หากมาทานของคาวย่านไปรษณีย์กลาง เราทักตบท้ายของหวานด้วยไอศกรีมของร้านฮงฮวด ต้นซอยเจริญกรุง 43 ซึ่งขาขายไอศกรีมมากว่า 80 ปี ไอศกรีมเขามีหลายรส ด้วยเงื่อนไขหลายราคา เราเลือกแบบไอศกรีม 3 สคูป ราคา 30 บาท มีรสกะทิ, วานิลลาและช็อกโกแลต พร้อมใส่เครื่องมา 3 อย่างคือเม็ดบัว ลูกชิดและข้าวโพด ไอศกรีมเขายังอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง หวานกำลังดี นมไม่เข้มข้นมากเกินไป
ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำระดับแนวหน้าในกรุงเทพฯ ร้านหนึ่งเลยก็ว่าได้ ขายมากว่า 50 ปีแล้ว ไปถึงสัก 11 โมงกว่าๆ ไม่งั้นพอเที่ยงเก้าอึ้อาจจะเต็มได้ สั่งเส้นเล็กต้มยำพิเศษ มาแบบเครื่องล้นใหญ่จุใจดีเหมือนกัน โดยเฉพาะสรรพเครื่องในต่างๆ ที่ทำมาดี ไม่คาว ไม่แข็ง ลวกมากำลังดี น้ำซุปดีมาก ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย แซ่บๆ ร้านอยู่ต้นซอยพุทธโอสถ บนถนนนเรศ อีกที เดินเข้ามาราว 20 เมตรซ้ายมือก็เห็นแล้ว
ร้านข้าวขาหมูเก่าแก่กว่า 40 ปีในซอยเจริญกรุง 43 (ตรงข้ามไปรษณีย์กลาง) สั่งข้าวขาหมูเนื้อหนังคากิ (60 บาท) ทุกอย่างต้มมาเปื่อยนุ่มดีมาก ส่วนน้ำราดของร้านนี้จะใสกว่าร้านข้าวขาหมูทั่วไป แล้วน้ำราดไม่หวานนำ แต่ออกเค๋มนิดๆ โดนรวมถือว่าอร่อย ราคายุติธรรมเลยทีเดียว
”เกี๊ยวเก๋ สี่พระยา“ มื้อเช้าเป็นเรื่องสำคัญ เช้าวันไหนก็ตามถ้าขับรถผ่านถนนสี่พระยา เป็นต้องแวะร้านเกี๊ยวเก๋ หน้าวัดแก้วแจ่มฟ้า ที่ต้องสั่งทุกครั้งเป็น Hors d'oeuvre คือขนมจีบหมูลูกใหญ่ แป้งบาง ไส้หมูสับปรุงรสอร่อย ใส่มาจนแน่น นึ่งร้อนๆ โรยกระเทียมเจียว พรมซีอิ๊วเปรี้ยว จิ๊กโฉ่ว ลงไปบางๆ วอร์มท้องได้ดีมาก จานหลักที่พลาดไม่ได้ คือ บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ใส่หมูแดง หมูกรอบ บะหมี่ของเขาเหนียวนุ่ม เคี้ยวอร่อย หอมกลิ่นไข่ กินเพลินมาก เกี๊ยวกุ้งปนหมู ก็ใส่กุ้งมาเป็นตัวๆ ห่อแป้งบาง หมูแดงรมควันมาอย่างดี รสเข้มข้น ส่วนหมูกรอบนั้น ขอบอกว่ากรอบทน กรอบนาน กรอบจนฝันถึง มีทั้งแห้งและน้ำ ส่วนตัวชอบแบบแห้ง ราดน้ำหมูแดงลงไปด้วย ไม่ต้องปรุงรสใดๆ อีกต่อไป คนไหนที่นิยมของหวานดับคาว ขอบอกว่ามีขนมถ้วยหวานๆ มันๆ ให้แคะกินเพลินๆ หมดจานไม่รู้ตัว แค่นี้ก็ตาเหลือก อิ่มจนกลิ้งไปทำงานได้