตัวเราว่าเหมาะจะกินแบบร้อนมากกว่าเย็น ราคาจัดว่าสูงนะสำหรับการจัดเป็นกล่องแบบนี้ ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอาจจะไม่กล้าซื้อ แต่สำหรับคนกินอาหารอินเดียอยู่แล้วก็จะพอรู้อยู่ว่า ราคาประมาณนี้ ตอนนี้บู้ทที่เดอะมอลล์ไม่มีแล้ว สามารถสั่งผ่านแอพเดลิเวอรี่ หรืออยู่ไกลก็ส่งผ่านรถเย็นได้ทั่วไทยจ้า
" Bangkok Tadka พ่อมดผู้ร่ายมนต์อาหารอินเดียแอบหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลึกลับ รับวันละแค่ 2 โต๊ะเท่านั้นในห้องแถวเล็กๆในซอยจรัญสนิทวงศ์ 11 " ถ้าผ่านหน้าร้านไม่สังเกตดีๆก็จะเห็นเป็นห้องแถวธรรมดา แต่ถ้าได้แวะมาลิ้มลองแล้วเป็นอีกหนึ่งร้านที่อยากจะกลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะติดใจในรสมือของเชฟ ที่สำคัญราคายังเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ อาหารแบบสไตล์โฮมเมดแต่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เมนูทั่วไปที่ทานตามร้านอาหารอินเดียต่างๆทางร้านนี้ธรรมดาได้รสชาติและรสสัมผัสแตกต่างจากร้านทั่วไปแต่มีกลิ่นอายเสน่ห์เป็นของตัวเอง คุณนเรศหนุ่มอินเดียครึ่งลำพูนผู้มีประสบการณ์โชกโชนมาหลากหลายอาชีพเดินทางไปทั่วโลกสั่งสมประสบการณ์จากผู้จัดการร้านอาหารมาสู่ในครัว เครื่องเทศต่างๆนำมาจากแหล่งวัตถุดิบเฉพาะ ทางร้านนำมาผสมผสานและปรุงเครื่องเทศเองไม่ได้มีแบบฉบับของท้องถิ่นไหนเป็นที่ตั้ง นำมาผสมปสานรวมๆกันตั้งแต่ปัญจาบ เดลี คุชราต เบงกอล ไทย และอีกหลายท้องถิ่นจนมาเป็นเอกลักษณ์ของคุณนเรศโดยมีภรรยาผู้มีฝีมือและประสบการณ์กดไม่น้อยกว่ามาร่วมกันในครัวเล็กๆแห่งนี้ Butter chicken เมนูยอดฮิตทางร้านทำมาได้เข้มข้นและกลมกล่อมกว่าร้านอาหารอินเดียทั่วไปใส่ผงมะม่วงดิบที่ออกรสเปรี้ยวมีเสน่ห์เป็นของตัวเองต้องลองมาทานกันดูห้ามพลาด Mustard Fish เป็นอีกหนึ่งจานที่ต้องสั่งเมื่อมาร้านนี้ รสชาติจะออกเปรี้ยวแต่เผ็ดร้อนตามสไตล์เบงกอลหาทานได้ยาก จานนี้เอาไปเลยเต็มร้อย Pepper prawn สไตล์ศรีลังกา รสชาติจะเผ็ดร้อนพริกไทยคล้ายกับผัดพริกไทยดำแต่แตกต่างและรสชาติเข้มข้นกว่า😍 Chicken 65 เมนูอาหารอันเลื่องชื่อของอินเดียที่ไปที่ไหนก็ต้องสั่งมาพร้อมกับซอสที่เคลือบตัวไก่มารสเข้มข้นเผ็ดร้อนนิดๆใส่ใบหมุยหอม หรือว่าคนจะเรียกว่าใบกะหรี่หรือใบหอมแขกจานนี้รสชาติดีมาก chicken tikka masala ของร้านนี้จะไม่ยอมนำเป็นร้านอื่นรสชาติจะเปรี้ยวเผ็ดและเค็มจัดจ้านถึงใจ เมนูของทานเล่นอย่าง samosa อาหารสไตล์ผักอย่าง Kadai paneer, bhindi aloo ทานคู่กับนานและพาราต้าร์ก็เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม ร้านจะรับจองแค่วันละ 2 โต๊ะเท่านั้นแต่ตอนนี้คิวยาวเหยียดไปถึงเดือนไหนก็ไม่รู้ หรือว่าถ้าอยากจะสั่งกลับมาทานที่บ้านแบบเดลิเวอรี่สั่งล่วงหน้าสัก 1 วันก็จะได้ทานของอร่อยของร้านนี้ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 น.จนถึง 21:30 น. ร้านตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 11 มีที่จอดรถหน้าร้านประมาณ 2 คันตาม google map ไปรับรองถึงแน่นอน https://maps.app.goo.gl/5vAEEyeEXx7E56oa6 Bangkok Tadka 098 103 1986 #funnyapril2021
ร้านอาหารอินเดียลับๆ ที่แอบอยู่ในซอบจรัญสนิทวงศ์ 11 สามารถเดินทางด้วย MRT ลงที่สถานีจรัญฯ 13 แล้วเดินเข้าซอยไปไม่ไกล หรือถ้าขับรถมา แนะนำว่าให้โทรสอบถามร้านก่อนว่าที่จอดหน้าร้านว่างหรือไม่ครับ หรือไม่งั้นต้องไปจอดที่ Tesco หรือ Home Pro ที่อยู่แถวนั้น แล้วเดินมาจะดีที่สุดครับ ส่วนที่จอดรถตรง 711 ไม่แนะนำเนื่องจากมีพนักงานจะเอากระดาษมาเสียบที่หน้ารถถ้าเราจอดนานเกินไปครับ สำหรับการมาทานร้านนี้ หากจะมาทานที่ร้านต้องจองผ่าน Line ของร้านมาล่วงหน้าก่อน รวมทั้งสั่งเมนูอาหารไว้ล่วงหน้าได้เลยเช่นกัน (มาจ่ายเงินตอนทานเสร็จตามปกติ) แต่ถ้า Take home สามารถโทรมาสั่งก่อนแล้วค่อยมารับทีหลังได้ครับ แนะนำว่าสั่ง Take Home จะสะดวกที่สุดครับ ตัวร้านจะมีที่นั่งอยู่ค่อนข้างน้อยนิดครับ ไม่เกิน 10 ที่นั่ง ถ้าหากมีกรุ๊ปใหญ่มาลงก่อนหน้าก็เต็มร้านแล้วครับ กลิ่นจากในร้านจะค่อนข้างแรงเป็นพิเศษครับ ดังนั้นกลับบ้านไปกลิ่นติดตัวแน่นอนครับ เมนูอาหารช่วงนี้จะยังเป็นช่วงทดลองขายอยู่ครับ ดังนั้นจะขายเฉพาะอาหารอินเดียและแถบเบงกอลเป็นหลักครับ ส่วนอาหารไทยและอาหารฝรั่งมีในเมนูแต่ยังไม่จำหน่ายเพิ่มเติม ส่วนนี้สามารถสอบถามร้านได้เลยครับ เชฟผู้มาเสิร์ฟความอร่อยให้กับเราวันนี้คือ ป๋า(พี่) นเรศ จันทร์ดอก เชฟคนไทยเชื้อสายภารตะจากภาคเหนือบ้านเรา ที่เคยผ่านงานมาหลายตำแหน่งทั้งอาจารย์ ทำงานธนาคาร พนักงานบริษัท และผู้จัดการร้าน จนอยู่มาวันนึงได้เข้าไปคุมงานครัวเพราะว่าเชไม่มา ทำให้ป๋านเรศค้นพบว่าตัวเองชอบในงานครัวนั่นเอง ก่อนจะเริ่มทาน ทางร้านจะมีเสิร์ฟ Chutney หรือซอสสีเขียว ไว้ทานตัดเลี่ยน และหัวหอมดองสีออกชมพูๆ แนะนำว่าถ้าเผ็ดเกินไป จิ้ม Chutney สักหน่อยช่วยได้เยอะครับ เราจะมาเริ่มต้นด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Chicken 65 หรือไก่ 65 ราคา 150 บาท เป็นเมนูที่ทางเชฟคิดขึ้นมาเพื่อให้คนที่ไม่เคยทานอาหารอินเดียได้ลองชิมก่อนครับ แต่เอาจริงๆ แล้วพอชิม รสชาติถือว่าเผ็ดจัดจ้านเลยทีเดียวครับ ตัวไก่จะทอดกรอบแล้วค่อยราดแกงลงไป ทำออกมาแบบคลุกคลิกและมีโหระพาทอดโรยปิดท้าย ตามต่อมาด้วยจานหลักจานแรกอย่าง Chicken Tikka Masala ราคา 150 บาท จานนี้ถือว่าเผ็ดจัดจ้านที่สุดในมื้อนี้ครับ ตัวไก่จะนำไปย่างก่อนแล้วนจึงมาต้มในแกง Masala อีกที รสชาติจะหนักเครื่องเทศ เผ็ดจัดจ้าน เนื้อไก่นุ่มอร่อย หน้าตาเหมือนมีกระดูกแต่จริงๆ คือเนื้อทั้งชิ้น ถ้าหาก Masala หนักไป แนะนำลองเป็น Butter Chicken ราคา 150 บาท ตัวนี้สีจะออกส้มๆ ขาวๆ ตัวไก่ชิ้นเล็กหน่อย แต่รสชาติดีไม่แพ้มาซาล่าเลยครับ ออกมันๆ เผ็ดกลางๆ ทานกับนานอร่อยครับ นอกจากเนื้อไก่แล้ว ที่ร้านเองก็ยังมีเนื้อแพะด้วยเช่นกัน อย่างเมนู Mutter Curry ราคา 350 บาท จานนี้แพงที่สุดแล้วเพราะเนื้อแพะแพงครับ ตัวเนื้อจะผ่านการตุ๋นมาพอสมควร มีความหนึบๆ ออกแรงเคี้ยวหน่อยๆ ไม่ถึงขั้นละลายเหมือนแพะตุ๋นยาจีน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือการดับกลิ่นคาวคือชนะเลิศ กลิ่นไม่มี แถมรสชาตินมๆ ที่ปกติจะเจอ ก็ไม่มีเช่นกัน ผ่านส่วนของแกงเนื้อไปแล้ว ถ้าทานมังสวิรัติอย่างเดียว ที่ร้านก็มีเมนูอย่าง Chickpea Masala ราคา 80 บาท เมนูถั่วลูกไก่ในแกงมาซาล่า ตัวถั่วจะนุ่มละลายในปาก ให้ Texture เหมือนทานถั่วลิสงต้ม ส่วนแกงรสชาติเผ็ด แต่ไม่หนักเท่ากับ Tikka Masala ครับ นอกจากแกงๆ แล้ว ร้านนี้เมนูประเภทผัดๆ ก็น่าสนใจอย่าง Mustard Fish ราคา 150 บาท วันนี้ทางร้านได้ปลาทับทิมมา จึงนำมาผัดกับมัสตาร์ด ให้รสชาติที่เบาลงกว่าทานแกงที่รสชาติหนักๆ ดับคาวปลาอยู่หมัด เนื้อปลานุ่มอร่อย รสสัมผัสดี มีความฉ่ำๆ ส่วนตัวซอสจะออกมัสตาร์ดที่ไม่ได้แสบจมูก แถมยังเข้ากับเนื้อปลาอย่างบอกไม่ถูก เป็นจานที่แนะนำว่าต้องสั่งครับ ส่วนของแป้งที่ทานวันนี้จะมี 2 เมนูอย่าง Garlic Nan ราคา 90 บาท มีด้วยกัน 2 แผ่นใหญ่ๆ แล้วมาหั่น มีด้วยกัน 2 แผ่นใหญ่ๆ แล้วมาหั่น 4 ชิ้นย่อยต่อแผ่นอีกที เนื้อจะออกนุ่มๆ ไม่เน้นกรอบหรือเหนียวแบบร้านอื่นๆ ทานกับแกงดับความเผ็ดได้ดีครับ และอีกเมนูอย่าง Chicken Biryani ราคา 150 บาท ข้าวหมกไก่ที่ใช้ข้าวบาสมาติมาผัดกับ Saffron ตัวข้าวจะออกร่วนๆ หน่อย ซึ่งส่วนตัวชอบออกแข็งๆ ถ้าแข็งกว่านี้อีกสักหน่อยจะดีเลย ส่วนไก่ให้มาทั้งชิ้นใหญ่ๆ แถมยังราดซอสมาอีกครับ ในส่วนของเครื่องดื่มที่ร้านจะมีอยู่ในตู้แช่ครับ ถ้าหากอยากทานอะไรก็หยิบได้เลย ส่วนน้ำแข็งไม่เสียเงินครับ โดยรวมแล้วเป็นร้านอาหารอินเดียที่รสชาติจัดจ้านมากที่สุดร้านนึง เท่าที่เคยทานมาครับ มีความเผ็ดแบบที่ทานแล้วยังเผ็ดได้ต่อเนื่องไม่มีดรอปเหมือนร้านอื่นๆ เมื่อเวลาทานไปเรื่อยๆ ราคาไม่แพง ปริมาณเยอะมากๆ จนต้องเอากลับบ้าน อย่างเมนูแกะแพะที่เหลืออยู่เยอะ ทางเชฟเองก็แนะนำให้เอาไปใส่หมูสับ ซึ่งลองแล้วอร่อยแบบตามที่เชฟบอกเลยครับ ส่วนการบริการจะเน้นเป็นแบบบ้านๆ ครับ หากสงสัยเมนูไหน สามารถสอบถามทางเชฟได้เลยเช่นกันครับ ถ้าหากเป็นสายเครื่องเทศอยู่แล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha #Funnyapril2021